ปิดตำนานพระเอกยอดนิยมขวัญใจประชาชน “เอก-สรพงศ์ ชาตรี” สิ้นแสงลาลับจากไปตลอดกาลอย่างสงบหลังป่วยมะเร็งปอด ก่อนหมดลมหายใจลูกเมียมากราบลาพร้อมหน้าและยืนอยู่ข้างเตียงตราบจนวินาทีสุดท้ายของชีวิต เผยประวัติในวงการภาพยนตร์ มีผลงานสร้างชื่อเสียงมากมาย เหล่าคนบันเทิงเศร้าอาลัยต่อการจากไปของพระเอกนักบุญนับเป็นความสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ของวงการภาพยนตร์และวงการบันเทิงไทยกับการเสียชีวิตของพระเอกยอดนิยมตลอดกาล “เอก-สรพงศ์ ชาตรี” นักแสดงระดับตำนานเป็นการสิ้นแสงดาวที่ลาลับจากฟ้าไปอย่างไม่มีวันกลับมา โดยหลังจากมีกระแสข่าวสะพัดในช่วงเย็นวันที่ 10 มี.ค.ว่า พระเอกระดับซุปเปอร์สตาร์เมืองไทยได้เสียชีวิตลงแล้ว ทำให้คนในวงการบันเทิงพากันตรวจสอบข่าวกันทุกช่องทาง จนในที่สุดข่าวดังกล่าวก็เป็นความจริง โดยในเวลา 15.51 น. “สรพงศ์ ชาตรี” พระเอกนักบุญได้หมดลมหายใจสุดท้าย จากไปด้วยอาการอันสงบด้วยโรคมะเร็งปอด ที่โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ สิริอายุได้ 73 ปีทั้งนี้ ก่อนที่จะถึงวาระสุดท้ายของชีวิตได้มีบุคคลใกล้ชิดและคนสำคัญในชีวิต ทั้งดวงเดือน จิไธสงค์ ภรรยาที่คอยอยู่เคียงข้างกันตลอดเวลา รวมถึงลูกๆ ของสรพงศ์ทุกคน ได้แก่ ขวัญ-พิมพ์อัปสร เทียมเศวต เอิง-พิศุทธินี เทียมเศวต เอม-พิศรุตม์ เทียมเศวต และพิทธกฤต เทียมเศวต เดินทางมากราบลาพ่อผู้ให้กำเนิดชีวิตและร่วมอยู่เคียงข้างจนกระทั่งถึงวินาทีที่สรพงศ์หมดลมหายใจสุดท้ายส่งดวงวิญญาณสรพงศ์ให้จากไปอย่างหมดห่วง สำหรับพิธีศพพระ เอกยอดนิยมของไทย ดวงเดือนตั้งใจนำศพสามีไปประกอบพิธีทางศาสนา ณ วัดเทพศิรินทราวาส มีพิธีรดน้ำศพในวันที่ 11 มี.ค. โดยกำหนดเคลื่อนศพออกจากโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ในช่วงบ่ายสำหรับ ประวัติของสรพงศ์ ชาตรี มีชื่อจริงว่า พิทยา เทียมเศวต ก่อนเปลี่ยนชื่อเป็น กรีพงศ์ เทียมเศวต เกิดเมื่อปี 2492 (เป็นปีเกิดตามจริงและตามบัตรประชาชน) ที่อำเภอมหาราช จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เรียนจบการศึกษาชั้น ป.4 ก่อนจะบวชเรียนตั้งแต่อายุ 8 ขวบ ที่วัดเทพสุวรรณ จังหวัดพระนครศรีอยุธยาและวัดดาวดึงส์ ย่านธนบุรี กระทั่งลาสิกขาเมื่อ พ.ศ.2512 เมื่อสรพงศ์อายุ19ปี ได้พบกับหม่อมเจ้าชาตรีเฉลิม ยุคล จนได้เข้ามาพักอาศัยอยู่ใต้ร่มเงา “วังละโว้” ของพระเจ้า วรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอนุสรมงคลการ พร้อมกับได้ชื่อใหม่เป็น “สรพงศ์ ชาตรี” โดยผู้ตั้งชื่อนี้ให้คือพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอนุสรมงคลการและหม่อมอุบล ยุคล ณ อยุธยา โดยคำว่า “สร” มาจาก “อนุสรมงคลการ” คำว่า “พงศ์” มาจาก สุรพงศ์ โปร่งมณี ที่เป็นคนพาสรพงศ์มาฝากตัวกับหม่อมเจ้าชาตรีเฉลิม ยุคล“สรพงศ์ ชาตรี” เข้าสู่วงการภาพยนตร์เรื่องแรกเป็นนักแสดงตัวประกอบ เรื่อง “สอยดาว สาวเดือน” เมื่อ พ.