ไม่ใช่ข่าวใหม่แต่ประการใดสำหรับรายงานที่สื่อสำนักใหญ่ๆทั่วโลกหลายสำนัก รายงานเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า วิดีโอชุด Baby Shark Dance ซึ่งเป็นวิดีโอเพลงเด็ก และได้รับความนิยมจากเด็กๆทั่วโลกนั้นเป็นมิวสิกวิดีโอที่มียอดวิวสูงสุดเป็นอันดับ 1 ในยูทูบอีกปีหนึ่งด้วยยอดวิวล่าสุดขณะที่แถลงข่าวสูงถึง 10,006,818,583 วิว หรือ 10,006 ล้านวิวเศษทิ้งอันดับ 2 ซึ่งได้แก่เพลง Despacito ของศิลปินแร็ปเปอร์โตริโก หลุยส์ ฟอนซี ที่มียอดวิว 7,701,677,153 วิว หรือ 7,701 ล้านวิวเศษ ในนาทีเดียวกันไปถึง 2 พัน 3 ร้อยกว่าล้านวิวเลยทีเดียวสำหรับอันดับที่ 3 ได้แก่เพลง Johny Johny Yes Papa เพลงเด็กเช่นกัน ของ Chu Chu TV ซึ่งมียอดวิว 6,101 ล้านเศษ, อันดับ 4 ก็คือเพลง Shape of You ของนักร้องอังกฤษ เอ็ด ชีราน ซึ่งมียอดวิว 5,586 ล้านวิวเศษ และอันดับ 5 ได้แก่เพลง See You Again ของนักร้องผิวสีแห่งสหรัฐฯ วิช คาลิฟา ซึ่งมียอดวิวทั้งสิ้น 5,384 ล้านเศษเหตุที่มองกันว่าข่าววันนี้ไม่ใช่ข่าวใหม่ก็เพราะเพลงเด็ก Baby Shark Dance นั้น ทำสถิติยอดผู้เข้าชมสูงสุดติดต่อกันมาหลายปีแล้วแต่ที่ตื่นเต้นและฮือฮากันมากจนสื่อระดับโลกต้องนำมาพาดหัว และรายงานข่าวเอิกเกริกอีกครั้ง ก็เพราะเพลงนี้เป็นเพลงแรกของยูทูบที่ทะลุหลัก 10,000 ล้านวิวนั่นเองอะไรไม่อะไรเป็นที่เชื่อกันว่า MV เพลงนี้น่าจะครองอันดับ 1 ไปอีกนานแน่ๆ เพราะจากสถิติวันแถลงข่าวมาจนถึงวันที่ทีมงานซอกแซกลงมือเขียนรายงานวันนี้ผ่านมาแค่ 7 วันเท่านั้น ยอดวิวกลายเป็น 10,050,308,868 ล้านซะแล้ว หรือเพิ่มขึ้นอีกถึง 43 ล้านวิวเศษในขณะที่อันดับ 2 Despacito เพิ่มขึ้นแค่ 8 ล้านวิวเศษๆเท่านั้นเองในเวลาเดียวกัน...จะเอาอะไรมาสู้ล่ะในหลายๆรายงานที่บันทึกกันไว้ระบุคล้ายๆ กันว่า เพลงและการเล่นที่เกี่ยวกับการเต้น Baby Shark น่าจะเกิดขึ้นในการไปเข้าแคมป์ไฟของบรรดาลูกเสือ หรือนักเรียน โดยเฉพาะในยุโรป ย้อนหลังไปเมื่อ 40 กว่าปีก่อนเนื่องเพราะในการไปเข้าค่ายและเต้นแคมป์ไฟกันนั้นแล้ว คุณครูหรือผู้ควบคุมมักจะนำเพลงที่เหมาะแก่การเต้นทั้งที่เป็นเพลงเก่าแก่เป็นตำนานนับร้อยๆปี และเพลงใหม่ๆที่แต่งหรือดัดแปลงขึ้นตามเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นมาให้เด็กๆเต้นกันอยู่เสมอดังนั้น เมื่อปี ค.ศ.1975 หรือ พ.ศ.2518 ประมาณ 46 ปีที่แล้ว ซึ่งมีภาพยนตร์ที่ฮิตมากเรื่องหนึ่งของโลก ออกมาสร้าง ความฮือฮา นั่นก็คือภาพ ยนตร์เรื่อง JAWS ที่ว่าด้วยฉลามยักษ์กินคน ที่มาคาบสาวน้อยที่เล่นน้ำอยู่ริมทะเลไปรับประทาน จนต้องมีการไล่ล่าอย่างตื่นเต้น... ทำให้ “ฉลาม” กลายเป็นเรื่องที่พูดถึงกันทั่วโลกคุณครู “แคมป์ไฟ” จึงได้แต่งเนื้อร้องและคิดท่าเต้นแบบปลาฉลามขึ้น โดยเฉพาะใน “ท่าเต้น” นั้น จะมีการใช้ฝ่ามือมาประกอบให้ดูเป็นลักษณะลีลาการว่ายน้ำผาดโผนต่างๆของ “ฉลาม” เพื่อเพิ่มความสนุกสนานอีกด้วยต่อมาใน ค.