มิตรรักเจ้าประจำคอลัมน์นี้ เมื่ออ่านเริ่มต้น...ก็มักจะเดา จะจบแบบไหน? ก็ขอให้เดาๆกันไปตามอัธยาศัยเถิด!...ทั้งโลกเรายามนี้ มีแต่เรื่องทุกข์ร้อน อ่านเรื่องข้าวตอกข้าวเม่า ความรู้เรื่องเก่าๆนั้นก็เป็นทั้งความรู้ เป็นทั้งบันเทิงไปในตัวส.พลายน้อย เขียนเรื่อง ข้าวตอก-ข้าวเม่า (ขนมแม่เอ๊ย! สำนักพิมพ์สารคดี พิมพ์ครั้งที่ 9 พ.ศ.2561) ว่า ข้าวเม่าเป็นต้นตระกูลของขนมก็ว่าได้ เป็นตัวแปรขนมหลายชนิดหนังสือไตรภูมิพระร่วง เขียนถึงธรรมเนียมสุโขทัย “จึ่งชักชวนกันแต่งแง่แผ่ตน หากระแจะแลจันทน์น้ำมันหอม แลมีมือถือข้าวตอกดอกไม้ ไปบูชาจักรแก้วนั้นแล”ธรรมเนียมอินเดียก็ว่า...ในสมัยโบราณเมื่อรับเสด็จพระเจ้าแผ่นดิน ก็ต้องโปรยข้าวตอกดอกไม้ไทยเราใช้การโปรยข้าวตอกดอกไม้ ทั้งในงานมงคล งานศพ ทางภาคอีสานเมื่อมีขบวนแห่นำศพไปเผาหรือฝังจะมีคนถือพานข้าวตอกเดินนำหน้า โปรยข้าวตอกตั้งแต่ออกจากบ้านไปจนถึงที่หมายหากเป็นเทวดาหรือนางฟ้ารำอวยพร โปรยดอกไม้ คนโปรยจะหยิบข้าวตอกทีละดอก โปรยทางขวาดอกหนึ่ง โปรยทางซ้ายดอกหนึ่ง สลับกันไปตลอดทางถึงวันนี้ พิธีหลวงก็ยังใช้ข้าวตอก เขาเอาข้าวตอกอัดติดทำให้เห็นเป็นพุ่มสีขาว ตั้งเรียงรายอยู่หน้าที่บูชาข้าวตอกนี่ เขาเอาข้าวเหนียวแก่ที่ตากแห้งแล้ว มาคั่วทำให้เกิดแตกตัวเป็นพุ่มเหมือนดอกมะลิแต่ถ้าเป็นข้าวเม่า เขาเอาข้าวเหนียวอ่อนๆมาคั่วตำจนเม็ดข้าวแบน ใช้เป็นของหวานเอามาเข้าพิธีเช่นเดียวกับข้าวตอก กินกับน้ำกะทิใส่น้ำตาลข้าวตอกน้ำกะทิ เป็นขนมเสวยประจำของสมเด็จกรมพระยาดำรง ราชานุภาพ ในงานพระราชพิธีโล้ชิงช้า พระเจ้าลูกเธอเสด็จตามพระองค์หลายพระองค์ พระราชครูต้องเตรียมข้าวเม่าข้าวตอกน้ำกะทิถวายให้เสวยเวลาทรงหิวมีเพลงกล่อมเด็กเพลงหนึ่ง “โอละเห่ เอย หัวล้านนอนเปล ลักข้าวเม่าเขากิน เขาจับตัวได้ เอาหัวไถลไถดิน ตกสะพานลอยไป...” เพลงนี้จะร้องกระทบใครไม่รู้ รู้แต่ว่า ข้าวเม่าเป็นขนมยอดนิยม ที่ใครๆก็กินยามปกติกินข้าวเม่าข้าวตอกเป็นขนม ในยามไม่ปกติ ทุกบ้านมีข้าวตากติดบ้าน เมื่อเกิดฉุกละหุกต้องเอาข้าวตากใส่ไถ้ติดตัวเดินทางในเทศน์มหาชาติ กัณฑ์ชูชก ตอนชูชกจะออกเดินทางไปขอสองกุมาร กัณหาชาลี นางอมิตตดาผู้เมีย ก็ต้องจัดข้าวเม่าข้าวพอง ถั่วงา สาคู ข้าวตู ข้าวตาก ฯลฯ เป็นเสบียงให้ส.พลายน้อยบอกว่า ข้าวเม่าถ้ากินเปล่าๆ ก็ออกจะฝืดคอ เพราะข้าวเม่าดูดน้ำลายทำให้คอแห้ง สมัย ร.5 ฝรั่งคนหนึ่งเขียนเล่าว่า ธรรมเนียมในภาคเหนือ เมื่อเกิดคดีชู้สาวระหว่างพระกับผู้หญิงเขาจะให้พระกับผู้หญิงกินข้าวเม่าเปล่าๆ ใครกินข้าวเม่าได้สะดวกไม่ติดคอ ไม่ร้องขอน้ำกินก็แสดงว่าผู้นั้นเป็นผู้บริสุทธิ์ไม่ต้องรอให้มีคนอย่างหมอปลานัดนักข่าวไปพิสูจน์ให้เห็นจะจะหน้ากล้องทีวี จนเป็นเรื่องราวใหญ่โตผมเขียนมาคิดว่าจบสิ้นกระบิลความเรื่องข้าวเม่าข้าวตอกแล้ว...ก็จะขอทิ้งท้ายเฉลยให้คนรุ่นใหม่ได้คิด หมั่นเรียนรู้ศึกษาวิถีหาเสบียงกรัง เลี้ยงชีวิตให้รอดยามสงครามของคนโบราณกันไว้บ้างตอนนี้ประเทศร่ำรวยต่างก็ระดมซื้อจรวดนำวิถีเร็วกว่าเสียงสี่เท่าเอาไว้ใช้...ไม่แน่ว่าหัวรบติดนิวเคลียร์หรือไม่...สงครามรัสเซียยูเครนยังไม่จบ ทั้งไม่แน่ว่าจะบานปลายเป็นสงครามโลกสงครามนิวเคลียร์เกิดขึ้นเมื่อไหร่ เมื่อนั้น เวลานั้น มนุษย์โลกที่รู้จักหาเสบียงกรัง เช่น หาข้าวเม่าข้าวตอกกินยืดชีวิตให้ยาวนานกว่าจะเป็นผู้ชนะ.กิเลน ประลองเชิง