อธิบดีกรมการกงสุลร่วมกับมูลนิธิปวีณาฯประสาน ผวจ.ท่าขี้เหล็ก เร่งหา ทางช่วยเหลือเหยื่อถูกหลอกไปทำงานที่เมียนมารวม 28 ราย 1 ในนั้น มีสาว “แองจี้” ชาวมาเลเซียเชื้อสายจีน ลักลอบเข้าเมียนมาเพื่อติดต่อซื้อเครื่องสำอางแล้วหายตัวไป ภายหลังมีคลิปแองจี้บอก “ทำงานสบายดี” ตำรวจเร่งตรวจสอบคาดอาจถูกจัดฉาก แม่เหยื่อร้องทางการไทยช่วยเหลือ “ปวีณา” เผย ส่วนใหญ่ผู้หญิงสมัครใจ ไปทำงาน แต่ทำงานไม่ตรงตามที่คิด ได้ค่าแรงต่ำ แล้วให้เซ็นสัญญาทาสภายหลังที่นางเซียหยุน ชอง ซัมยี อายุ 51 ปี ชาวมาเลเซีย เชื้อสายจีน พร้อมลูกชายและเพื่อนเดินทางมาประเทศไทย เพื่อขอความช่วยเหลือตำรวจไทยช่วยติดตามตัว น.ส.แองจี้ ชอง ซัมยี อายุ 22 ปี ลูกสาวนางเซียนหยุน หลังเดินทางเข้ามาที่ จ.เชียงราย เมื่อวันที่ 29 พ.ค.พักที่โรงแรมแห่งหนึ่งบริเวณหน้าด่านชายแดน ต่อมาเช้าวันที่ 30 พ.ค. น.ส.แองจี้ออกจากโรงแรมกับหญิงคนหนึ่งลักลอบข้ามแดนไปที่ จ.ท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา แล้วขาดการติดต่อ กระทั่งญาติประสานขอความช่วยเหลือจากทางการไทยความคืบหน้าเช้าวันที่ 7 มิ.ย. พ.ต.อ.พิพัฒน์ นาระเดช ผกก.สภ.แม่สาย จ.เชียงราย กล่าวว่า สั่ง การให้ตำรวจชุดสืบสวนออกติดตามตรวจสอบกล้องวงจรปิดที่โรงแรมดังกล่าวพบว่า เมื่อช่วงเช้าวันที่ 30 พ.ค. น.ส.แองจี้ออกจากห้องมานั่งพักที่ล็อบบี้โรงแรม จากนั้นเดินออกไปหน้าโรงแรมพบกับหญิงสาวที่มารับและเอากระเป๋าไปด้วยกันเดินทางไปที่ท่าน้ำเกาะทราย ต.แม่สาย แอบลักลอบข้ามไปที่ จ.ท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา น.ส.แองจี้เปลี่ยนซิมโทรศัพท์เป็นของเมียนมา ทำให้ทางครอบครัวติดต่อไม่ได้ ต่อมาวันที่ 6 มิ.ย. ตำรวจ สภ.แม่สาย รับรายงานมีคลิปของ น.ส.แองจี้ ออกมาพูดเป็นภาษาจีน 2 คลิปคลิปแรกมีความยาว 22 วินาที บอกว่า “ตอนนี้ฉัน ทำงานอยู่และปลอดภัย ขอความกรุณาอย่าไปจับคนขับรถเขาไม่ได้ทำอะไรผิด” และคลิปที่ 2 ความยาวเพียง 3 วินาที บอกว่า “ทำงานอยู่ที่ร้านขายบุหรี่ไฟฟ้า ฝั่ง จ.ท่าขี้เหล็ก ด้วยความสบายใจ” ตำรวจตรวจสอบคลิปทราบว่าบันทึกอยู่ที่โรงแรมโกลเด้นเกต ใกล้สนามบินท่าขี้เหล็กแนวทางการสืบสวนทราบว่า น.ส.แองจี้เดินทางมาจากประเทศมาเลเซียเข้าไทยแบบนักท่องเที่ยว ก่อนลักลอบเข้าประเทศเมียนมาอย่างผิดกฎหมาย นางเซียหยุนให้การกับตำรวจว่า ลูกสาวทำงานกับบริษัทขายเครื่องสำอางแห่งหนึ่งที่ประเทศมาเลเซีย เมื่อได้รับการติดต่อกับเพจหนึ่งแนะนำให้ข้ามไปดูสินค้าตัวอย่างและเจรจากันที่ จ.ท่าขี้เหล็ก ลูกอยากได้ช่องทางนำสินค้าครีมและเครื่องสำอางไปขยายตลาดที่ประเทศมาเลเซีย เดินทางไปตามเพจที่ติดต่อกัน แต่เมื่อข้ามไป จ.ท่าขี้เหล็ก กลับติดต่อไม่ได้ คาดอาจถูกทางการเมียนมาดำเนินคดีในฐานะหลบหนีเข้าเมือง มีโทษจำคุกและปรับ หรืออาจถูกแก๊งค้าประเวณีหลอกให้ไปทำงาน แล้วบังคับให้ค้าประเวณีต่อมาเวลา 11.00 น. ที่ห้องประชุมโรงแรมแม่โขงเดลต้า อ.แม่สาย จ.