มารยาร้อยเล่ห์กลใดที่ว่าแน่ ฤาจะสู้ลีลาหอกข้างแคร่รับใช้กลุ่มผู้ค้าน้ำมันปิโตรเลียม ล่าสุดรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน มีดีกรีห้อยท้ายเป็นอดีตผู้บริหารบริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่ ประเดิมงานเริ่มต้นปีงบประมาณ 2565...นัดประชุมคณะกรรมการบริหารกิจการพลังงาน (กบง.) เมื่อเช้าวันที่ 4 ต.ค.2564ที่ประชุมมีมติปรับสูตรดีเซลจาก B10 และ B7 ลงมาเหลือ B6 โดยให้มีผลตั้งแต่ 11 ตุลาคมที่ผ่านมา ในภาวะวิกฤติโควิดบวกผสมผวาน้ำท่วม ประชาชนคนทั่วไปคงไม่รู้สึกรู้สาสักเท่าไร แต่นี่แหละที่เขาเรียกว่าในวิกฤติมีโอกาสให้รีบหยิบฉวย ถ้ายังจำกันได้ก่อนหน้านี้ มีการยกเหตุผลเรื่องแก้ปัญหามลพิษฝุ่นพีเอ็ม 2.5 กรมควบคุมมลพิษ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้เสนอคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ประกาศใช้มาตรฐานไอเสียระดับยูโร 5 ที่จะมีผลทำให้ต้องลดส่วนผสมไบโอดีเซลจาก B10 ลงมาเป็น B7 เพราะยังไม่มีใครยืนยันได้ว่า น้ำมัน B10 จะใช้กับเครื่องยนต์มาตรฐานยูโร 5 ได้ ผลจากตรงนั้น วันนี้ยังเหลืออีก 2 ปีนิดๆ ประเทศไทยจะบังคับใช้เรื่องนี้ในปี 2567แต่เมื่อมติของ กบง.ล่าสุดออกมาอย่างนี้ คนไทยไม่ต้องรอถึงปี 2567 อีกต่อไป เพราะกระทรวงพลังงานเร่งจัดให้เสร็จสรรพ เริ่มตั้งแต่นี้ไปเลย และแทนที่จะให้ใช้ไบโอดีเซล B7 ลดส่วนผสมข้ามสเต็ปเหลือแค่ B6 กันไปเลยทีเดียวตรงนี้มีผลอย่างไร...จะทำให้ปริมาณการใช้น้ำมันปาล์มมาผลิตเป็นไบโอดีเซล ลดลงประมาณเดือนละ 40,000 ตันทันที จากที่เราผลิตน้ำมันปาล์มได้ประมาณเดือนละ 2 แสนกว่าตัน และมีการนำไปใช้เป็นไบโอดีเซลเกินกว่าครึ่ง แล้วไหนผลจากวิกฤติโควิด เศรษฐกิจย่ำแย่ การใช้ไบโอดีเซลที่เคยอยู่ที่ระดับ 1.2 แสนตันต่อเดือน ลดลงมาเหลือ 7-8 หมื่นตันต่อเดือนอยู่แล้ว เมื่อมาเจอเคราะห์ซ้ำกรรมซัดปรับสูตรส่วนผสมน้ำมันปาล์มให้เหลือแค่ B6 ราคาผลปาล์มที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ประธานคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ (กนป.) อุตส่าห์ประกาศว่าจะดันไปให้ถึงเฉลี่ย กก.ละ 8 บาทในเดือนนี้เป็นต้นไป ที่กำลังไปได้สวย คงมีอันต้องม้วยอย่างแน่นอน...เหมือนการดับฝัน “บิ๊กป้อม” ยังไงชอบกลกบง.ให้เหตุผลการปรับลดสูตรลงเหลือ B6 เนื่องจากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกเพิ่มสูงขึ้น บวกกับค่าเงินบาทที่อ่อนลง...