ศ.2512 รับบทเป็นลูกน้องนักเลงที่มีเรื่องกับ ชนะ ศรีอุบล ในร้านเหล้าที่ออกมาฉากเดียวก็ถูกยิงตายทั้งที่ยังไม่ได้พูดอะไรเลย จากนั้นในภาพยนตร์เรื่องที่ 2 คือ “ต้อยติ่ง” ปีเดียวกัน สรพงศ์ยังคงรับบทเป็นตัวประกอบที่ออกมาฉากเดียวในช่วงท้ายเรื่องและไม่มีบทพูดเช่นเคย ในภาพยนตร์เรื่องที่ 3 คือ “ฟ้าคะนอง” เมื่อ พ.ศ.2513 สรพงศ์ยังคงรับบทเป็นตัวประกอบที่ออกมาฉากเดียว แต่เริ่มมีบทพูดโดยรับบทเป็นผู้โดยสารรถสองแถวคันเดียวกับนางเอก ภาวนา ชนะจิตกระทั่งภาพยนตร์เรื่องที่ 4 คือ “มันมากับความมืด” พ.ศ.2514 ผลงานกำกับภาพยนตร์เรื่องแรกของหม่อมเจ้าชาตรีเฉลิม ยุคล สรพงศ์จึงได้รับบทพระเอกเต็มตัวเป็นครั้งแรก นับจากนั้นสรพงศ์แสดงภาพยนตร์ของหม่อมเจ้าชาตรีเฉลิม ยุคล แทบทุกเรื่อง เป็นทั้งพระเอก พระรอง และยังทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยผู้กำกับในบางครั้งอีกด้วย ถือเป็นคนใกล้ชิดมากที่สุดคนหนึ่งของหม่อมเจ้าชาตรีเฉลิม ยุคล เลยทีเดียวสรพงศ์มีผลงานแสดงกว่า 500 เรื่อง ได้รางวัลตุ๊กตาทองครั้งแรกจากเรื่อง “ชีวิตบัดซบ” และ “สัตว์มนุษย์” 2 ปีติดต่อกัน มีชื่อเสียงในต่างประเทศจากภาพยนตร์เรื่อง “แผลเก่า” พ.ศ.2520 กำกับโดยเชิด ทรงศรี ทั้งนี้สรพงศ์ได้รับรางวัลทางการแสดงจากหลายสถาบัน เช่น รางวัลตุ๊กตาทองพระสุรัสวดี ดารานำชายยอดเยี่ยม จากเรื่อง สัตว์มนุษย์ ชีวิตบัดซบ มือปืน มือปืน 2 สาละวิน เสียดาย 2 รางวัลสุพรรณหงส์ ดารานำชายยอดเยี่ยม จากภาพยนตร์เรื่อง ถ้าเธอยังมีรัก มือปืน และนักแสดงประกอบชายจากเรื่อง องค์บาก 2 ส่วนรางวัลจากชมรมวิจารณ์บันเทิงก็คว้านักแสดงชายยอดเยี่ยม จากเรื่อง มือปืน 2 สาละวิน นอกจากนี้ใน พ.ศ. 2524 สรพงศ์ยังได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย ชั้นที่ 5 เบญจมาภรณ์มงกุฎไทย (บ.ม.) พ.ศ.2552 ได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่สรรเสริญยิ่งดิเรกคุณาภรณ์ ชั้นที่ 4 จตุตถดิเรกคุณาภรณ์ ก่อนอำลาจากโลกนี้ไปอย่างสงบ สรพงศ์ดำรงตำแหน่งประธานมูลนิธิสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) เมตตาบารมี อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมาสำหรับอาการป่วยของสรพงศ์ เริ่มจากตรวจพบเชื้อมะเร็งที่ปอดเมื่อ 5-6 ปีที่แล้ว และได้เข้ารับรักษาตามขั้นตอนทางการแพทย์เรื่อยมา โดยที่สรพงศ์ได้เก็บเงียบเรื่องอาการป่วยของตนไว้ มีเพียงแค่คนใกล้ชิดมากๆเท่านั้นที่ได้ล่วงรู้ในช่วงหลังๆ จนมาเป็นที่เปิดเผยทั่วไป ตอนที่เข้าห้องไอซียู โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ เพราะกินกล้วยน้ำว้าแล้วสำลัก พร้อมกับข่าวที่ออกมาว่าเชื้อมะเร็งเริ่มลุกลามไปอวัยวะอื่นแล้ว ตอนนั้นลูกสาวอย่างขวัญ-พิมพ์อัปสร เทียมเศวต ได้เปิดเผยว่า คุณพ่อกำลังใจดีมาก หน้าตาดูสดใสและยังดูแข็งแรง ส่วนตนรู้อาการป่วยของพ่อมาระยะหนึ่งแล้วแต่ที่ไม่บอกใคร เพราะเป็นความประสงค์ของพ่อที่ไม่อยากให้ใครเป็นห่วง ต่อมาเมื่อวันที่ 21 ก.