นางคยองซัน คิม ผู้อำนวยการองค์การยูนิเซฟ ประเทศไทย เปิดเผยว่า รายงานฉบับใหม่โดยองค์การยูเนสโก องค์การยูนิเซฟ และธนาคารโลก พบว่า เด็กนักเรียนเกือบทุกประเทศทั่วโลกกำลังเผชิญกับภาวะถดถอยทางความรู้ เป็นผลมาจากการปิดโรงเรียนอย่างต่อเนื่องในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยเฉพาะเด็กจากครอบครัวยากจน เด็กที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกล เด็กพิการ เด็กเล็ก ซึ่งต้องเผชิญกับปัญหานี้รุนแรงที่สุด พร้อมออกแถลงการณ์เรียกร้องให้นานาประเทศออกมาตรการเร่งด่วนเพื่อช่วยให้เด็กทุกคนได้กลับมาเรียนหนังสือและชดเชยความรู้ที่ถดถอยนางคยองซัน คิม กล่าวว่า สำหรับประเทศไทย การปิดโรงเรียนอย่างต่อเนื่องส่งผลกระทบต่อเด็กนับล้านคน โดยเฉพาะเด็กกลุ่มเปราะบางที่เข้าไม่ถึงการเรียนออนไลน์ ผลสำรวจของสำนักงานสถิติแห่งชาติปี 2563 พบว่า ครอบครัวเกือบครึ่งหนึ่งไม่พร้อมที่จะให้ลูกเรียนออนไลน์ ร้อยละ 51 ไม่มีอุปกรณ์สำหรับเรียนออนไลน์, ร้อยละ 26 ไม่มีอินเตอร์เน็ต และพ่อแม่ผู้ปกครองร้อยละ 40 ไม่มีเวลาที่จะดูแลลูกในการเรียนออนไลน์ นอกจากนี้รายงานสำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษาเมื่อเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา ระบุว่า แม้ว่าจะมีความพยายามหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มความเร็วอินเตอร์เน็ต หรือการผสมผสานเทคโนโลยีเพื่อการเรียนรู้ ตลอดจนการลดขนาดห้องเรียนในโรงเรียนลง แต่การแพร่ระบาดได้ส่งผลกระทบทางลบต่อภาพรวมของคุณภาพการเรียนการสอน จำนวนเด็กที่ขาดเรียนก็เพิ่มขึ้นทั้งในการเรียนในห้องเรียนและการเรียนออนไลน์ทั้งนี้ องค์การยูนิเซฟ ประเทศไทย กำลังทำงานกับพันธมิตร เช่น กระทรวงศึกษาธิการและกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) เพื่อให้มั่นใจว่าโรงเรียนจะเปิดเรียนได้อย่างปลอดภัยและเด็กๆ จะสามารถเรียนตามบทเรียนได้ทัน ภายใต้ความร่วมมือในโครงการนำร่องในโรงเรียน 40 แห่งใน จ.สมุทรสาคร ยูนิเซฟได้สนับสนุนพันธมิตรประเมินภาวะความรู้ถดถอยของเด็ก และจัดอบรมครู ตลอดจนจัดเตรียมสื่อการเรียนการสอนและทรัพยากรต่างๆ เพื่อให้ครูสามารถจัดการเรียนรู้ซ่อมเสริมที่ตรงกับความต้องการของเด็กแต่ละคนและสามารถฟื้นฟูการเรียนรู้ที่ถดถอยของเด็กๆได้ ทั้งนี้ จะมีการถอดบทเรียนจากโครงการนำร่องนี้เพื่อใช้วางแผนฟื้นฟูภาวะถดถอยทางความรู้ในโรงเรียนทั่วประเทศต่อไป.