กระแสตอบรับดีล้นหลามกับซีรีส์วายแนวแอ็กชันฟอร์มใหญ่ “KinnPorsche The Series (คินน์ พอร์ช เดอะซีรีส์)” ทางช่องวัน 31 ทุกวันเสาร์เวลา 23.00 น. และทาง iQiyi (อ้ายฉีอี้) ผลิตโดย บริษัท บี ออน คลาวด์ จำกัด นำแสดงโดย “มาย-ภาคภูมิ ร่มไทรทอง” กับบท “คินน์” และ “อาโป-ณัฐวิญญ์ วัฒนกิติพัฒน์” ในบท “พอร์ช” ถ่ายทอดชีวิตครอบครัวมาเฟียเข้มข้นจนแฟนๆทั้งฟิน อิน ซึ้ง ผลงานการกำกับร่วมกันของ 3 ผู้กำกับฝีมือดี “โขม-ก้องเกียรติ โขมศิริ” ดึงทัพคนรุ่นใหม่ “ปอนด์-กฤษดา วิทยาขจรเดช” และ “เป๊ปซี่-บัญชร วรเศรษฐ์อารี” เสริมทัพ เลยชวน “มาย-อาโป” เล่า เริ่มจากความรู้สึกที่กระแสซีรีส์ดีมาก หายเหนื่อยชื่นใจมั้ย?อาโป “พอฟีดแบ็กดีทำให้มีกำลังใจว่าทุกคนเค้าวิ่งไปพร้อมเราอยู่ เพราะช่วงถ่ายทำเหมือนเรากำลังวิ่งอยู่ในสนามแล้วเราไม่รู้ว่าใครวิ่งมาพร้อมเราหรือเปล่า เค้าจะเข้าใจและชอบสิ่งที่เราทำหรือเปล่า ตอนนี้มันเหมือนทุกคนบอกว่าฉันอยู่นี่นะ ฉันอยู่ข้างๆเธอนะ ทำให้เรารู้ว่าถึงเราวิ่งมาไกลขนาดไหน มันไม่สูญเปล่า รู้ว่ามีคนคอยซัพพอร์ตเราอยู่เสมอก็ดีใจมากๆและตื้นตัน”มาย “ส่วนผมดีใจที่คนดูชอบและเค้ามีความสุขด้วย ทั้งคนที่รอและหลายคนที่เปิดโอกาสให้เราเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างความสุข ฟีดแบ็กทั้งในทวิตเตอร์ อินสตาแกรม ก็ทำให้เห็นถึงความประทับใจที่เค้ามีต่อคินน์พอร์ช ซึ่งเราก็ได้รับพลังเยอะ” อาโป “ทุกคนบอกว่าคินน์ที่รับบทโดยมาย หล่อมาก (ยิ้ม) พอเห็นเค้าในคินน์พอร์ชเหมือนเห็นเค้าอีกมุม เพราะปกติเค้ายิ้มตลอดเวลาพอเห็นในเรื่องแล้วดูจริงจัง มีเสน่ห์มาก”เรื่องนี้มีความคาดหวังหลายอย่างทั้งคนดู คนอ่านนิยาย รู้สึกยังไงที่ออกมาเป็นผลงานวันนี้?อาโป “ผมว่าช่วงที่ถ่ายทำคือเราไม่มีเวลาที่จะนึกถึงความกดดันตรงนั้นเลย แต่ละวันแค่เอาตัวรอดให้ผ่านไปวันนึงเพราะเราตื่นตีสี่ถ่ายเสร็จเที่ยงคืนและถ่ายตีสี่อีกวัน พอผ่านมาเราเพิ่งมามองเห็นว่ามีคนที่เค้าอ่านนิยายรออยู่ว่าภาพที่เราทำออกมาเหมือนสิ่งที่เค้าจินตนาการหรือเปล่า เราเหมือนฉายภาพออกมาเป็นรูปธรรมและทุกคนก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าอันนี้มันยิ่งกว่าที่เค้าจินตนาการ ทำให้เรามีกำลังใจขึ้นไปอีก” มาย “ก็อย่างที่บอกไปว่าดีใจที่พอผลงานออกมาแล้วคนที่รออยู่เค้ามีความสุข ระหว่างทางเป็นระยะเวลาที่นานจริงคือหนึ่งปีครึ่งแต่ทั้งหมดมันคือประสบการณ์ร่วมของผมกับทีมกับแฟนคลับ เป็นประสบการณ์ร่วมในชีวิตนี้ที่มีค่ามากสำหรับผม”ด้วยความเป็นซีรีส์วายแอ็กชันเราลุ้นกับคนดูซีรีส์วายมั้ยว่าจะรู้สึกยังไง?