พ. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณรับสรพงศ์ไว้เป็นคนไข้ในพระบรม ราชานุเคราะห์ภายหลังการเสียชีวิตของสรพงศ์ได้มีเหล่าศิลปินวงการบันเทิง ดารา นักแสดง ออกมาแสดงความอาลัยต่อการจากไปของพระเอกในตำนาน มากมาย อาทิ บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ ได้โพสต์เฟซบุกว่า “กราบ อาลัยรัก สุดใจ ชื่อพี่เอก สรพงศ์ ชาตรี จะอยู่ในใจคนไทยทั้งประเทศครับ ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวพี่เอกด้วยครับ” ด้าน วู้ดดี้-วุฒิธร มิลินทจินดา โพสต์ว่า “ใจหายมากจริงๆครับ นับเป็นอีกหนึ่งการสูญเสียครั้งใหญ่อีกครั้งของวงการบันเทิงไทย กับการจากไปของคุณอาสรพงศ์ ชาตรี พระเอกตลอดกาลของเรา วด ขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้ง และเป็นกำลังใจให้ครอบครัวคุณอาด้วยนะครับ” ส่วนป๋อ-ณัฐวุฒิ สกิดใจ โพสต์ว่า “กราบลาพี่เอกครับ กราบขอบพระคุณสำหรับทุกสิ่งทุกอย่างที่ได้สั่งสอนผมมาครับ”ขณะที่นางพรพิมล มั่นฤทัย กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โคลีเซียม อินเตอร์กรุ๊ป จำกัด ผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์และผู้จัดละครที่ทำงานใกล้ชิดกับสรพงศ์ ชาตรี เผยว่า เมื่อทราบข่าวการเสียชีวิตของสรพงศ์ก็ใจหาย เพราะก่อนหน้านี้ได้ยินข่าวว่าอาการเหมือนจะดีขึ้น ที่ผ่านมาสรพงศ์ได้ร่วมงานกับค่ายโคลีเซียม ทั้งภาพยนตร์และละครหลายสิบเรื่อง สรพงศ์เป็นนักแสดงที่มีวินัยในการทำงาน มีความรับผิดชอบสูง เป็นตัวอย่างให้แก่นักแสดงรุ่นหลังๆ เป็นอย่างดี ทั้งการมาทำงานตรงต่อเวลา ทำการบ้านในบทบาทที่ได้รับ อีกทั้งยังมีน้ำใจให้คำแนะนำและถ่ายทอดความรู้ให้น้องๆนักแสดงรุ่นหลังๆ จึงทำให้ สรพงศ์เป็นที่รักของทุกคน ทั้งนี้ สรพงศ์เปรียบได้ว่าเป็นพระเอกทั้งในจอและในชีวิตจริงทีเดียวสำหรับพิธีศพของ “สรพงศ์ ชาตรี” มีกำหนด การดังนี้ พิธีพระราชทานน้ำหลวงอาบศพและสวดพระอภิธรรม ศิลปินแห่งชาติ สรพงศ์ ชาตรี ณ ศาลากลางน้ำ วัดเทพศิรินทร์ มีขึ้นในวันศุกร์ที่ 11 มี.ค. โดยในเวลา 15.30 น. เป็นพิธีรดน้ำศพ เวลา 17.00 น. พิธีพระราชทานน้ำหลวงอาบศพ ส่วนพิธีสวดพระอภิธรรม มีขึ้นในเวลา 19.00 น. วันที่ 11 -17 มี.ค. หลังจากเสร็จพิธีสวดอภิธรรมในวันที่ 17 มี.ค. ทางครอบครัวจะบรรจุร่างไว้ 100 วัน เพื่อรอกำหนดวันพระราชทานเพลิงต่อไปและเพื่อเป็นการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ผู้ที่จะเข้าร่วมไว้อาลัย ต้องผ่านการตรวจ ATK ก่อนเข้าไปด้านใน ส่วนด้านนอกศาลาจะมีการจัดที่นั่งแบบเว้นระยะห่างไว้ ไม่ต้องตรวจ ATK แต่ต้องใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลา ทั้งนี้ เจ้าภาพแจ้งของดพวงหรีดไว้อาลัยแต่ขอเชิญชวนให้ร่วมบริจาค มูลนิธิภัทรมหาราชานุสรณ์ ในพระอุปถัมภ์ฯ โดยภายในบริเวณงานจะมีเจ้าหน้าที่จากมูลนิธิมารับบริจาคพร้อมออกใบเสร็จให้