แต่ทำไมหวยถึงมาออกที่การปรับลดการใช้ไบโอดีเซลไปได้ยังไงที่อ้างว่าน้ำมัน B10 B7 แพงขึ้น จนต้องลดให้มาใช้ B6 เป็นเพราะมีการผสมไบโอดีเซล (B100) ลงไปมาก และปัจจุบัน B100 มีราคาแพงขึ้น จึงจำเป็นต้องลดส่วนผสมลง...เหตุผลนี้ จริงแท้ขนาดไหน“ที่อ้างว่าน้ำมัน B10 B7 แพงเพราะไบโอดีเซล B100 แพงขึ้นนั้นจริงหรือไม่ ดูได้จากข้อมูลโครงสร้างราคาน้ำมันในเว็บของกระทรวงพลังงาน เมื่อเดือนมกราคม 2564 ได้ใช้ราคาอ้างอิงของไบโอดีเซล B100 ที่ลิตรละ 41.61 บาท ราคาน้ำมัน B10 มีราคาที่ลิตรละ 21.19 บาท ในขณะที่ช่วงนั้นราคาผลปาล์มอยู่ที่ กก.ละเกือบ 7 บาท แต่พอมาดูข้อมูลเดือนตุลาคม 2564 ไบโอดีเซลยังใช้ราคาเดิม ลิตรละ 41.61 บาท ทั้งที่ราคาผลปาล์มขยับขึ้นมาเกือบ 8 บาท แต่ราคาน้ำมัน B10 กลับขยับเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ลิตรละ 28.29 บาท เพิ่มขึ้นมา 7.10 บาท หรือประมาณ 30% ของราคาเมื่อเดือนมกราคม นั่นหมายความว่าราคาเนื้อน้ำมันไบโอดีเซลที่ผลิตจากน้ำมันปาล์มขยับสูงขึ้นมาอยู่ในระดับนี้มานานแล้ว ขึ้นลงจากนี้ไม่มากเท่าใดนัก แต่การที่ราคา B10 ขยับขึ้นมานั้น เป็นเพราะราคาเนื้อน้ำมันดีเซลแพงขึ้นล้วนๆ ไม่ใช่เพราะไบโอดีเซลแพงแต่อย่างใดเรื่องนี้พิสูจน์ได้ด้วยการคำนวณหาหลักฐานเชิงประจักษ์ ถ้าเนื้อน้ำมันไบโอดีเซล B100 ขยับขึ้นจากลิตรละ 25 บาท เป็นลิตรละ 40 บาท หรือขึ้นมาลิตรละ 15 บาท เมื่อนำมาทำเป็น B10 จะผสม B100 ลงไปแค่ 10% น้ำมัน B10 จะแพงขึ้นมา 1.5 บาทเท่านั้น แล้วไหนยังจะมีเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงมาชดเชยให้อีกลิตรละ 2.5 บาท หักลบกลบส่วนของเนื้อไบโอดีเซลที่แพงขึ้นแล้ว และยังทำให้ B10 ถูกลงไปอีก 1 บาทด้วยซ้ำ แต่ส่วนต่างที่ทำให้ B10 แพงขึ้นมา 7-8 บาทในตอนนี้นั้นมันจะมาจากไหน ถ้าไม่ได้มาจากเนื้อน้ำมันดีเซล” ดร.บุรินทร์ สุขพิศาล คณะบริหารธุรกิจ สถาบันเทคโนโลยี พระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ในฐานะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ ชี้ให้เห็นกลลวงที่ถูกซ่อนไว้ในเหตุผลการปรับสูตรส่วนผสมของไบโอดีเซลจะเพื่อผลประโยชน์ของบริษัทน้ำมัน โรงกลั่นน้ำมันหรือไม่ ปรับลด B10 และ B7 ลงเหลือ B6 แล้วบริษัทตัวเองจะได้ขายดีเซลเพียวๆจากโรงกลั่นได้มากขึ้น...ผสมไบโอดีเซลน้อยลง เกษตรกรเดือดร้อนไม่ใช่ปัญหาของฉันแต่มารยาเล่ห์กลที่ซ่อนไว้ไม่ได้มีเพียงแค่นี้...ติดตามได้ในตอนต่อไป. ชาติชาย ศิริพัฒน์