โครงการอุทยานเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จ พระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร พื้นที่สีเขียวกลางใจเมือง 279 ไร่ ที่จะเป็นปอดแห่งใหม่ของคนกรุง โดยคาดว่าจะเสร็จในปี 2567 ซึ่งอุทยานแห่งนี้เป็นสถานที่ที่รำลึกถึงในหลวง รัชกาลที่ 9 และเป็นที่ซึ่งมีประโยชน์ต่อประชาชน เป็นสวนสาธารณะสำหรับพักผ่อนหย่อนใจและยังเป็นแหล่งเรียนรู้เกี่ยวกับป่าและน้ำ ที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงสนพระทัยและทรงให้ความสำคัญอย่างยิ่ง คุณปุ้ย-วรรณพร พรประภา หนึ่งในทีมงานผู้ออกแบบสวนอุทยานเฉลิมพระเกียรติแห่งนี้ ได้ อธิบายแนวคิด ในการออกแบบโครงการว่า การออกแบบเป็นไปตามพระบรมราโชบายของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินี ซึ่งคณะทำงานได้รับผ่านคณะกรรมการโครงการอุทยานเฉลิมพระเกียรติฯเพื่อออกแบบให้สอดคล้องกับพระราชปณิธานที่ทรงตั้งพระหฤทัยเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จ พระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรม ราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทั้งนี้ การออกแบบ สอดคล้องกับพระราชดำริที่พระราชทานที่ดินในพระปรมา ภิไธย 279 ไร่ ซึ่งในอดีตเป็นสนามม้านางเลิ้ง นอกจากเป็นประโยชน์ให้ประชาชนได้สักการะและรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของในหลวง ร.9 ในพระบรมราโชบายต้องการจะให้พื้นที่นี้สร้างประโยชน์แก่ประชาชน อุทยานนี้ยังเป็นแหล่งเรียนรู้แนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จ พระเจ้า อยู่หัวรัชกาลที่ 9 และสมเด็จพระบรมราชชนนี พันปีหลวง ผ่านองค์ความรู้เรื่องป่าและน้ำ ที่ประชาชนสามารถนำไปปรับใช้เป็นประโยชน์ได้ โดยเป็นตัวอย่างการสะท้อนความสำคัญของน้ำกับชีวิตคน การบริหารจัดการน้ำที่เรียบง่าย และสอดคล้องกับธรรมชาติตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ พร้อมกันนี้ยังได้อธิบายต่อว่า อุทยานนี้สะท้อนถึงหลักการบริหารจัดการน้ำตามแนวพระราชดำริที่เป็นประโยชน์แก่พื้นที่บริเวณนั้น และมีพระราชดำริให้พื้นที่นี้แก้ไขปัญหาน้ำของกรุงเทพฯในยามวิกฤติ โดยเป็นพื้นที่รองรับน้ำหรือแก้มลิงอีกแห่งของกรุงเทพฯ คณะทำงานออกแบบให้สอดคล้องกับบริบทโดยรอบ โดยพื้นที่ลุ่มริมลำน้ำกลางเมืองซึ่งมีความหนาแน่นสูง ที่น้อมนำแนวพระราชดำริเรื่องแก้มลิงมาปรับใช้ดังนี้ ใช้พื้นที่ที่ช่วยชะลอน้ำ บรรเทาปัญหาน้ำท่วมจากฝนตกหนักของพื้นที่บริเวณนั้น ซึ่งมีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นในเมืองจากปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโลก เป็นพื้นที่เก็บรักษาน้ำ จัดทำระบบควบคุมน้ำเชื่อมต่อกับระบบคูคลองโดยรอบ เช่น คลองเปรมประชากร คลองผดุงกรุงเกษม และคลองสามเสน และนำน้ำที่เก็บรักษาไว้ ซึ่งมีระบบหมุนเวียนดูแลรักษาคุณภาพน้ำมาใช้ประโยชน์ในอุทยาน เช่น การใช้เป็นแหล่งน้ำให้กับการเจริญเติบโตของต้นไม้ นอกจากนี้ มีพระราชประสงค์ให้พื้นที่แห่งนี้เป็นปอดแห่งใหม่ของกรุงเทพฯ ช่วยแก้ไขปัญหามลพิษอากาศในเมืองใหญ่ที่ประสบอยู่ โดยเฉพาะฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 และดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ รวมทั้งได้รับคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญในการปลูกต้นไม้ลดหลั่นความสูงและลักษณะความหนาของใบ สามารถป้องกันมลพิษทางเสียงได้ เป็นวิธีธรรมชาติ อีกทั้งเพิ่มคุณภาพชีวิตของประชาชน ทั้งด้านจิตใจ กีฬา นันทนาการต่างๆ อาทิ เส้นทางจักรยาน 3.5 กิโลเมตร เส้นทางวิ่ง 3.5 กิโลเมตร แต่ละเส้นทางเป็นอิสระต่อกัน คำนึงถึงความปลอดภัย แต่สามารถเชื่อมกันได้ มีความรื่นรมย์ตามการใช้งาน แล้วยังมีกีฬาอื่นๆตามสมัยนิยม ประชาชนทุกเพศทุกวัยมาใช้ได้ อย่างไรก็ตาม การออกแบบสามารถปรับเปลี่ยนและยืดหยุ่นตามความต้องการ ความนิยมของประชาชน และประโยชน์ในการใช้งาน คุณปุ้ย-วรรณพร กล่าวต่อว่า ตนและทีมงานทุกคนปลื้มใจและดีใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการที่จะเกิดประโยชน์มากและสะท้อนแนวพระราชดำริของพระมหากษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่ในหลวง ร.9 และทำให้มีโอกาสได้ศึกษาเรียนรู้จากผู้ถวายงาน ผู้เชี่ยวชาญต่างๆ แม้กระทั่งไปดูโครงการพระราชดำริหลายแห่งทั่วประเทศ รู้สึกซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณ และโชคดีมากที่เกิดเป็นคนไทยมีสถาบันพระมหากษัตริย์ที่ห่วงใยประชาชนมากขนาดนี้.