แม่ค้าสาวโร่แจ้งความเอาผิด ส.ต.ต.สวมรอยเป็นสารวัตรยศพ.ต.ต. หลอกคบหาอยู่กินเป็นผัวเมียนานร่วม 9 เดือน ตอนแรกคิดว่าจะอยู่อย่างสุขสบายกลับลำบากหนักต้องหาเงินให้ฝ่ายชายใช้ตลอด สูญเงินไปร่วมแสนบาท จนตั้งท้อง 4 เดือนแสดงธาตุแท้ปัดความรับผิดชอบ ไล่ให้ไปทำแท้ง สงสัยพฤติกรรมให้เพื่อนสืบข้อมูลจนรู้ความจริงเป็นตำรวจชั้นประทวนยศแค่นายสิบ ไม่ใช่สารวัตรตามที่กล่าวอ้าง ร้องเรียนต้นสังกัดลงโทษแค่ธำรงวินัย ตัดสินใจหอบหลักฐานทั้งบัตรตำรวจปลอม รูปถ่ายใส่เครื่องแบบสารวัตร และสลิปโอนเงิน แจ้งความดำเนินคดีให้ถึงที่สุดต้องออกจากราชการสถานเดียว มีเหยื่อโผล่อีกรายนักธุรกิจสาวเจ้าของโรงแรมออกมาแฉซ้ำโดนสูบเงินไปร่วมล้านบาทพฤติกรรม ส.ต.ต.สวมรอยเป็นสารวัตรหลอกคบหญิงสาวจนตั้งท้องไม่รับผิดชอบแถมยังสูบเงินไปจำนวนมาก เปิดเผยเวลา 11.00 น. วันที่ 21 พ.ย. น.ส.โอ (นามสมมติ) อายุ 43 ปี อาชีพค้าขายตามตลาดนัด เข้าแจ้งความต่อ พ.ต.ท.กันตินันท์ รุ่งฉัตร รอง ผกก.สอบสวน สภ.เมืองนครสวรรค์ ให้ดำเนินคดีกับ ส.ต.ต.พงศ์ (นามสมมติ) อายุ 27 ปี สังกัด บก.อคฝ. บช.น. ในข้อหาปลอมแปลงเอกสาร ใช้ยศตำแหน่งหลอกให้หลงเชื่อจนตกหลุมพรางให้เสียทรัพย์ นำหลักฐานต่างๆ อาทิ ภาพถ่าย ส.ต.ต.พงศ์แต่งเครื่องแบบตำรวจยศ พ.ต.ต. บัตรข้าราชการตำรวจปลอมยศ พ.ต.ต. ตำแหน่ง สว.กพ.บชน. และเอกสารการโอนเงินที่ผู้เสียหายโอนให้ ส.ต.ต.พงศ์ หลายครั้งรวมเป็นเงินกว่า 80,000 บาท มี พล.ต.ต.ชาญวิทย์ กนกนาก ผบก.ภ.จ.นครสวรรค์ ร่วมพูดคุยสอบถามรายละเอียดเรื่องราวที่เกิดขึ้นน.ส.โอเผยว่า เป็นแม่ค้าขายของตามตลาดนัดต่างๆในเขตเมืองนครสวรรค์ พบเจอกับ ส.ต.ต.พงศ์ แต่งชุดนอกเครื่องแบบ ทำทีเข้ามาพูดคุยบอกว่า เป็นตำรวจระดับสารวัตรยศ พ.ต.ต.มาดักซุ่มจับคนร้ายค้ายาเสพติด หลังจากนั้นก็ขอไลน์พูดคุยสนิทสนมจนตกลงคบหาเป็นสามีภรรยากันมานานกว่า 9 เดือน กระทั่งตนตั้งท้อง 4 เดือนกว่า แทนที่สามีจะดีใจ กลับบอกให้ไปทำแท้ง ทำให้เสียใจมาก อีกทั้งยังสงสัยในหลายพฤติกรรมของฝ่ายชาย ที่ผ่านมาแทนที่สามีเป็นตำรวจระดับสารวัตรน่าจะใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันแบบไม่ลำบากเพราะต่างคนก็มีงานทำ กลับกลายเป็นว่าตนต้องส่งเงินให้สามีใช้จ่ายตลอด ถึงขนาดต้องยอมเป็นหนี้เอารถยนต์เข้าไฟแนนซ์ถึง 2 คันเพื่อหาเงินไปให้สามีใช้“ที่ตกลงปลงใจคบหากับสามีเพราะเห็นเป็นคนอัธยาศัยดี ธรรมะธรรมโม เอาใจเก่ง อีกทั้งหน้าที่การงานยังเป็นตำรวจระดับสารวัตรด้วย อยู่กินกันแบบผัวเมียที่ยังไม่ได้จดทะเบียนสมรส แรกๆก็เอาใจเก่ง พาไปเที่ยวตลอด แต่ระยะหลังช่วง 1 เดือนจะใช้เวลาอยู่ด้วยกัน 1 อาทิตย์ กระทั่งตั้งท้องไปบอกสามีกลับบ่ายเบี่ยงไม่รับผิดชอบ ไม่ยอมไปพูดคุยบอกพ่อแม่ หนำซ้ำยังจะเอาเงินมาฟาด 50,000 บาทให้ไปทำแท้ง จึงได้เห็นธาตุแท้ทันที” น.ส.โอ กล่าวและว่า หลังถูกยัดเยียดให้ไปทำแท้งก็เกิดความสงสัย จึงถ่ายภาพหลักฐานต่างๆของสามีให้เพื่อนไปตรวจสอบก็ทราบความจริงว่าเป็นแค่ตำรวจชั้นประทวนระดับนายสิบ ไม่ใช่สารวัตรอย่างที่บอกไว้สาวเหยื่อตำรวจเผยต่อไปว่า นอกจากจะเสียใจที่ ส.