คนเราไม่ใช่พระอิฐพระปูน การพ่ายแพ้เลือกตั้งย่อมเป็นทุกข์ทางใจการต้องทนรอนับวันพ้นตำแหน่งนายกรัฐมนตรีที่ผูกขาดมากว่า 8 ปี ก็เป็นความทุกข์ทางอารมณ์การที่ “นายกฯลุงตู่” ยืนยันจะทำหน้าที่นายกฯรักษาการให้ดีที่สุดจนกว่ารัฐบาลใหม่จะคลอดออกมาเป็นตัวจึงเป็นเรื่องน่าชื่นชม!!แต่ “แม่ลูกจันทร์” ไม่เห็นด้วยที่ นายกฯลุงตู่ ออกปากห้ามข้าราชการ หรือหน่วยงานรัฐไปพบปะพูดคุย หรือให้ข้อมูลทางราชการกับพรรคก้าวไกลนายกฯลุงตู่มองว่าพรรคก้าวไกลยังไม่ได้เป็นรัฐบาล การไปเรียกข้าราชการมาพูดคุย หรือไปขอข้อมูลจากส่วนราชการเป็นเรื่องไม่เหมาะสมและไม่สมควรทำเพราะช่วงนี้ “ส่วนราชการต่างๆยังอยู่กับรัฐบาลปัจจุบัน”หากวันหน้ารัฐบาลใหม่เป็นของพรรคก้าวไกล หน่วยราชการต่างๆ จะเตรียมชงข้อมูลส่งมอบให้เองพูดง่ายๆ “นายกฯลุงตู่” ตำหนิพรรคก้าวไกลว่าไม่ควรล้ำเส้นไปนัดพูดคุยหรือขอข้อมูลล่วงหน้าจากหน่วยราชการแต่ “แม่ลูกจันทร์” มองว่าพรรคก้าวไกลควรต้องทำการบ้านล่วงหน้าให้พร้อมก่อนเริ่มต้นทำงาน ซึ่งเหลือเวลาอีกไม่ถึง 2 เดือนพรรคก้าวไกลจำเป็นต้องมีข้อมูลเชิงลึกจากหน่วยราชการ ต่างๆอยู่ในมือ เพื่อให้การเปลี่ยนผ่านรัฐบาลไม่สะดุดหยุดกึก ไม่ต้องเริ่มนับหนึ่งใหม่ให้ยุ่งยากลำบากลำบนเพื่อเดินหน้าทำงานได้ทันที โดยไม่ต้องหันรีหันขวางรอขอข้อมูลจากหน่วยราชการต่างๆให้เสียเวลาอีกหลายเดือนฝ่ายนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ว่าที่นายกฯ คนใหม่ ก็ออกมาตอบโต้นายกฯรุ่นพี่ทันทีทันควันนายพิธายืนยันว่าพรรคก้าวไกลรู้ว่าอะไรควร? อะไรไม่ควร?คณะทำงานเปลี่ยนผ่านฯ ไม่ได้เข้าไปละลาบละล้วงเขตอำนาจของรัฐบาลรักษาการ ไม่ได้เข้าไปก้าวก่ายแทรกแซงหรือสั่งงานกับหน่วยราชการใดๆ ฯลฯยิ่งกว่านั้น หน่วยราชการต่างๆ เป็นคนเชิญมาเอง เพราะมีความกังวลใจในโครงการต่างๆที่ยังคั่งค้างในรัฐบาลเก่าว่าจะได้รับการผลักดันจากรัฐบาลใหม่หรือไม่? เพื่อให้เกิดความชัดเจนนายพิธายํ้าว่าการพูดคุยต่างๆ เป็นไปตามหลักสากล ไม่เกินขอบเขตของการเปลี่ยนผ่านรัฐบาล“แม่ลูกจันทร์” ยํ้าว่าปัญหาเกิดจาก “สไตล์การทำงาน” ของรัฐบาลพรรคก้าวไกล แตกต่างจาก “สไตล์การทำงาน” รัฐบาลยุคลุง 3 ป.เมื่อสไตล์การทำงาน 2 รัฐบาลไม่เหมือนกัน สิ่งที่ไม่ควรทำในยุครัฐบาลลุงตู่จึงกลายเป็นสิ่งที่ควรทำในยุครัฐบาลพรรคก้าวไกลเมื่อยุคสมัยเปลี่ยนไป...ก็ต้องยอมทำใจปล่อยวางซะเถอะลุง!!“แม่ลูกจันทร์”