“ความรักของ เรานพพร” พูดแล้วเธอหลับตาและพูดต่อไปอย่างแผ่วเบาเหลือเกิน “ความรักของเธอเกิดขึ้นที่นั่นและก็ตายที่นั่น แต่ของอีกคนหนึ่งยังรุ่งโรจน์อยู่ในร่างที่กำลังจะแตกดับ”...ถ้อยสนทนาระหว่าง ม.ร.ว.กีรติกับนพพร จากนวนิยายเรื่องข้างหลังภาพของ “ศรีบูรพา” ที่ยกมานั้น กิเลน ประลองเชิง อธิบายกับ ดร.สัจภูมิ ละออ ว่าเสมือนพลังสายหนึ่งที่ผลักดันให้ “กิเลน ประลองเชิง” จับปากกาเขียนคอลัมน์ชักธงรบมากว่า 2 ทศวรรษ จนคณะกรรมการรางวัลฯเล็งเห็นคุณค่าแล้วยกย่องให้เป็นผู้ได้รับ “รางวัลศรีบูรพา” ประจำปี พ.ศ.2565 ศรีบูรพา“ศรีบูรพา” นามจริงคือ กุหลาบ สายประดิษฐ์ นักคิดนักเขียน กิเลนบอกว่า “ผลงานของท่านผมอ่านมาจนท่องจำได้ อย่างเรื่องข้างหลังภาพ...ในเชิงรักการเขียน ผมไม่ใช่คนเข้มข้นทางการเมือง ไม่กร้าวแกร่งที่จะปฏิวัติเพื่อชนชั้นอะไรนักหนา ผมเกิดมาจนแต่ไม่ถึงขนาดอดตายเมื่อได้อ่านผลงานของท่านก็ได้เห็นอะไรมากมาย ผลงานทุกเรื่องของท่านผมอ่านหมด แต่ผมรักความหวานของเรื่องข้างหลังภาพ ท่านเขียนได้อย่างไร ชื่นใจจริงๆ”“กิเลน ประลองเชิง” เป็นนามปากกาของ ประกิต หลิมสกุล เกิดเมื่อวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ.2488 ริมคลองบางเรือหัก ตำบลท้ายหาด หมู่ที่ 7 อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสงคราม การศึกษาทางธรรมจบนักธรรมเอก ทางโลกจบปริญญาตรีนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช ผ่านการใช้ชีวิตมาอย่างโชกโชนทั้งบวชเณร ลูกเรืออวนลาก นายท้ายเรือ ใช้ชีวิตกับญาติที่ยะลา ก่อนที่จะเริ่มเป็นนักข่าวภูธรให้กับ นสพ.เดลินิวส์ เมื่อ พ.ศ.2513 และเข้าประจำการสำนักงานใหญ่ ต่อมาย้ายเข้ามาอยู่ นสพ.ไทยรัฐ รุ่นเดียวกับโรจน์ งามแม้น (เปลว สีเงิน) ชัย ราชวัตร เมื่อปี 2531 เขียนคอลัมน์ “กลืนไม่เข้าคายไม่ออก” ต่อมาเขียนสังคมหน้า 4 นามปากกา “เหยี่ยวพญา” และเป็นเลขาฯ หัวหน้ากอง บก.สราวุธ วัชรพล หลังเหตุการณ์หัวหน้าข่าวภูมิภาคไทยรัฐถูกยิงเสียชีวิต ได้ลาออกไปอยู่ นสพ.หลายฉบับ แล้วกลับมาเป็นหัวหน้า “สกู๊ปข่าวหน้า 1” ครั้นปี 2541 โกวิท สีตลายัน เจ้าของนามปากกา “มังกร ห้าเล็บ” จากไป กิเลน ประลองเชิง ก็เข้ามา “ชักธงรบ” ต่อจนถึงปัจจุบันก่อนหน้านี้ กิเลน ประลองเชิง เคยได้รับรางวัลจากผลงานนักข่าวและนักเขียนมาแล้ว อาทิ รางวัลข่าวภาพยอดเยี่ยมจากสมาคมนักข่าวฯ และรางวัล ม.ร.ว.