ต.ต.พงศ์ไม่รับผิดชอบความเป็นพ่อเด็กแล้ว ยังถูกหลอกเรื่องว่าเป็นสารวัตรอีก จึงรวบรวมหลักฐานทั้งหมดที่มี ไม่ว่าจะเป็นข้อความคุยกันทางไลน์ สลิปการโอนเงินให้ใช้ รวมถึงภาพถ่ายบัตรข้าราชการตำรวจที่ถูกปลอมแปลงยศให้ตัวเองเป็นสารวัตร และภาพชุดเครื่องแต่งกายไปร้องเรียนต้นสังกัดของ ส.ต.ต.พงศ์ เพื่อให้มีการลงโทษ หวังให้ออกจากข้าราชการเนื่องจากมีพฤติกรรมหลอกลวงเอาทรัพย์สินผู้อื่น แต่สุดท้ายต้นสังกัดลงโทษแค่ธำรงวินัย สั่งขังเพียงไม่กี่วัน พร้อมกับเสนอแนะให้รับเงินชดใช้ค่าเสียหายเพื่อให้จบเรื่องนี้ ตนยอมรับไม่ได้ ตัดสินใจออกมาร้องเรียนกับสื่อมวลชนและเข้าแจ้งความดำเนินคดี ยืนยันจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุดให้ต้องออกจากราชการตำรวจไปเลยและต้องมาชดใช้หนี้สินให้ด้วยต่อข้อถามว่าหลังจาก ส.ต.ต.พงศ์ถูกธำรงวินัย ได้ติดต่อมาพูดคุยหรือไม่ น.ส.โอเผยว่า ล่าสุดได้พูดคุย ทวงถามความรับผิดชอบ กลับถูกอีกฝ่ายตอบกลับมาว่าจะเอาอะไรอีก แค่ไปร้องเรียนจนถูกธำรงวินัย โดนขังไปหลายวันจนจับไข้เข้าโรงพยาบาลยังไม่พอใจอีกหรือ ตนเหลืออดเลยออกมาแฉผ่านสื่อ จนกระทั่งเริ่มมีเหยื่อรายอื่นๆที่เคยถูก ส.ต.ต.พงศ์ หลอกลวงลักษณะเดียวกัน มักจะแอบอ้างเป็นสารวัตรจีบหญิงสาวไปทั่วแล้วไปลวงขอเงินใช้ ล่าสุดมีผู้เสียหายเป็นเจ้าของโรงแรมที่ จ.เพชรบูรณ์ มาเผยพฤติกรรมหลอกลวงของ ส.ต.ต.พงศ์ ถึงขั้นเสียเงินให้ไปมากกว่า 1 ล้านบาทแล้ว อยากฝากเรื่องของตนไว้เป็นอุทาหรณ์สำหรับผู้หญิงที่ชื่นชอบคนในเครื่องแบบว่า ก่อนจะตัดสินใจคบใครให้ตรวจสอบประวัติให้ดีก่อน จะได้ไม่ต้องมาเสียใจทีหลังเหมือนตนน.ส.โอเผยด้วยว่า เรื่องที่ตั้งครรภ์ 4 เดือนเศษ ตัดสินใจไปเอาลูกออกจากท้องแล้ว หลังจาก ส.ต.ต.พงศ์ให้เงิน 50,000 บาทไปทำแท้ง ที่ยอมรับเงินเนื่องจากมองไม่เห็นอนาคตของลูกเพราะฝ่ายชายบอกว่าจะไม่รับผิดชอบเลี้ยงดูท่าเดียว ประกอบกับตนยังมีภาระที่ต้องรับผิดชอบในหลายเรื่องเลยต้องไปทำแท้งเอาลูกออกก่อนจะมาไล่สืบสาว เพื่อเอาเรื่อง ส.ต.ต.พงศ์ให้ถึงที่สุดด้าน พล.ต.ต.ชาญวิทย์ กนกนาก ผบก.ภ.จ.นครสวรรค์ เผยว่า เบื้องต้นได้รับข้อมูลทั้งหมดจากผู้เสียหายแล้ว จากการตรวจสอบพบว่า ส.ต.ต.รายนี้ไม่ได้อยู่ในสังกัด บก.ภ.จ.นครสวรรค์ เพียงแต่มีบ้านพักอาศัยอยู่ใน อ.เมืองนครสวรรค์ เท่านั้น การเอาผิดทางวินัยเป็นเรื่องของต้นสังกัด ส่วนคดีอาญามอบหมายให้ ผกก.สภ.เมืองนครสวรรค์รับเรื่องดำเนินการต่อ ยืนยันว่าเรื่องนี้ตำรวจมี พ.ร.บ.ของหน่วยงานในการเอาผิดทั้งทางวินัยและอาญาอยู่แล้วต่อมาผู้สื่อข่าวไปตรวจสอบที่บ้านของ ส.ต.ต.พงศ์ ในพื้นที่ ต.วัดไทร อ.เมืองนครสวรรค์ เป็นบ้านเดี่ยว 2 ชั้น อยู่ในพื้นที่โครงการบ้านจัดสรรชื่อดัง พบว่าไม่มีคนอยู่บ้าน สอบถามเพื่อนบ้านไม่มีใครเผยข้อมูล ทราบเพียงว่า ส.ต.ต.พงศ์ออกจากบ้านไปตั้งแต่เช้าแล้ว