มาย “ผมลุ้นในมุมที่ว่าเราเองก็อยากดูมากๆ เพราะผมรู้สึกว่าเรื่องนี้กล้านำเสนอ กล้าคิด หลายครั้งเราโทร.ไปหาผู้จัด ผู้กำกับและพี่คนพัฒนาบทคือพี่ปอนด์ว่าพี่เอาอย่างนี้เลยเหรอ เค้ากล้าพูดคิดอะไรใหม่ๆ เรียกว่าคนดูซีรีส์วายก็ได้รับความเข้มข้นอีกแบบ คนทั่วไปก็ดูได้”อาโป “ต้องบอกว่าพวกเรามีความหวั่นใจในตอนแรกเพราะสิ่งที่พี่ปอนด์จะทำมันใหม่มาก ทั้งแง่การเล่าเรื่อง เรื่องที่จะเล่า พอเราถ่ายเสร็จเค้าก็จะเรียกเราไปดูมอนิเตอร์ เค้าเคยบอกว่าให้พักคำว่าวายไว้ก่อนสิ่งที่เราทำคือทำหนังที่ดีหนึ่งเรื่อง ที่ 2 ตัวละครอยากบอกอะไรคนดู ความวายไม่วายเป็นปัจจัยประกอบ แต่หลักๆแล้วเราอยากนำเสนอความจริงบนโลกแม้แต่ฉากNC เลิฟซีน หรือดราม่า มันเป็นความสวยงามหมด มันเป็นอีกมุมที่เป็นมนุษย์มากๆให้คนได้เห็น”มาย “ผมก็อยากเสริมว่า เรื่องความรักมันสวยงามมากๆ ผมเป็นคนเชื่อเรื่องอิสระ และผมชอบอิสระและผมคิดว่าหลายหลายคนในสังคมคนทั่วไปก็รักอิสระ อิสระที่มันง่ายที่สุดแต่กลับถูกกดดันจากคนในหลายๆทางคืออิสระทางความคิดและการนำเสนอเป็นอะไรที่มีเสน่ห์มากเหมือนเรื่องนี้”ฉากแอ็กชันต้องแอ็กชันขนาดไหน?อาโป “ซีนแอ็กชันก็เต็มที่ด้วยความที่เรื่องนี้เป็นสังคมมาเฟีย มีการแก่งแย่งชิงดีหวังผลประโยชน์ แอ็กชันดุเดือดแน่นอน แต่ความเป็นมาเฟียก็มีความนุ่มนวล เสียใจเป็นรักเป็น”มาย “สำหรับผม ใหม่มากสำหรับแอ็กชันโชคดีที่ระยะเวลาที่นานทำให้เรามีการเตรียมตัวใหม่ มีพี่ๆในวงการแอ็กชันมาสอนเรา ผมโฟกัสตรงนี้เพราะกลัวว่าถ้าพลาดจะทำให้ทั้งทีมช้า”มีพลาดผิดคิวบ้างมั้ย? มาย “มีช่วงแรกๆ ด้วยความที่อาจจะยกศอกรับได้ไม่ดีเท่าไหร่ ทำให้ไหล่เคลื่อนขยับไม่ได้ 3-4 วัน”อาโป “โชคดีที่เราเล่นแอ็กชันมานานเลยรู้ว่าแบบไหนที่เจ็บตัวเราจะไม่ทำ ตอนซ้อมควงกระบอง ฟาดเข้าจมูก เข้าใจเลยว่าคนจมูกหักเป็นยังไงคือปวดมาก”เห็นว่าถ่ายทำ 4 เดือน ไม่รับงานอื่นเลย ช่วงนั้นถือว่าตัวละครคินน์พอร์ชมาอยู่ในตัวเราเลยมั้ย?