เมื่อวานนี้ผมเล่าถึงกิจกรรมของพวกเราชาวกองบรรณาธิการไทยรัฐ ที่พร้อมใจกันไปไหว้สักการะ “ศาลหลักเมือง” เนื่องในโอกาสวันพระ ขึ้น 15 ค่ำเดือน 10 ตามธรรมเนียมไทย ซึ่งตรงกับ “วันไหว้พระจันทร์” ของพี่น้องชาวจีนพอดีเป๊ะนอกจากจะไปขอพรท่านเพื่อความเป็นสิริมงคลของพวกเราเองและต่อชาติบ้านเมือง ซึ่งในช่วงเวลาที่ผ่านมา มีเรื่องยากลำบากและความทุกข์ต่างๆเกิดขึ้นหลายเรื่อง ขอให้ทุกสิ่งทุกอย่างจงพลิกผันกลับมาในทางที่ดีขึ้นบ้าง แล้ว...เรายังถือโอกาสไปเรียนวิชาประวัติศาสตร์กันด้วยเพราะ “ศาลหลักเมือง” นั้นถือเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำเมือง จะต้องมีพิธียก “เสาหลัก” กันเสียก่อน ก่อนที่จะลงมือสร้างเมืองใหญ่ๆ ในอดีตกาลการไปกราบไหว้ศาลหลักเมืองจึงคล้ายๆกับการเจาะเวลาย้อนไปหาอดีตสู่บรรยากาศเมื่อ 240 ปีเศษๆนั่นเองที่สำคัญเผอิญผมซึ่งบ้านอยู่ไกลมากถึงบางกะปิ เกรงว่าจะไม่มีที่จอดรถ จึงรีบบึ่งมาแต่เช้าก่อนเวลาเริ่มพิธีของพวกเราถึงชั่วโมงเศษๆ ทำให้มีเวลาเดินดูสำรวจไปรอบๆศาล และสัมภาษณ์พูดคุยกับเจ้าหน้าที่ต่างๆ ได้ข้อมูล “ปัจจุบัน” มาพอสมควรขอถือโอกาสนำมาเขียนต่อเสียอีก 1 วันก็แล้วกันครับในเอกสารของศาลหลักเมืองนั้นเองระบุว่า เนื่องจาก “ศาล หลักเมือง” อยู่ในพื้นที่ของ กระทรวงกลาโหม กระทรวงจึงได้มอบหมายให้ กรมเชื้อเพลิง เป็นผู้ดูแลนับตั้งแต่ พ.ศ.2480 เป็นต้นมาจนกระทั่งกรมเชื้อเพลิงถูกยุบไป หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ทางกระทรวงกลาโหมจึงมอบหมายให้ องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก เข้ามาดูแลตั้งแต่ พ.ศ.2491 และได้มีการจัดตั้ง “สำนักกิจการศาล หลักเมือง” ขึ้นภายในองค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก เพื่อรับผิดชอบดูแลในทุกๆเรื่องนับแต่นั้นจากนั้นเป็นต้นมาก็ได้มีการทำนุบำรุงปรับปรุงตกแต่งต่างๆจนสวยงาม และเป็นระเบียบเรียบร้อยอย่างที่เห็นอยู่ทุกวันนี้ รวมทั้งเมื่อครั้งปรับปรุงใหญ่ก่อนฉลอง 200 ปีแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ก็ได้มอบหมายให้องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึกเป็นฝ่ายเลขานุการตัวศาลที่เป็นอาคารทรงไทยสีขาวสามารถมองเห็นอย่างโดดเด่นแต่ไกลนั้น ออกแบบโดย พล.อ.ต.อาวุธ เงินชูกลิ่น ศิลปินแห่งชาติสาขาศิลปะสถาปัตยกรรม (สถาปัตยกรรมไทย)ด้านหลังอาคารหลักดังกล่าวก็จะมี “ศาลเทพารักษ์” ที่มีการก่อสร้างขึ้นภายหลังเพื่อเป็นที่สถิตของ เทพารักษ์ รวม 5 พระองค์ที่มีบทบาทในการทำนุดูแลและปกป้องกรุงรัตนโกสินทร์มาแต่โบราณกาลได้แก่ พระเสื้อเมือง, พระทรงเมือง, พระกาฬไชยศรี, เจ้าเจตคุปต์ และ เจ้าหอกลองผมเองเคยอ่านนิยายชุด พล.นิกร.กิมหงวน มาตั้งแต่เด็กๆจำได้ว่า “3 เกลอ” เคารพบูชาทั้ง 5 เทพารักษ์อย่างมาก เอ่ยถึงอยู่ตลอดในหนังสือ... เพิ่งจะมีโอกาสได้เห็นรูปหล่อโลหะสำริดฉาบสีทองของทั้ง 5 องค์ประทับยืนเรียงรายอยู่ที่ศาลเทพารักษ์ ณ ศาลหลักเมืองในโอกาสนี้เองจริงๆแล้วเขาจะมีคำบรรยายว่าแต่ละองค์เทพารักษ์ทรงมีภารกิจหน้าที่อย่างไรบ้างกำกับไว้ด้วย แต่ผมไม่มีเนื้อที่พอจะเขียนได้ ก็ขอสรุปคร่าวๆว่าเมื่อรวมกันแล้วทั้ง 5 เทพารักษ์จะมีหน้าที่ดังนี้เริ่มจากช่วยกันดูแลรักษาประเทศไทยในทุกๆด้านไม่ว่าจะเป็นด้านอริราชศัตรูรุกราน ด้านโรคภัยไข้เจ็บ ไปจนถึงด้านทุพภิกขภัย หรือการอดอยากยากแค้น รวมทั้งด้านบริหารการปกครองด้วยที่ผมรายงานเมื่อวานว่าขอพรเอาไว้มากมายเพื่อให้ท่านช่วยคุ้มครองดูแลประเทศไทยเรา ทั้งเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง ก็ขอจากทั้ง 5 เทพารักษ์นี่แหละครับผมขอถือโอกาสนี้เชิญชวนท่านผู้อ่านแวะไปกราบไหว้บูชาทุกๆสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ศาลหลักเมืองบ้าง ถ้ามีเวลาว่าง...เพราะจะได้ครบถ้วนทุก “ศาสตร์” โดยเฉพาะ “ประวัติศาสตร์” อย่างที่ผมเขียนไว้แล้วได้รู้ได้เห็นได้ย้อนเวลากลับไปหาอดีตก็จะเกิดความรักและความภาคภูมิใจในความเป็นไทยของเรา ที่ก่อบ้านสร้างเมืองกันมาอย่างอุตสาหวิริยะส่วนศาสตร์อื่นๆ เช่น “ไสยศาสตร์” นั้น ก็ถือว่าเราทำตาม ปูย่าตายายของเราไปก็แล้วกัน...แม้ไม่เชื่อก็อย่าไปลบหลู่...ทำอะไรแล้วสบายอกสบายใจก็ทำไปเถอะครับ...เมื่อใจสบายเสียแล้ว “สิริมงคล” ทั้งหลายก็จะตามมาเอง.“ซูม”