อายุมงคล โสณกุลเมื่อถามถึงหลักคิดในใจเมื่อเขียนคอลัมน์ “กิเลน ประลองเชิง” บอกว่า สมัยก่อนการเมืองเกรี้ยวกราด การต่อสู้เผด็จการเป็นเรื่องโก้ แต่มาสมัยนี้เผด็จการไม่แน่ว่าจะเลว ประชาธิปไตยก็ไม่แน่ว่าจะดี จึงผ่อนปรนด้วยแทนที่จะด่ากันตรงๆ ก็เล่านิทานไป เมื่อเอยเมื่อนั้น เรื่องที่เขียนไปใครหลงตัวอย่างไรก็คิดเข้าอย่างนั้น แต่จะไม่เขียนซ้ำเติม ไม่ต้อนกันจนตรอกจนเกินไป และจะชี้ประเด็นว่าชอบชังอยู่ในที การด่าประจานให้เจ็บช้ำน้ำใจไม่มี เพราะเห็นว่าไม่มีมนุษย์ที่เลวบริสุทธิ์เลยสักคน จริงๆ เป็นหลักสากล “ผมใช้ทฤษฎีน้ำครึ่งแก้ว ส่วนที่เหลืออีกต้องเยอะ ใครที่เลวก็มีดี ใครที่ดีก็มีเลว และในความเลวก็มีความดี ในความดีก็มีความเลว เลยไม่ชัดแจ้งกับใคร ทำให้ไม่มีผู้ร้าย–พระเอกในใจกิเลน” กลวิธีการเขียนของ “กิเลน ประลองเชิง” ทราบกันดีว่า มักนำเรื่องเล่าและเรื่องราวต่างๆในหนังสือมาเขียนเชิงอุปมากับเหตุการณ์บ้านเมืองที่แรงร้อน ต้นธารเรื่องนี้ “กิเลน ประลองเชิง” เปิดใจว่า วิธีนี้ “มังกร ห้าเล็บ” หรือโกวิท สีตลายัน ทำมาก่อน “ผมปลื้มแกมาก เมื่อเราเขียนเราก็เขียนด้วยความเคารพแนวทาง เรารู้ว่านักเขียนมีสไตล์ของตนเอง เราตามเท่าที่จะตามได้ แต่จะได้แค่ไหนอีกเรื่องหนึ่ง เมื่อเขียนติดต่อกันมา 23-24 ปี เท่ากับได้อ่านหนังสือมาก จนมีปัญญาชนคนข้างตัวทักว่ามันซ้ำนะ อยากจะให้เปลี่ยนวิธีบ้างเราตอบเลยว่า คุณครับ ผมเพิ่งมาเรียนรู้ว่า โบราณหลายพันปีที่แล้ว ตั้งแต่อีสปและก่อนหน้านั้น โลกนี้ใช้นิทานสอนวิชาการเมือง การบริหารคน และสอนประวัติศาสตร์โลก นิทานอีสปก็เป็นวิธีการสอนที่แยบคายที่สุด ใช้กันมากที่สุดและใช้ได้ผลที่สุดในโลกนี้ แต่คุณเผลอลืมกันไปเอง กิเลนเขียนไม่เป็น ถ้าไม่เล่านิทานประกอบ เหตุผลที่ใช้วิธีการนี้ก็คือ ข้อที่ 1. คนที่ถูกเปรียบเปรยไม่เจ็บเกินไป บางทียิ้มใส่เพราะคิดว่าเมตตา 2.นิทานดีๆ กับเรื่องดีๆ หาไม่ได้บ่อยนัก ซึ่งวันไหนหาเรื่องมาเขียนได้ลงตัวเราก็ยิ้ม” เกี่ยวกับการพิจารณารางวัลศรีบูรพาปี พ.ศ.2565 ชมัยภร บางคมบาง ประธานกองทุนศรีบูรพา บอกว่า “กิเลน ประลองเชิง เป็นนักหนังสือพิมพ์มายาวนานเกือบ 50 ปี เป็นทั้งนักข่าวและคอลัมนิสต์ มีประสบการณ์ทั้งจากการใช้ชีวิต ทั้งที่เกือบตายในทะเล การเป็นนักหนังสือพิมพ์และเกือบตายจนรีบลาออกแล้วหวนกลับมาใหม่ ตลอดจนการอ่านหนังสือมากและหลากหลาย เหล่านี้ทำให้กลายเป็นผู้มีวิชารู้จักมนุษย์ โดยเรียนรู้ความเป็นมนุษย์จากตัวเองเป็นเบื้องต้น และจากประสบการณ์ในการทำงานเป็นประการต่อมา จนสามารถเข้าใจและเขียนถึงมนุษย์ทั้งตนเองและคนอื่นได้อย่างสมจริง