มาย “ก็เยอะครับแต่โชคดีที่คินน์ไม่ได้ไกลจากตัวผมมากแต่การเอาเค้าออกไปวาง ยากสำหรับผม สิ่งที่เอาออกยากคือเค้าเป็นคนคิดเยอะแต่เยอะกว่าผมอีก ในเรื่องเค้าแบกอะไรหลายสิ่งแต่ตัวตนเค้ารู้ว่าชอบหรือไม่ชอบอะไรมันเลยเป็นการต้านกัน กลับบ้านเลยไปฝันถึงในเรื่องบ่อย” อาโป “ของโปไม่ค่อยยาก ปกติโปทำสมาธิอยู่แล้วทุกวันเพื่อผ่อนคลายความรู้สึกของตัวละครออกไป พอเริ่มวันใหม่ก่อนจะไปกองโปจะปลุกเค้าขึ้นมาอีกครั้ง ปล่อยตัวปล่อยใจอนุญาตให้ตัวละครเข้ามาเป็นเรา เสร็จแล้วเราก็ทำสมาธิเพื่อกลับมาอยู่กับปัจจุบัน”ถามถึงฉากเลิฟซีนหรือ NC ที่มีข่าวว่าห้ามคนอื่นเข้าไปตอนถ่ายทำ?อาโป “ทุกๆฉากNC ทีมงานจะกันคนออกอยู่แล้ว จะเหลือพี่โขม พี่ปอนด์ ตากล้อง และทีมไฟอีกคน เป็นการให้เกียรตินักแสดงว่าอันนี้คือพื้นที่ส่วนตัว พาร์ตส่วนตัว ถ้าเค้าเปิดใจยอมเล่นซีนแบบนี้ ทีมงานก็หลบไปอยู่คนละมุม”แล้วเล่นจริงแค่ไหน?อาโป “หลักๆคือพี่ปอนด์เป็นคนเขียนและกำกับ ดูอารมณ์ตัวละคร ความเก๋าของพี่โขมดูเรื่องมุมภาพ จริงแค่ไหนคงเป็นแง่ของความ รู้สึกมากกว่ามันต้องจริงมาก ส่วนเรื่องทางกายภาพมันก็เป็นไปตามเท่าที่เป็นไปได้ ที่เหลือเป็นหน้าที่ของมุมกล้องเล่าเรื่อง”มาย “เราเน้นเรื่องความสวยงามด้วย มันไม่ใช่แค่เลิฟซีนหรือ NC มันคือการเมกเลิฟ การบอกรักของคนสองคน มุมกล้องกับความรู้สึก รวมกันเป็นความสวยงามที่สุดเท่าที่ทำได้”ก่อนถ่ายเราสองคนต้องคุยกันมากแค่ไหน? อาโป “ทั้งหมดมีการวางคิวไม่ว่าจะการวางมือ การลูบไล้และถามความสมัครใจกันว่าประมาณนี้โอเคมั้ย เราก็ทำให้มันเรียลที่สุด คือเวลาคนบอกรักกันทุกคนเต็มที่ คินน์พอร์ชก็เต็มที่เหมือนกัน สิ่งที่จริงที่สุดคงเป็นแง่ความรู้สึก ส่วนเรื่องภายนอก เสื้อผ้าต้องลองไปดูในเรื่องเพราะสิ่งที่พยายามสื่อสารมันสวยงามมาก”เคอะเขินกันมั้ย?มาย “เขินครับ จริงๆผมเป็นคนขี้เขินมาก แล้วการที่ต้องมาเลิฟซีนแล้วมีคนหลายๆคน ความรู้สึกจริงเกิดขึ้นแค่มีคน 5-6 คนมันก็เป็นสิ่งที่ยาก”อาโป “ผมก็เขิน แต่ด้วยความที่เรามีพาร์ตเนอร์ที่ดี เค้าให้ความปลอดภัยให้ความอบอุ่นเราได้ รวมถึงพี่ปอนด์ พี่โขมที่กันคนออกให้ เลยทำให้ความเขินน้อยลงและทำให้ฉากสมูทไป ได้ พอเรียกไปดูมันคือสวยงามมากเหมือนที่เค้าบอกว่าเค้ากำลังทำสิ่ง ใหม่”ฟีดแบ็กแฟนๆ ฟินกันมั้ย? อาโป “ทุกคนชอบและพอใจ สิ่งที่ทุกคนว้าวก็เป็นสิ่งที่เราตั้งใจทำให้เค้า คนจะคิดว่าแอ็กชันบู๊รึเปล่า มันก็มีความ ละมุน ตัวละครพอร์ชมีหลายมุมหลายความ รู้สึก พอร์ชเองก็เปิดประตูความรู้สึกคินน์ในหลายๆมุม”ทำไมเรื่องนี้ถึงมีผู้กำกับ 3 คน?