ขณะนี้ รัฐบาลที่เรียกกันว่า “ระบอบประยุทธ์” กำลังถูกตรวจสอบอย่างเข้มข้น ทั้งจากภายในประเทศและต่างประเทศ เรื่องที่ถูกตรวจสอบได้แก่ความเป็นประชาธิปไตยและปัญหาสิทธิมนุษยชน ตรวจสอบความเป็นประชาธิปไตย ด้วยร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน ถือว่าสอบตกเมื่อเร็วๆนี้ องค์กรภาคประชาชนต่างประเทศ จัดทำ “ดัชนีนิติธรรม” ใน 139 ประเทศทั่วโลก ประเทศไทยได้อันดับที่ 80 คะแนนน้อยกว่าสิงคโปร์ อินโดนีเซีย มาเลเซีย แม้จะอันดับดีกว่าเวียดนาม แต่ก็ต้องถือว่าสอบตก และเมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ประ เทศไทยถูกสหประชาชาติทดสอบปัญหาสิทธิมนุษยชนนั่นก็คือการทบทวนปัญหาสิทธิมนุษยชนไทย 5 ปีต่อหนึ่งครั้ง โดยคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนสหประชาชาติ ที่นครเจนีวา ขณะเดียวกัน มีการเสวนาเกี่ยวกับปัญหาเดียวกัน โดยกลุ่มนักสิทธิมนุษยชนของไทยภายในประเทศ ส่วนรายการใหญ่ที่เจนีวา เปิดให้ประเทศสมาชิก ยูเอ็นได้แสดงความคิดเห็น และเสนอแนะ แนวทางด้วยประเทศเม็กซิโก ออสเตรีย ฟินแลนด์ เบลเยียม และสหราชอาณาจักร เสนอแนะให้ไทยปกป้องเสรีภาพในการแสดงออก หรือการแสดงความคิดเห็น และเสรีภาพในการชุมนุมโดยสงบของเยาวชนไทย และเสนอแนะให้ไทยแก้ไขมาตรา 112 ซึ่งกลายเป็นประเด็นขัดแย้งทางการเมืองของไทยขณะนี้โปรดสังเกตว่าในบรรดา 5 ประเทศ ที่เสนอแนะให้ไทยแก้ไข ม.112 มี 2 ประเทศเป็น “ราชอาณาจักร” ที่ “ปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข” เช่นเดียวกับไทย นั่นก็คือสหราชอาณาจักรหรืออังกฤษ กับเบลเยียม อังกฤษเป็นประเทศแม่บทของระบบรัฐสภานักสิทธิมนุษยชนของไทยระบุว่า เหตุที่ 5 ประเทศเสนอแนะเรื่องนี้ เนื่องจากมีเยาวชนไทย 223 คน ถูกควบคุมตัวและดำเนินคดี และโดนข้อหา ม.112 จำนวน 6 คน แต่รายงานของผู้แทนรัฐบาลไทยที่เสนอต่อยูเอ็นไม่ได้กล่าวถึงเรื่องนี้ ยิ่งกว่านั้นไทยยังถูกวิพากษ์เกี่ยวกับการใช้กฎหมายสามัญประจำบ้านเช่นการประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และการใช้ พ.ร.บ.ความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ เพื่อปิดปากกลุ่มผู้เห็นต่าง รัฐบาลไทยมีเวลา 2 เดือน ที่จะให้คำตอบสหประชาชาติ จะยอมรับหรือไม่ยอมรับข้อเสนอแนะ จะเดินตามแนวทางประชาคมโลก ซึ่งส่วนใหญ่ยึดแนวทางประชาธิปไตย หรือจะยึดแนวทางรัฐบาลทหารพม่า.