ศ.2007 ก็ได้มีการนำท่าเต้นและเพลงร้อง Baby Shark มาบันทึกมิวสิกวิดีโอลงยูทูบเป็นครั้งแรกในเวอร์ชัน “ภาษาเยอรมัน” ปรากฏว่าฮิตมากในเยอรมัน และก็แพร่หลายไปทั่วโลก ทำให้มีเวอร์ชันออสเตรเลียและเวอร์ชันของสหรัฐอเมริกาฮิตตามมาและแล้วก็มาถึง “เวอร์ชันเกาหลี” อันได้แก่เวอร์ชันที่เรียกว่า Pink Fong ของบริษัทด้านการบันเทิงและการศึกษา SmartStudy แห่งกรุงโซลนำลงยูทูบเมื่อ 26 พฤศจิกายน ค.ศ. 2015 โดยออกมาเป็นชุดๆแบบครอบครัวฉลาม ทั้งปู่ ทั้งย่า และคุณพ่อ คุณแม่ มากันครบด้วยภาษาอังกฤษที่น่ารัก เสียงเพลงประกอบท่าเต้น โดยมีเด็กเกาหลีหน้าตาน่ารักนำแสดงด้วย ส่งผลให้ Baby Shark ในเวอร์ชันของ “พิงค์ฟอง” ฮิตอย่างรวดเร็วเหมือนไฟลามโลก (ยิ่งกว่าลามทุ่งว่างั้นเถอะ)และแล้วในวันที่ 2 พฤศจิกายนปี 2020 หรือ ประมาณ 4 ปี หลังจากนำลงยูทูบ “เบบี้ชาร์ค” เกาหลีก็กลายเป็นมิวสิก วิดีโอเพลงแรกที่ทะลุยอดวิว 7,500 ล้านวิว และ ต่อมาเมื่อ 13 มกราคม 2022 ดังกล่าว เจ้าฉลามน้อยเชื้อสายเกาหลีก็ผ่านหลัก 10,000 ล้านไปอย่างที่สำนักข่าวต่างๆ รายงานไว้ตอนต้นเนื่องจากนักร้องนำได้แก่เจ้าหนูวัย 10 ขวบ เกาหลีเกิดในอเมริกา ส่วนเด็กหญิงวัย 9 ขวบ ที่ร้องคู่กันก็เป็นเด็กเกาหลี เกิดที่นิวซีแลนด์...ภาษาอังกฤษจึงเป๊ะด้วยกันทั้งคู่ทำให้มิวสิกวิดีโอชุดนี้ได้รับความสนใจอย่างสูงทั้งโลก และกลายเป็นเวอร์ชัน “อินเตอร์” ที่สมบูรณ์แบบดูวิธีการทำงานของเขาแล้วก็อดนึกถึงทฤษฎี “ส่งคนเกาหลีไปทั่วโลก” ของเขาเสียมิได้ ที่ส่งคนไปอยู่ในประเทศยักษ์ใหญ่ทั่วยุโรปและอเมริกา จนถึงอเมริกาใต้ ซึ่งนอกจากจะไปทำงานหาเงินในต่างแดนส่งกลับบ้านแล้วยังไปเป็นเอเย่นต์ขายสินค้าตั้งแต่มือถือไปจนถึงคอมพิวเตอร์รถยนต์รวมทั้งสินค้าวัฒนธรรม เช่น ละคร “แดจังกึม” และ K-POP วงต่างๆขณะเดียวกันเพื่อให้สินค้า โดยเฉพาะทางด้านวัฒนธรรมของเขาเป็น “อินเตอร์” มากขึ้น เขาก็จะใช้ลูกๆหลานๆของเขาที่เกิดที่เมืองนอก ภาษาอังกฤษปร๋อมาเป็นนักร้อง นักแสดงนำ หรือเป็นพรีเซนเตอร์ให้แก่สินค้าดังกล่าวไทยเราเองก็ส่งพลเมืองไปอยู่อังกฤษ อเมริกา ออสเตรเลีย จนบางประเทศใหญ่พอๆกับอำเภอ อำเภอหนึ่ง มีลูกหลานเกิดขึ้นที่โน่นจำนวนมากอาจถึงเวลาต้องเชิญชวนลูกไทยหลานไทย ภาษาอังกฤษเป๊ะๆมาร้องเพลง “รำวงลอยกระทง” เนื้อฝรั่งลงยูทูบกันบ้างละครับเผื่อจะฮิตมีคนดูติดตามเป็นพันๆล้านแบบเกาหลีก็ได้นะครับ...ของพรรค์นี้ไม่ลองจะรู้ได้ยังไงล่ะ อังเคิ่ลตู่?“ซูม”