มาย “ถ้าเปรียบง่ายๆมันเหมือนแม่สีมารวมกันแล้วก็มาเฉดให้เกิดเป็นภาพภาพนึง ทั้ง 3 คนก็มีความถนัดที่ต่างกัน”อาโป “พี่ปอนด์ เรื่องกำกับบท กำกับความรู้สึกตัวละคร แล้วมาคุยกับพี่โขมว่ามุมภาพได้มั้ย แล้วพี่โขมก็เอามาเติมแต่งให้น่าสนใจมากขึ้น เป็นกองที่เปิดให้ทุกคนแชร์กันแล้วเอาจุดแข็งของแต่ละคนมาถกหารือกันและทำมันออกมา ที่ทุกคนรู้คือพี่โขมเก่งแอ็กชัน แต่ที่คนไม่รู้คือเค้ามีความตลกสูง ส่วนพี่เป๊ปซี่ก็ให้คำปรึกษาที่ค่อนข้างน่าสนใจ พอ 3 คนรวมกันเป็นอีกเรื่องที่เป็นรสชาติใหม่ พี่ปอนด์เค้าให้นิยามว่าเรื่องนี้เหมือนการทำคอนเสิร์ต มีทั้งคอมเมดี้ ดราม่า แอ็กชัน อีกอย่างคือทั้งทีมของเรา เราไม่เคยบอกว่าเราคือวายหรือไม่วาย เราคุยกันเสมอว่าเรากำลังทำสิ่งดีๆทำเรื่องที่น่าสนใจให้คนดู เรากำลังบอกคนดูว่าทุกตัวละครมีความเป็นธรรมชาติ พอมารวมกันเป็นความแตกต่างที่ลงตัว เป็นแก่นที่บอกคนดูว่าไม่ว่าคุณจะเป็นยังไง คุณคือสิ่งที่สวยงาม”ขอถามอาโป มีช่วงที่เราไม่อยากทำงานในวงการบันเทิงแล้วอยากไปเรียนต่อ แต่บินกลับมาเพื่อรับบทนี้ ณ วันนี้พิสูจน์แล้วว่าสิ่งที่เลือกไม่ผิดใช่มั้ย? อาโป “รู้สึกดีและรู้สึกเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งหนึ่งในชีวิตเลยครับ ช่วงที่กลับมาผู้จัดการบอกว่ามีซีรีส์เรื่องนึงติดต่อไปแคส เราก็ไปเพราะเรารักการแสดงอยู่แล้ว พอไปแคสอ่านบทก็รู้เลยว่าอาโปกับพอร์ชต้องเป็นเพื่อนสนิทกัน แล้ววันนี้ก็เป็นแบบนั้นจริงๆ ก็ขอบคุณตัวเองที่เปิดโอกาสมาแคสและขอบคุณทีมงานที่ให้เราเป็นพอร์ช มาวันนี้ก็มีหลายมุมที่เรารักเค้า” แฟนละครที่ติดตามอาโปมาก่อนล่ะพอได้เห็นวันนี้แล้วเค้าว่ายังไงบ้าง?อาโป “ทุกคนก็ประทับใจครับ พอไปอ่านคอมเมนต์ก็เพิ่งรู้ว่าทุกคนเหมือนไว้ใจในความสามารถของเรา เราก็เซอร์ไพรส์ตัวเองเหมือนกันว่าเราทำสิ่งนี้ทำสิ่งนั้นได้ พอแฟนๆมาชมคือทำให้รู้ว่าคนอื่นเค้าเห็นอยู่แล้วแค่เราไม่เคยยอมรับตัวเองแล้วก็ไม่เคยให้โอกาสตัวเอง พอวันนี้ที่เราได้ให้โอกาสตัวเองทำอะไรใหม่ๆ ทั้งเราและแฟนๆก็ภูมิใจ เค้าภูมิใจที่เห็นเราโตขึ้น เราก็ภูมิใจที่เห็นตัวเองโตขึ้น ก็ขอบคุณที่อยู่ข้างกันมาตลอด” แผนชีวิตเปลี่ยนเบรกเรื่องเรียนไปเลยมั้ย? อาโป “ตอนนั้นที่เรียนต่างประเทศ โปเรียนคอร์สสั้นๆอยู่แล้วเลยไม่มีปัญหากับการกลับมา