เชียงราย นายรุจ ธรรมมงคล อธิบดีกรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กเเละสตรี พ.ต.อ.สัญญา เนียมประดิษฐ์ ผู้ช่วยทูตฝ่ายตำรวจ ประจำเมืองย่างกุ้ง พ.ต.ท.มนตรี อินเปรี้ยว รอง ผกก. ตม.จ.เชียงราย และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องร่วมประชุมหารือร่วมกัน เพื่อบูรณาการป้องกันเเก้ไขปัญหาคนไทย ถูกหลอกไปทำงานประเทศเมียนมา ในเขตอิทธิพลของกลุ่มจีนเทาห่างจากชายแดนจีนไม่ถึง 50 กม.ต่อมาคณะของอธิบดีกรมการกงสุล และนางปวีณา เดินทางข้ามด่านพรมแดนสะพานที่ 1 อ.แม่สาย ไปที่ศาลากลางจังหวัดท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา เข้าร่วมประชุมกับนายอู มะยิด หน่าย ผวจ.ท่าขี้เหล็กพร้อมรองผู้ว่าฯ หัวหน้า ตม. สารวัตรตำรวจท่าขี้เหล็ก และ TBC เมียนมา ทางฝ่ายไทยมอบข้อมูลรายชื่อสถานที่พิกัดที่อยู่ผู้หญิงไทย และภาพถ่ายคนไทยที่ถูกกักตัว 27 ราย ร้องผ่านมูลนิธิปวีณาฯถูกหลอกลวงไปอยู่ จ.ท่าขี้เหล็ก พร้อมข้อมูลการกักขังทำร้ายแต่ละราย และรายล่าสุดมี น.ส.แองจี้เพิ่มอีก 1 ราย ด้านนายอู มะยิด หน่าย รับเรื่องทั้งหมดแล้วบอกว่า น่าเห็นใจรับจะดำเนินการตรวจสอบและช่วยเหลือเหยื่อต่อไปด้านนายรุจ ธรรมมงคล อธิบดีกรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า ร่วมกับมูลนิธิปวีณาฯ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาประชุมหารือ หลังพบคนถูกหลอกไปทำงานในพื้นที่ชนกลุ่มน้อยในฝั่งประเทศเมียนมา และวางมาตรการกรอบการทำงานหาแนวทางการช่วยเหลือทั้งในระยะสั้น กลาง ยาว และจะต้องมีการประชาสัมพันธ์เชิงรุก กลุ่มมิจฉาชีพมักจะล่อหลอกไปทำงานจะได้ผลตอบแทนสูงนั้น อย่าไปหลงเชื่อไม่มีจริงขณะที่นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาฯ เปิดเผยว่า ขณะนี้มีครอบครัวเหยื่อมาร้องทุกข์กรณีถูกหลอกไปทำงานทั้งหมด 32 ราย ดำเนินการช่วยเหลือแล้ว 5 ราย วันนี้ยังคงมีเคสที่ยังต้องช่วยเหลืออีก 28 ราย มอบข้อมูลของเหยื่อที่ถูกหลอกไปทำงานให้กระทรวงการต่างประเทศ ทหาร TBC ทั้งไทยเเละพม่า ให้การช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน อยากฝากว่าแม้ผู้หญิงบางคนสมัครใจไปทำงานในเบื้องต้นเพราะความยากจน ต้องการเงินมาใช้จ่ายเลี้ยงครอบครัว แต่เมื่อไปถึงทำงานไม่ได้งานตรงตามที่คิด รายได้ไม่ได้ดีตามที่ตกลงอยากกลับบ้าน แต่บางครั้งถูกบังคับทำสัญญาเป็นภาษาจีน อ่านไม่ออก เมื่อทำงานไม่ได้จะถูกขายต่อไปเป็นทอดๆ เป็นชีวิตน่าสงสารมากต่อมานางเซียหยุนและญาติเดินทางมาพบนางปวีณา หงสกุล เพื่อให้ข้อมูลและขอความช่วยเหลือพาลูกสาวกลับบ้าน พร้อมไปแจ้งความที่ สภ.แม่สายว่า น.ส.แองจี้ถูกหลอกข้ามไปประเทศเมียนมาแล้ว ขณะเดียวกันนางปวีณาติดต่อ พ.ต.อ.พิพัฒน์ นาระเดช ผกก.สภ.แม่สาย ทราบว่า ผู้หญิงที่ไปรับ น.ส.แองจี้เป็นวิน จยย.รับจ้าง ไปทำงานอยู่ฝั่งประเทศเมียนมา ในคลิปที่ บอกว่าสบายดี คาดอาจถูกจัดฉากอยู่ระหว่างตรวจสอบ