เป็นเรื่องใหญ่ที่ท้าทายความสามารถอย่างมากของ อัพ–ภูมิพัฒน์ เอี่ยมสำอาง ที่ล่าสุดโดดมารับบท เต๊ะ ในภาพยนตร์ชวนสยองอย่าง “หุ่นพยนต์” เพื่อความสมจริงทางการแสดงที่จะต้องก้าวข้ามผ่านบทคนปกติไปให้สมจริงที่สุด ไมค์–ภณธฤต โชติกฤษฎาโสภณ ผู้กำกับภาพยนตร์ติวเข้มทฤษฎีการใช้ชีวิตประจำวันของเด็กพิอัพ ภูมิพัฒน์เศษพาไปเรียนรู้จริงที่มูลนิธิซึ่ง อัพ–ภูมิพัฒน์ เล่าให้ฟังว่า “เด็กพิเศษจะมีพัฒนาการช้าทั้งร่างกายและสมอง จะเด็กกว่าวัย แต่ก็จะมีความสามารถพิเศษด้านใดด้านหนึ่งแบบที่เก่งเลย มันเลยทำให้ผมต้องกล้าเปลี่ยนแปลงในการแสดงแบบเดิมๆสำหรับผม ผมคิดว่านอกจากความท้าทายอย่างมากแล้ว มันคือการเปิดโลกการเรียนรู้ในคาแรกเตอร์ใหม่ๆที่ผมเองไม่เคยแสดงมาก่อน มันทำให้ผมก้าวไปอีกขั้น ผมว่า การที่รับบทเป็นเด็กพิเศษมันคือเรื่องยากสำหรับผมมากๆนะ พี่ไมค์ผู้กำกับพาผมไปเวิร์กช็อปที่มูลนิธิให้ผมค่อยๆเรียนรู้การใช้ชีวิตของน้องๆที่นี่เยอะมาก ให้ได้คุ้นชินกับสิ่งต่างๆที่น้องๆเขาทำในชีวิตประจำวัน เป็นการมาเวิร์กช็อปที่ดีมากสำหรับผมเลยครับ น้องๆทุกคนน่ารักมากๆไม่คิดว่าจะได้มีโอกาสนี้และคิดไม่ผิดที่รับบทนี้ซึ่งหลังจากนั้นพี่ไมค์ผู้กำกับเริ่มใส่ข้อมูลของบทเต๊ะที่ผมรับให้ผมได้เข้าใจกับคาแรกเตอร์ของเต๊ะ ซึ่งคาแรกเตอร์ของเต๊ะคือ เด็กวัดที่หลวงตาเก็บมาเลี้ยงดูตั้งแต่เด็ก เต๊ะเป็นเด็กพิเศษแต่มีความจำดีมาก สามารถสวดมนต์ได้อย่างคล่องแคล่ว เต๊ะซึ่งเด็กพิเศษที่เขาเป็นคือจะสามารถช่วยเหลือตัวเองในชีวิตประจำวันได้ แต่จะเป็นคนที่ทำอะไรจดจ่อโฟกัสกับสิ่งเดียวที่ตัวเองชอบทำ อย่างเช่น การปั้นดิน ก็แปลกนะเพราะทุกครั้งที่ผมหยิบดินขึ้นมาปั้นมันทำให้ผมกลายเป็นเต๊ะไปแบบไม่รู้ตัวนะ มันเหมือนอินในสิ่งที่เต๊ะชอบทำ หมกมุ่นไปกับการปั้นตัวอะไรขึ้นมาสักตัวผมว่าจากวันนั้นเต๊ะก็ไม่เคยออกไปจากตัวผมเลย ฟังแล้วอาจดูหลอนๆ แต่มันคือการเข้าใจเข้าถึงแล้วแสดงออกมาให้เป็นเด็กพิเศษให้ได้จริงๆ อันนี้คือโจทย์ที่ยากและท้าทายมาก ซึ่งผมต้องทำให้ได้ นี่ยังไม่รวมกับการที่เต๊ะต้องมาเจอกับสิ่งเร้นลับหรือผี มันคือพีกในพีกมากๆ อยากให้ไปดูในหนังครับว่ามันจะพีกและน่ากลัวขนาดไหน”ถามย้อนถึงที่บินไปรับปริญญาโทที่อังกฤษ? “ดีใจมากครับ จริงๆจะต้องรับเมื่อ 2 ปีที่แล้ว แต่ด้วยสถานการณ์โควิดเลยเลื่อนมาเรื่อยๆ ตอนแรกเหมือนจะไม่ได้ไป แต่มีช่วงเวลาที่ขยับงานพอดี เลยตัดสินใจวินาทีสุดท้ายว่าไป และคิดว่าเป็นการตัดสินใจที่ถูกมากๆ ดีใจมากๆ ที่ได้พาคุณพ่อคุณแม่ไปเที่ยวเราเคยสัญญากับเค้าไว้” แฟนๆ ชื่นชมมากที่เห็นเราทำงานไปด้วยเรียนไปด้วยมันหนักแค่ไหน? “หนักครับ เวลาก็แบ่งได้บ้างไม่ได้บ้าง แต่ก็พยายามเต็มที่ ทุกๆอย่างที่เข้ามาถือเป็นโอกาสและความรับผิดชอบของเรา เราควรจะทำให้เต็มที่ ตอนนั้นเรียนที่โน่นเลย มีบินกลับมาบ้าง แต่พอเรียนจบก็บินกลับมาทำงานแบบเต็มตัว”เล็งเรียนต่อปริญญาเอกมั้ย? “ตอนนี้กำลังเรียนอยู่ครับ เรียนปริญญาเอก ที่คณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ”ต้องเรียกว่าว่าที่ ดร.อัพมั้ย? “ไม่ต้องครับ เพิ่งเรียนเอง (ยิ้ม)” เราเป็นคนใส่ใจเรื่องเรียนมาก เป็นความฝันของตัวเองหรือความฝันของครอบครัว? “ความจริงผมรู้สึกว่าการเรียนหรือสิ่งที่ผมเลือกเรียนคือความชอบส่วนตัว ทุกวันนี้มันมีคอร์สวิชาเรียนมากมายที่น่าสนใจมากๆมันมีทางเลือกเยอะที่จะเรียนอะไร ผมรู้สึกว่าทุกคนมีทางเลือกในการเรียนมากขึ้น” จัดเวลาต่างๆ ยังไง? “เราก็มีผู้จัดการคอยดูเรื่องตารางเรื่องงานด้วย”เป็นคนบ้างาน แทบไม่มีช่วงว่างเลยมั้ย? “มันมีช่วงนึงที่ว่างแล้วเรารู้ว่าไม่ใช่เรา เราไม่กล้าหยุดอยู่นิ่งๆ”หลังจากนี้จะมีโปรเจกต์พิเศษอะไร? “ทางบริษัท JUST UP ของผมก็เตรียมผลิตซีรีส์ค่อยๆรัก Step by step และมีซีรีส์ Start Up และใกล้ๆที่สุดคือภาพยนตร์ “หุ่นพยนต์” ชมได้พร้อมกันในวันที่ 9 มีนาคมนี้ทุกโรงภาพยนตร์ทั่วประเทศครับ”.