จริงๆโปแค่อยากไปใช้ชีวิตพอได้กลับมาได้เล่นเรื่องนี้ได้เจออะไรใหม่ๆ โปขอบคุณพี่ปอนด์ ขอบคุณพี่มาย ให้โอกาสเราได้ฝึกความสามารถต่างๆ ทำให้เรารู้ว่าจริงๆเราทำอะไรได้มากมายให้อะไรคนดูให้กำลังใจคนอื่น โปคิดว่ามันเป็นสิ่งที่เติมเต็มคุณค่าในชีวิตไปแล้วล่ะ ทุกวันนี้ไม่ได้รู้สึกว่าแพลนอะไรเปลี่ยน รู้สึกว่าได้ทำมากกว่าที่คิดด้วยซ้ำ” แล้วมายล่ะยังทำธุรกิจที่บ้านอยู่มั้ย? “ทำครับคนเราก็มีหลายสัดส่วนในชีวิตแต่เราต้องโฟกัสครับ”ที่บ้านมายเข้าใจกับการแสดงบทบาทนี้ใช่มั้ย?“เข้าใจครับ แม่ผมชอบแซวผม เค้าดูนะ กลับบ้านไปล่าสุดแม่ทำท่าตบโต๊ะเหมือนในซีรีส์ จริงๆต้องขอบคุณพ่อกับแม่มากๆ ผมโชคดีมากๆ เพราะท่านเปิดโอกาสไม่ว่าจะเลือกทำงานอะไรหรือตัดสินใจอะไร ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เราได้มาทำงานตรงนี้”ความรู้สึกที่มีต่อกันล่ะ ถึงวันนี้มีอะไรมั้ยที่เราไม่คิดว่าอีกคนจะมีมุมแบบนี้? อาโป “เคยเจอพี่มายนานแล้วและคิดว่าเค้าคือคนเท่คนนึงแต่พอรู้จักกันก็เซอร์ไพรส์ที่ว่าจริงๆเค้าเป็นคนที่น่ารักมาก เป็นคนแบ๊วมาก นุ่มนิ่ม ผมว่าที่หลายๆคนตกหลุมรักเค้าก็คงเป็นตรงนี้”มาย “ภาพของอาโปก่อนรู้จักเค้าผมไม่ได้รู้สึกว่าเค้ามีฟอร์มหรือเก๊กนะ แต่รู้สึกว่ามีมาดแต่คงไม่ได้ใส่ใจรายละเอียดเรื่องความรู้สึกมากขนาดนี้ แต่โปเป็นคนใส่ใจรายละเอียดคนรอบตัวไม่ใช่แค่ผม รวมถึงทีมงานและคนในกองและเค้าจะแนะนำในสิ่งที่คิดว่าดีกับคนคนนั้น”ณ วันนี้ได้ขอบคุณกันและกัน รึยังที่จับมือเป็นบัดดี้กันมาถึงวันนี้? อาโป “จริงๆ ขอบคุณกันบ่อย บอกรักกันบ่อย พวกเราเชื่อว่าเวลาชีวิตมันสั้น ใครรู้สึกอะไรก็แค่บอกไป วันนี้ก็จะบอกอีกว่าดีใจที่ได้เจอกัน รักพี่มายมาก ทุกสิ่งที่ทำมันเป็นสิ่งที่มีคุณค่าต่อชีวิตโป ดีใจที่ได้ส่งพลังนี้ให้กันและส่งต่อให้คนอื่น”มาย “ผมไม่ได้บอกตรงๆบ่อยเพราะผมขี้เขิน ผมใช้วิธีอ้อมๆ แต่ถ้าให้บอกคือขอบคุณมากๆ มันเป็นจังหวะเวลา เป็น Destiny ที่ทำให้รู้จัก เพราะคงไม่ใช่เรื่องง่าย เราเองก็ปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามสิ่งที่เหมาะควรที่สุด ได้ใช้เวลาร่วมกันตลอดปีมันมีคุณค่ามากกับผม ขอบคุณมากและก็รักเหมือนกัน”.เรื่อง: สุภลัคน์ วุฒิกรีธาชัยเม้าท์ชัด จัดทุกตอน ติดตามได้ที่ www.thairath.co.th/novel และ Facebook Fanpage : นิยายไทยรัฐ