เรื่องของลุงแก่ขี้เมา ในสมัยจิ้น (หลังสมัยสามก๊ก) ของจีนคนหนึ่ง...เพื่อนบ้านไม่รู้ว่า เขาเป็นใคร มีชื่อเสียงเรียงนามอะไร และมาจากไหน...ต่อไปนี้ มีคำบอกเล่าก่อนเริ่มเรื่องว่า ลุงแกนั่นแล...เขียนขึ้นเองบ้านที่ลุงแกอยู่ หลังเล็กๆสภาพจะพังมิพังแหล่ กันลมก็ไม่ได้ กันฝนก็ไม่ไหว ตัวลุงสวมผ้าฝ้ายสั้นๆที่ปะไปทั่วทุกหนทุกแห่ง ข้าวสารก็มักจะไม่มีติดก้นไหแต่ใจลุงนั้นลืมความได้ความเสีย ความมีความไม่มีไปนานแล้ว จึงมีชีวิตด้วยความผาสุกอย่างยิ่งบางอารมณ์ ลุงก็เขียนบทประพันธ์แบบตามใจฉันขึ้นบ้าง ไม่ได้ตั้งใจเขียนให้ใครอ่าน ลุงเขียนขึ้นเพื่อความเพลิดเพลินของตัวเองโดยปกติเป็นคนเงียบขรึม ไม่ค่อยพูดจา ใครมาเล่าเรื่องชื่อเสียงลาภยศก็แสดงท่าไม่อยากฟังสภาพของตัวตนเสื้อผ้ารวมไปถึงบ้าน...ยืนยันลุงแกยากจนมาก ลุงชอบดื่มเหล้า แต่ก็มักไม่มีเงินซื้อเหล้า มีเพื่อนสนิทรู้ใจหลายๆคน คอยหาเหล้าเลี้ยงลุงเสมอๆพอเขามาถึงบ้านเพื่อน ก็ตั้งหน้าตั้งตาดื่มเอาๆอย่างมีความสุข พอเมาแล้วลุงก็กลับเพื่อนบางคนเคยเหนี่ยวรั้ง แต่พวกเขาก็จะไม่กล้า เพราะรู้ดี ลุงปฏิบัติตามความพอใจตัวเอง ไม่เสแสร้งแต่หลายครั้งในบ้านลุงก็มีเหล้าเต็มไห ลุงมีน้ำใจ เชิญเพื่อนฝูงมาร่วมดื่มเต็มที่ เมื่อลุงเมา ลุงก็ไม่อ้อมค้อมบอกเพื่อน “ข้าพเจ้าเมาแล้ว พวกท่านกลับกันได้แล้ว”สารทฉงหยางปีหนึ่ง ลุงไม่มีเหล้าจะดื่ม ลุงก็ออกไปนั่งในร่มเบญจมาศหน้าบ้าน ไม่นาน ก็มีเด็กชายสวมเสื้อขาวเดินเอาเหล้ามายื่นให้ ลุงไม่ถามแม้คำเดียว “ใคร” ให้มา ลุงรับเอามาดื่ม หมดแล้ว ก็เดินกลับเข้าบ้านคนที่รู้จักเข้าใจนิสัยตรงไปตรงมา ปัญหาเรื่องมารยาท จึงไม่มีใครตำหนิติเตียนเหตุเพราะลุงไม่มีชื่อ ใครถามลุงกี่ครั้ง มาจากไหน ลุงก็ส่ายหน้าทุกครั้ง คนรู้จักจึงหาวิธีเรียกขานข้างบ้านลุงมีต้นหลิ่วห้าต้น ตัวลุงก็นับถือกันว่าเป็นปัญญาชน คำนำหน้าควรเป็นซินแส จึงเรียกลุงกันว่า “ซินแสอู่หลิว” (อู่แปลว่าห้า หลิวชื่อต้นไม้)จบเรื่องราว ซินแสอู่หลิว ที่ว่าลุงเขียนเอง ต่อไปนี้เป็นเรื่องราว ที่คนรู้จักลุงดี สมัยยังรุ่งเรืองเฟื่องฟูอยู่ในเมืองเล่ากันว่า วันหนึ่งลุงนั่งอยู่ริมคลอง แม้หูจะได้ยินเสียงน้ำใสไหลริน แต่กลับรู้สึกได้ แผ่นดินกว้างใหญ่ผืนนี้มีแต่ความสงบเงียบชายที่น่าพิศวงคนหนึ่ง ใจเขาบรรลุถึงอาณาจักรแห่งความกลมกลืน เมื่อดื่มเหล้าเมาจนได้ที่ ด้วยความเบิกบาน เขาก็จะหยิบพิณไร้สายขึ้นมา กรีดนิ้วอยู่บนพิณไร้สายนั้นอย่างดื่มด่ำในสายตาคนทั้งหลาย พฤติการณ์ของเขาเป็นเรื่องน่าหัวร่อ “ท่านดีดพิณไม่เป็น จะมีประโยชน์อะไรกับการที่ท่านใช้มือดีดพิณที่ไม่มีสาย”“เมื่อซาบซึ้งในพิณ ไฉนจะต้องได้ยินเสียงพิณ”คำตอบของเขา คนไม่กี่คนที่รู้จักเขาจะรู้ดี เขาคือก้อนเมฆที่ลอยไปลอยมา มีหัวใจที่สงบเงียบและกลมกลืน มีแห่งหนที่คนแสวงหาไม่ถูกรบกวนจากภายนอกเขาหรือลุง ผู้ดีดพิณไร้สาย ท่าที่เกษมสำราญเต็มเปี่ยมนั้น คือมหากวีเต๋า เถาหยวนหมิง ผู้โด่งดังในสมัยจิ้น จนถึงวันนี้ มีคนรู้จักและท่องจำบทกวีหลายบทของเขาได้ดีเรื่องของกวีเต๋า เถาหยวนหมิง ผมอยากให้ลุงๆหลายคนได้อ่านครับ...เผื่อลุงอยากจะบรรลุถึงความสงบสุขวิเศษ...ดีดพิณไร้สาย ริมคลองงามหินสวยน้ำใส...บ้าง ความห่วงว่าบ้านเมืองจะเกิดเรื่องร้ายๆ เพราะลุงๆยังหวงอำนาจที่เคยมี มันช่างรบกวนจิตใจเสียจริงๆ.กิเลน ประลองเชิง