ช่วง 1-2 ปีมานี้ หนึ่งในไม้ผลที่กำลังมาแรง เป็นที่น่าจับตา คือ...พุทราน้ำอ้อย เพราะไม่ว่าใครก็ตามที่ได้ลิ้มลองพุทราพันธุ์นี้แล้ว ต่างตกหลุมรัก ติดอกติดใจในรสชาติความอร่อยชนิดที่ว่าถอนตัวไม่ขึ้น จึงไม่แปลกใจเลยเหตุไฉนจึงกลายเป็นที่รู้จักอย่างรวดเร็ว จากการบอกปากต่อปากถึงความอร่อย นอกจากจะมีรสชาติหวานอร่อยประหนึ่งกับเราซดน้ำอ้อยคั้นสดแล้ว ยังมีจุดเด่นในเรื่องของผลที่ค่อนข้างใหญ่ เรียกว่าน้องๆผลแอปเปิ้ลเขียวเลยทีเดียว ที่สำคัญยังให้ผลผลิตดกละลานตาทั่วทั้งต้น ต้นหนึ่งสามารถเก็บผลผลิตได้ถึง 40-50 กก. อีกทั้งให้ผลผลิตเร็ว เพียงแค่ปีเดียวก็เก็บเกี่ยวผลผลิตได้แล้ว“เดิมทีทำสวนผสมเป็นอาชีพเสริมมาร่วม 10 ปี โดยเลือกปลูกพืชที่มีลักษณะโดดเด่น แตกต่างจากที่คนทั่วไปปลูกกัน เพราะมองว่าของแปลกใหม่ตลาดยังไม่มี ถ้าเราทำก่อนย่อมสำเร็จก่อนคนอื่น เน้นไม้ผลที่มีลักษณะเด่นจากไต้หวัน หนึ่งในประเทศที่มีการพัฒนาสายพันธุ์พืชที่โดดเด่นแห่งหนึ่งของโลก โดยเฉพาะพุทราน้ำอ้อย ที่บ้านเรายังไม่มีคนทำ ครั้งแรกสั่งกิ่งพันธุ์มา 6 กิ่ง นำมาเสียบยอดกับต้นตอพุทรานมสดที่ปลูกไว้ก่อนหน้านี้ เพียงปีเดียวก็ติดผล เมื่อเห็นว่าให้ผลผลิตดี รสชาติอร่อย ขยายพันธุ์เพิ่มเรื่อยมา จนตอนนี้มีอยู่กว่า 400 ต้น รวมแล้วประมาณ 10 ไร่ ยังไม่นับรวมของญาติในละแวกใกล้เคียงที่หันมาปลูกอีกหลายร้อยต้น ทำให้พื้นที่นี้น่าจะปลูกพุทราพันธุ์นี้มากที่สุดในประเทศ” จ.อ.สิทธิเดช อ่องเภา หรือ จ่ามด เกษตรกร ต.ท่าบัว อ.โพทะเล จ.พิจิตร ที่มองต่าง คิดก่อน ทำก่อน สำเร็จก่อน บอกถึงที่มาก่อนทำพุทราน้ำอ้อยเป็นเจ้าแรกๆของไทยด้วยส่วนตัวเชื่อว่าถ้าปลูกอะไรใหม่ๆที่ยังไม่มีใครทำ หรือทำก่อนคนอื่น จะเป็นใบเบิกทางอย่างดีให้อาชีพเกษตรกร เพราะคนไทยรวมถึงคนทั่วไปชอบอะไรใหม่ๆ แปลกๆ ยิ่งรสชาติอร่อยกว่าของที่มีมาก่อนในบ้านเรา ยิ่งทำให้เราประสบความสำเร็จมากขึ้นเท่านั้น เมื่อได้สายพันธุ์มาเริ่มแรกแค่ 6 กิ่ง ปลูกแบบกางมุ้งเหมือนพุทรานมสดที่ทำมาก่อนหน้า แล้วทดลองให้คนอื่นชิม ผลคือทุกคนพอใจกับรสชาติมาก จึงขยายพื้นที่ปลูกเป็น 10 ไร่สำหรับการปลูกพุทราน้ำอ้อย ใช้ระยะปลูก 6×6 เมตร (หากพื้นที่น้อยอาจลดเหลือ 5×5เมตรได้) พื้นที่ 1 ไร่ปลูกได้ 40-44 ต้น ดูแลให้น้ำตามสภาพดินและอากาศ อย่าให้ดินแห้ง อาจให้วันเว้นวันก็ได้ โดยระบบน้ำของที่นี่จะติดตั้งระบบสปริงเกอร์ ช่วงแรกอาจจะเร่งการเจริญเติบโตด้วยการพ่นธาตุอาหารเสริมทางใบพวกสาหร่ายทะเล แคลเซียม-โบรอนช่วย หลังปลูก 1 เดือน ให้ปุ๋ยสูตร 25-7-7 เดือนละครั้ง ปริมาณตามขนาดต้น พอเริ่มออกดอกใส่ปุ๋ยสูตร 8-24-24 เพื่อเพิ่มการออกดอก ติดผลและเพิ่มรสชาติ ความหวาน เนื้อกรอบ โดยจะใส่เดือนละครั้งไปจนเก็บเกี่ยวทั้งนี้ ข้อควรระวังของการปลูกคือแมลงศัตรูพืช โดยเฉพาะหนอนเจาะผลและแมลงวันทอง พื้นที่ไหนที่เจอปัญหานี้ต้องห่อผลเพื่อป้องกันปัญหา แต่ด้วยความที่พุทราพันธุ์นี้ติดผลดกมาก ที่นี่จึงปลูกในโรงเรือนกางมุ้งครอบในช่วงที่พุทราติดผลเหมือนกับพุทรานมสด โดยจะกางมุ้งตั้งแต่ พ.ย.ไปจนถึง มี.ค.เมื่อเก็บผลผลิตหมดแล้วจะรื้อมุ้งออกเก็บไว้กางในฤดูกาลหน้าอีกครั้ง ตัวโรงเรือนกางมุ้งจะใช้โครงเป็นเหล็กกัลวาไนซ์ทั้งหมด ต้นทุนโรงเรือนและมุ้งอยู่ที่ไร่ละประมาณ 100,000 บาท มีอายุการใช้งานไม่น้อยกว่า 6 ปี หลังจากเก็บผลผลิตพุทราขายไม่เกิน 2 ปี จะคืนทุนค่าโรงเรือน “การปลูกในโรงเรือนกางมุ้ง หลายคนอาจจะมองว่าเป็นการลงทุนที่ค่อนข้างสูง แต่ต้องถือว่าคุ้มค่าการลงทุน เพราะสามารถใช้งานได้ระยะยาวหลายปี อีกทั้งยังลดต้นทุนในการดูแลได้มาก หมดปัญหาเรื่องหนอนเจาะผลและแมลงวันทอง ทำให้แทบจะไม่ต้องใช้สารเคมีเลย จึงเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้า ผลผลิตมีคุณภาพและยังปลอดภัย ที่สำคัญผลผลิตดก ปีแรกอาจยังน้อย แต่ปีที่ 2 จะได้ผลผลิตเต็มเม็ดเต็มหน่วย ต้นหนึ่ง 40-50 กก. และยังมีผลขนาดใหญ่ ผลโตๆ 5-6 ผลต่อ กก. แต่ส่วนใหญ่จะมีขนาดผล 8-10 ผลต่อ กก. รสชาติหวาน กรอบ อร่อย ความหวานสูงถึง 20-21 บริกซ์ แถมราคาตอนนี้ กก.ละ 150 บาท แค่ขายออนไลน์อย่างเดียว มีลูกค้าสั่งมาเกินออเดอร์แล้ว”พุทราน้ำอ้อยจะเริ่มออกดอกติดลูกหลังฤดูฝน ประมาณธันวาคมก็จะเริ่มเก็บเกี่ยวได้ ผลผลิตจะเก็บเกี่ยวหมดประมาณเดือนมีนาคม จากนั้นก็จะเก็บมุ้งเพื่อสะดวกในการดูแลต้นเพื่อเตรียมการผลิตในฤดูกาลใหม่ โดยหลังจากเก็บเกี่ยวผลผลิตหมด จะตัดแต่งกิ่งให้เหลือแต่ตอสูงประมาณ 40-50 ซม. ประมาณ 2-3 เดือนหลังจากนั้น ต้นจะแตกกิ่งใหม่ออกมาจำนวนหนึ่ง เลือกกิ่งที่สมบูรณ์และแข็งแรงไว้ให้เหลือ 2-3 กิ่ง ไว้เป็นกิ่งหลักที่จะให้ผลผลิต จากนั้นให้ค้ำกิ่งรับน้ำหนักเตรียมไว้รองรับผลผลิตที่จะออกดอกติดผลตามมา สนใจสอบถามได้ที่ สวนจ่ามด 56 ม.9 ต.ท่าบัว อ.โพทะเล จ.พิจิตร โทร./Line 08-0099-9361.กรวัฒน์ วีนิล