จับใจ ผ่านทั้งการเขียนข่าวและคอลัมน์ของเขา”อีกประการหนึ่งก็เชื่อว่า กิเลนต้องเป็นนักหนังสือพิมพ์ที่ไม่ด่างพร้อย เพราะไม่เคยได้ยินข่าวทางลบใดๆ ไม่ว่าเหนือดินหรือใต้ดิน ก็ถือว่าเป็นสุภาพบุรุษนักหนังสือพิมพ์แบบกุหลาบ สายประดิษฐ์ รวมทั้งยังมีความสามารถในการใช้ภาษาเป็นอย่างดี สกุล บุณยทัตขณะที่ สกุล บุณยทัต กรรมการกองทุนศรีบูรพา และนายกสมาคมนักเขียนแห่งประเทศไทย หนึ่งในผู้พิจารณาตัดสินบอกว่า กิเลน ประลองเชิง เป็นคนอ่านหนังสือและยกข้อความในหนังสือมาเทียบกับเหตุการณ์ ที่อ่านโดยเฉพาะจากวรรณกรรมและหนังสือแปลจากจีน “กิเลนเป็นคนอ่านวรรณกรรมจริงๆ และกิเลนไม่ถูกแบ่งว่าเป็นสีอะไร การเขียนขึ้นอยู่กับภาวะเหตุการณ์ เป็นการโค้ดทั้งเหตุการณ์ คำพูดมาประกอบการเขียน ในส่วนของบุคลิกลักษณะ ท่านเป็นคนถ่อมตัว สุภาพมาก แต่งานเขียนท่านยกมาเปรียบเทียบแบบชักธงรบได้ตลอด ถ้านักอ่าน อ่านหน้าสามของท่านจะพบว่า หนังสือที่ท่านยกมาเป็นหนังสือคลาสสิก ไม่ได้อ้างแบบครูพักลักจำ แต่ท่านลึกลงไป ท่านตีความแตก ซึ่งการเขียนอุปมาแบบนี้ยากมาก”สาเหตุที่ท่านทำได้ดี “เพราะอีกด้านหนึ่งท่านเป็นคนใช้ชีวิต คนที่ใช้ชีวิตจริงจะพบความจริงในงานเขียน ท่านเคยล่องเรือ เคยอยู่ในอาชีพต่างๆ ผ่านหนังสือพิมพ์ฉบับต่างๆมามากมาย ท่านมาจากแม่กลองก็จริง แต่ท่านสู่โลกกว้าง ท่านพูดเสมอๆว่าเป็นคนเรียนน้อย แต่นักเขียนสมัยก่อน วุฒิทางการศึกษาไม่สำคัญเท่าวุฒิการใช้ชีวิต เพราะนักเขียนต้องมีจินตนาการ ประสบการณ์” เสน่ห์ในงานเขียน สกุล บุณยทัต บอกว่า “ท่านเขียนให้เกิดจินตนาการตามที่ท่านอ่าน ลักษณะคนเขียนคอลัมน์ที่มีความสามารถอย่างนี้คือสามารถสร้างภาพพจน์ออกมาให้คนอ่านได้เห็นได้เข้าใจ การรับประเด็นมายกตัวอย่างทำให้เราเชื่ออย่างลึกซึ้ง ท่านเปรียบให้เราได้เห็นข้อตระหนัก ซึ่งจะหาได้ยากในนักเขียนคอลัมน์ปัจจุบัน”สกุล บุณยทัต สรุปว่า “ท่านชักธงรบทุกวัน แต่การชักธงรบแต่ละครั้งทำอย่างมีกุศโลบาย ที่คนอ่านอ่านแล้วไม่ค่อยโกรธ ขณะที่เขียนเนื้อหาได้แน่นหนัก คมชัด การเขียนคอลัมน์อย่างนี้ต้องคมกริบและต้องตวัดสุดท้ายและต้องพุ่งเข้าหาเป้าทันที นี่คืออาวุธสำคัญของหนังสือพิมพ์ที่ต้องมี”การได้รับรางวัลศรีบูรพานี้ ชมัยภร บางคมบาง ประธานกรรมการกองทุนศรีบูรพา สรุปว่า “การเขียนคอลัมน์ชักธงรบในนาม กิเลน ประลองเชิง มายาวนานกว่า 20 ปี สะท้อนให้เห็นว่า พี่เขาเชี่ยวชาญในการเขียนคอลัมน์มากแค่ไหน สมแล้วที่ได้รางวัลศรีบูรพา”. ชมัยภร บางคมบาง