อ่านเรื่องสมเด็จพระพุฒาจารย์โต วัดระฆัง ก็จะรู้ว่าสมเด็จท่านรู้แจ้งใจคน รำคาญคนบ้าหวย วันหนึ่งท่านซื้อหม้อจากสามโคก ใส่เรือแจวแจกชาวบ้าน ให้บังเอิญ หวย ก.ข.งวดนั้น ออก ม.หุนหันการเทศน์ก็เช่นเดียวกัน ท่านเลือกเทศน์จี้ตรงจริต เจอเศรษฐีอัมพวาขี้งก ท่านก็เทศน์กัณฑ์มัทรีเสียจนต้องขนข้าวของดีๆที่งุบงิบไว้ออกมาถวายและเมื่อเทศน์ให้เจ้าฟ้ามหากษัตริย์มหาปราชญ์ อย่างรัชกาลที่ 4 ได้สดับ ท่านก็เทศน์ธรรมะขั้นปรมัตถ์ ชนิดชาวบ้านสามัญจะเข้าใจ ต้องปีนบันไดต่อขึ้นไปฟังวันนั้น สมเด็จฯตอนนั้น สมณศักดิ์ที่พระธรรมกิตติ รับนิมนต์ในพระบรมมหาราชวัง เทศน์สองธรรมาสน์ หน้าพระที่นั่ง คู่กับพระธรรมอุดม (ถึก) หัวข้อ “ทุกข์”พระธรรมอุดม เป็นพระสกวาที ปุจฉา “พระขีณาสพทั้งหลาย หนีทุกข์ได้หรือไม่?”เมื่อท่านเจ้าพระคุณ ผู้ทำหน้าที่พระปรวาที...วิสัชนา “จะว่าหนีได้ก็ได้ จะว่าหนีไม่ได้ก็ไม่ได้” พระธรรมอุดม ปุจฉาต่อ “ทำไมพระขีณาสพ จึงยังหนีทุกข์ไม่ได้ หรือดับทุกข์ไม่ได้ ท่านช่วยไขข้อธรรมะนี้ด้วย”ปุจฉาสั้นๆ แต่พระธรรมกิตติต้องวิสัชนายาว...ทุกข์อันเกิดจากสมุทัย คือตัณหา อุปาทาน ในภพชาติ มีกามตัณหา ภวตัณหา วิภวตัณหา คือความกำหนัดยินดีในการสืบต่อภพชาติ อันเป็นเหตุให้สัตว์ต้องเวียนว่ายอยู่ในห้วงมหรรณพภพสงสารไม่มีที่สิ้นสุดเจตสิกทุกข์ อันได้แก่ความโศกเศร้าเสียใจพิลาปคร่ำครวญ แม้ความยินดียินร้ายเหล่านี้ พระอรหันต์ขีณาสพผู้บรรลุผลนิพพานนั้น สามารถทำลายเสียได้ ด้วยกำลังของมรรคญาณ เป็นสมุเฉทประหาร สังสารวัฏฏ์ก็ขาดสะบั้นลงเหตุแห่งการสืบต่อภพชาติต่อไปอีกจึงสุดสิ้น คือบรรลุถึงฝั่งมหานฤพานส่วนสภาวทุกข์หรือนิพัตติทุกข์นั้น เป็นทุกข์ที่มีอยู่ประจำธรรมชาติของสรรพสิ่ง แม้ชีวิตสัตว์ทั้งหลาย ได้แก่ กรรม จิต อุตุ และอาหาร เช่นสัตว์ทั้งหลายมีความรู้สึกเย็นร้อนอ่อนแข็งของผัสสะ ตลอดจนการป่วยไข้ หรือความรู้สึกหิวอาหาร เหล่านี้เป็นทุกข์อันพระอรหันต์ เมื่อยังมีชีวิตอยู่ก็หนีไม่พ้นเพราะขันธ์ ธาตุ อายตนะ เป็นกายิกทุกข์ส่วนวิบาก หรือเป็นกรรมทายาท ซึ่งจะต้องเป็นไปเพราะได้ถือกำเนิดขึ้นมาแล้ว ต่อเมื่อเบญจขันธ์ได้แตกทำลายไปในครั้งสุดท้ายหมายถึงพระอรหันต์เข้าสู่อนุปาทิเสสนิพพานนั้นแล ทุกข์ทั้งปวงก็ดับสิ้นไปดังนั้นเชื้อที่จะนำไปสู่การเกิดใหม่อีก ไม่มีชาติภาพ ก็สิ้นสุดลงพระธรรมอุดม ปุจฉา “ขอเรียนถาม การปฏิบัติเช่นไรเล่า จึงจะถึงวิสุทธิจิต อันปราศจากอาสวะเครื่องเศร้าหมองได้” “ก็โดยแนวอริยมรรคมีองค์แปด หรือสรุปก็ตรงกับไตรสิกขา ได้แก่ ศีล สมาธิ และปัญญา”“เหตุใดต้องมีศีลสำรวมจิตก่อน จึงเกิดสมาธิและปัญญา” “ศีลที่ว่า คือศีลในองค์มรรคซึ่งเป็นอธิกศีล หากไม่บริสุทธิ์เสียแล้ว สมาธิและปัญญาย่อมจะเกิดไม่ได้เช่นเดียวกับการประกอบอาหารให้สะอาด ก็ย่อมต้องล้างมือล้างไม้ให้สะอาด อาหารจึงสะอาดประณีต”“การล้างมือนั้น กระผมพอเข้าใจ แต่การล้างไม้นั้น คืออย่างไร”“การล้างไม้ คือการล้างตะหวักตะบวย เครื่องใช้ประกอบอาหารอย่างไรเล่าพระคุณเจ้าผู้เจริญ”ปุจฉาและวิสัชนา ข้อนี้ไม่ใช่ข้อธรรมะ เป็นการใช้ปฏิภาณโวหาร เล่นเชิงภาษา ระหว่างปราชญ์ด้วยกัน เทศนาจบลงตรงนี้ ตรงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 4 ทรงแย้มพระสรวล ออกพระโอษฐ์ว่า “ขรัวโตนี้สำคัญนัก”สมเด็จพระพุฒาจารย์โตเปรื่องปราชญ์ ฉลาดลุ่มลึกขั้นนี้ จึงอย่าแปลกใจ กว่าร้อยห้าสิบปีแล้ว วัดระฆังจึงยังมีผู้คนไปกราบไหว้ไม่ขาด วันนี้หาพระสมเด็จวัดระฆังของแท้ไม่ได้ เอาแค่น้ำมนต์หน้าวัด ลูบหัวลูบหน้า ก็น่าจะพอ.กิเลน ประลองเชิง