เห็นใจทั้งผู้บริโภค เห็นใจทั้งผู้ลงโฆษณา และเห็นใจสถานีโทรทัศน์ วันนี้อาการร่อแร่เกิดกับสื่อมวลชนหลายแขนง โดยเฉพาะสื่อทีวี!!โฆษณาทุกประเภท ไม่ว่าจะมาจากเอเยนซี หรือจากหน่วยงานรัฐ...คือเส้นโลหิตเส้นใหญ่ที่หล่อเลี้ยงทุกองคาพยพในองค์กรแห่งนั้นดีมานด์-ซับพลายของการลงแจ้งความโฆษณาในสื่อ บัดนี้เปลี่ยนไป...แต่เดิมเอเยนซี ต้องวิ่งเข้าหาสถานีโทรทัศน์ ต้องจองเวลาโฆษณา รายการดังๆ เรตติ้งสูงๆ อาจต้องจองข้ามปีเพียงเพื่อให้สินค้าของตนได้มีโอกาสผ่านสายตา ผ่านการรับรู้ของผู้ชม แต่ปราสาททรายเหล่านั้น ได้ทลายลงแทบสิ้นเชิง ในระยะสิบกว่าปีที่ผ่านมา!!ปฐมบทมาจากการเกิดขึ้นของสถานีโทรทัศน์ดิจิทัลนับสิบๆสถานีในช่วงหนึ่ง เมื่อผู้ชมเท่าเดิม สินค้าที่จะมาลงโฆษณาไม่ได้เพิ่มขึ้น แต่สถานีโทรทัศน์มีมากมาย ส่วนแบ่งการตลาดจึงถูกแชร์ออกไปเคยกินคำโต ก็ต้องเหลือคำเล็ก ที่เคยกินไม่อิ่มก็อดหนักกว่าเก่าดาบสองที่ถือว่ารุนแรงยิ่ง คือการเติบโตแบบสัมบูรณ์ของสื่อทางอินเตอร์เน็ต เพราะผู้บริโภคบางส่วนหันไปรับคอนเทนต์ จากสื่อออนไลน์ ซึ่งสะดวกกว่า ไม่ต้องซื้อหา นำติดตัวไปได้ทุกที่เมื่อโฆษณามีน้อย การคัดกรองจึงไม่เข้มงวด ใครลงโฆษณาก็รับไว้ก่อน สินค้าบางประเภทที่สถานีใหญ่ๆเคยเมิน อาทิ การขายตรงสินค้าแบบรีวิว ในวันนี้มีให้เห็นแทบทุกสถานีการรีวิวขายสินค้า อาศัยคนดังเป็นพรีเซนเตอร์จึงผุดขึ้นมาราวดอกเห็ด ใครใคร่ลง-ลง ประมาณนั้นจะหวังพึ่งหน่วยงานที่รับผิดชอบโดยตรง เช่น กสทช.ยิ่งวังเวง เพราะ กสทช.เองก็สับสนในตนเองอย่างหนัก??!!“สันติพงษ์ นาคประดา”‘‘แจ๋วริมจอ’’jaewrimjor@gmail.com