นิทานสำหรับเด็กเรื่อง “แค็ก!แค็ก!มังกรไฟ” หนูหริ่ง เขียน (มูลนิธิแฟมิลี่คลับพิมพ์ ก.ย.2564) ผมอ่านแล้ว อยากให้ผู้ใหญ่ในบ้านเมืองได้อ่าน เนื้อหายาว ขอคัดย่อ แต่พอรู้เรื่องณ หมู่บ้านบนยอดเขากลางป่า เด็กๆที่นี่ร่าเริง แข็งแรง แก้มแดง ดวงตาใสแจ๋ว เสียงพูดใสกังวาน ตะโกนพูดกันข้ามเขาได้สบาย เพราะได้วิ่งเล่น ได้เดินไปโรงเรียนทุกวันค่ำคืนหนึ่งเกิดไฟป่าใกล้หมู่บ้าน ป่าไม้เขียวร่มรื่นกลายเป็นสีแดงเพลิง ควันไฟพวยพุ่งไปทั่วทุกป่าทุกภู ชาวบ้านตระหนกตกใจกับไฟป่า ซึ่งตอนนี้ได้กลายเป็นมังกรไฟตัวใหญ่มหึมา และค่อยๆเลื้อยไปตามสันเขาเจ้ามังกรไฟ ตัวใหญ่ขึ้น ใหญ่ขึ้น ใหญ่ขึ้น อย่างรวดเร็วรุ่งเช้าของวันใหม่ เสียงไก่ที่เคยขันดัง กลับขันเป็นเสียงแค็กแค็ก หมูอู๊ดที่เคยร้องอู๊ดๆ กลับร้อง “แค็กๆ” ลูกหมาที่ชอบเห่า รวมถึงเจ้าแมวเหมียว ก็ร้องแค็กแค็กเหมือนกันแม้แต่เด็กๆก็พูดไม่ได้ ทุกคำที่เด็กๆพยายามเปล่งเสียง กลับกลายเป็นเสียงไอแห้งๆ แค็กๆ และดวงตาของเด็กๆได้เปลี่ยนเป็นสีแดง แดงเหมือนกับดวงตาของเจ้ามังกรไฟป้าคนปักผ้าวิ่งมาตะโกนบอกชาวบ้าน “แย่แล้วๆ เด็กๆและสัตว์ในหมู่บ้าน ถูกสาปให้พูดไม่ได้”ทุกคนตกใจมาก ผู้ใหญ่บ้านตีเกราะเคาะไม้ เรียกประชุมด่วนลุงที่เป็นยามเฝ้าป่าเล่าให้ฟังว่า “ตอนนี้เจ้ามังกรไฟได้กินกอไผ่ ใบไม้ ต้นไม้ ในภูเขา และกำลังจะเข้ามากินหมู่บ้านของเรา” เจ้ามังกรไฟตัวใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ผู้คนจึงไม่กล้าผลีผลามเข้าไป จึงกลับมาคิดหาวิธีปราบยายที่ชอบทำขนมนึกถึงใบตอง และคิดว่าน่าจะลองใช้ใบกล้วยไปตีไฟให้ดับ แต่มีคนแย้งว่าคงยาก ที่ใบกล้วยจะดับไฟทั้งป่า ช่างตีเหล็กเสนอให้เอาถังน้ำตักน้ำไปดับไฟ แต่ก็ถูกแย้งว่าน้ำน้อยเพียงถัง จะดับไฟป่าได้อย่างไร“ต้องดับที่ต้นเหตุ” ลุงที่เป็นผู้ฝึกเหยี่ยว แหงนมองท้องฟ้า “เราจะให้เจ้าโด๊นโดนไปดูว่า ปากของเจ้ามังกรไฟอยู่ตรงไหน จะได้ดับไฟได้ถูกที่” โด๊นโดนเป็นชื่อของเหยี่ยวใหญ่ ที่ฉลาดและมีสายตาแหลมคม“เราต้องหาทางไม่ให้มังกรไฟได้กินอาหาร” ปู่ผู้เฒ่าแนะ “เมื่อมังกรไฟไม่ได้กิน มันจะหิว และหมดแรงไปเอง”หลายคนพยักหน้าเห็นด้วย เด็กๆช่วยกันคิด และวาดแผนที่ลำเลียงน้ำ หลายคนช่วยกันเสนอ และที่ประชุมตกลงใช้ห้าวิธีที่ดีที่สุด ทุกคน ทุกเพศ ทุกวัย ร่วมใจกันปราบมังกรไฟ แม้ว่าเหน็ดเหนื่อยและยาวนานแต่ชาวบ้านเด็กๆและอาสาสมัครทั่วทุกสารทิศก็ไม่ละ ย่อท้อตะวันเคลื่อน เดือนคล้อย ผ่านไป 7 วัน 7 คืน ทุกคนร่วมแรงร่วมใจกันเต็มที่ จนเจ้ามังกรไฟสิ้นฤทธิ์ เมื่อไม่มีไฟก็ไม่มีควัน เด็กๆก็ไม่สำลักควัน “แค็กๆ” อีก ทุกคนพ้นจากคำสาปและพูดได้ดังเดิม ดวงตาของเด็กๆไม่แดงอีกต่อไปเช้าวันต่อมา ทุกคนยิ้มได้เมื่อได้ยินเสียงไก่ขัน “เอ้ก อี๊ เอ้ก เอ้ก” หมูร้อง “อู๊ดๆ” ลูกหมาเห่า “โฮ่งๆ” และเจ้าแมวเหมียวก็กลับมาร้อง “เมี้ยว ว ว” ดังเดิมนิทานเรื่องมังกรไฟวายร้ายไฟป่า จบให้ยิ้มได้เต็มปากตรงนี้ แต่พอผมนึกถึงเจ้ามังกรไฟตัวใหญ่อีกตัว ที่มีเค้าจะลุกเผาเมือง ก็ยิ้มค้าง อยากชวนใครต่อใคร รวมทั้ง “พี่หนูหริ่ง” ให้ชวนน้องๆช่วยกันดับไฟด้วยต้นไม้ในป่าหนึ่งต้น คนนำมาทำไม้ขีดไฟได้มากมาย และไม้ขีดไฟก้านเดียว สามารถทำลายได้ทั้งป่า ข้อควรระวังของคนไทย อย่าเผลอเป็นตัวการจุดไฟเผาเมืองเสียเอง.กิเลน ประลองเชิง