“พล.อ.ประยุทธ์ไม่ใช่ปัญหาของประเทศ ทักษิณและระบอบทักษิณเป็นปัญหาของประเทศ”นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ที่ปรึกษาพรรครวมพลังประชาชาติไทย เปิดมุมคิดให้เห็นอีกภาพหนึ่ง เมื่อหลายฝ่ายเริ่มมองสถานการณ์การเมืองวนลูปเดิมเหมือน 7 ปีก่อน ซึ่งมี “ระบอบทักษิณ” เป็นตัวสร้างความขัดแย้งทางความคิด แต่ขณะนี้กำลังเห็น “ระบอบประยุทธ์” เป็นตัวสร้างปัญหาขัดแย้งทางความคิดของคนในประเทศพร้อมให้เหตุผลว่า บางคนอาจไม่ชอบ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ.ในขณะนั้นและคณะ ทำการยึดอำนาจ 22 พ.ค.57 แน่นอนนักประชาธิปไตยไม่ชอบเผด็จการผมก็ไม่ได้เรียกร้องให้มีรัฐบาลเผด็จการกปปส.ต้องการให้เปลี่ยนแปลงตามรัฐธรรมนูญ แต่พอใจที่หยุดระบอบทักษิณได้ หากระบอบนี้หวนกลับมาอีก ก็ต้องต่อต้าน ไม่อยากให้เข้ามาทำอันตรายประเทศชาติโดยไม่คิดชักชวนประชาชนเดินขบวนบนท้องถนน ไม่ตัดสินกันบนท้องถนน สถานการณ์วันนี้เปลี่ยนแปลงไปเยอะมาก การแสดงออกทางการเมืองมีทั้งบนโลกออนไลน์และโลกความเป็นจริง“ผมคิดไปข้างหน้า ไม่คิดกลับไปเดินขบวนอีก เลยช่วงเวลาแบบนี้มาแล้ว บริบทการเมืองเปลี่ยนไป คงคิดทำจะสื่อสารผ่านทุกแพลตฟอร์ม เพื่อให้ประชาชนเข้าใจมากขึ้น” ขอย้อนกลับช่วงที่ กปปส.นำมวลมหาประชาชนนับล้านออกมาชุมนุมต่อเนื่องข้ามปี 56-57 ยาวนาน 204 วัน ก็ไม่ได้มีวัตถุประสงค์หรือเจตนาให้ทหารเข้ามายึดอำนาจ เริ่มต้นจากคัดค้าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฉบับสุดซอย ที่เอื้อต่อนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯและบริวารให้หลุดพ้นจากคดี โดยเฉพาะคดีทุจริตคอร์รัปชันก่อนยกระดับต่อต้านระบอบทักษิณ เรียกร้องข้าราชการพลเรือน ตำรวจ ทหาร ให้ประกาศยืนอยู่ฝ่ายประชาชน เลิกรับใช้ระบอบทักษิณสุดท้าย คสช.ยึดอำนาจ ภารกิจของ กปปส.จบ ไม่เกี่ยวกับ พล.อ.ประยุทธ์ทำหลังจากนั้น ถามว่ารู้สึกอย่างไรที่ พล.อ.ประยุทธ์และคณะยึดอำนาจ ก็พอใจระดับหนึ่งที่ระบอบทักษิณจบไปเสียทีและหยุดยั้งระบอบทักษิณได้ขณะเดียวกันก็พอใจเนื้อหารัฐธรรมนูญ 60 มีโครงสร้างปฏิรูปประเทศหลายด้านชัดเจน โดยเฉพาะด้านการเมือง แต่ไม่พอใจการปฏิรูปประเทศทั้งหมด มีหลายเรื่องยังชักช้าเช่น ปฏิรูปตำรวจ ปฏิรูปการศึกษา ปฏิรูปกระจายอำนาจ กระจายการปกครอง ผู้ว่าราชการจังหวัดต่างๆยังไม่มีการเลือกตั้งโดยตรง ยกเว้นผู้ว่าฯกทม.เข้าใจได้ว่าการเปลี่ยนแปลงเรื่องใหญ่ต้องใช้เวลา ใช้พลังสนับสนุนจากประชาชนอย่างต่อเนื่องขอให้ดูพรรคคอมมิวนิสต์จีนเพิ่งฉลองสถาปนาครบ 100 ปี ซึ่งมีการปฏิรูปเป็นช่วงๆ และยังปฏิรูปต่อ ฉันใดก็ฉันนั้น การปฏิรูปประเทศไทยยังต้องเดินต่อแต่สิ่งที่น่ากังวลใจ คือ ปฏิรูปเดินหน้าบ้าง ถอยหลังบ้าง โดยรัฐธรรมนูญ 40 และรัฐธรรมนูญ 50 ก่อให้เกิดเผด็จการรัฐสภา รัฐธรรมนูญ 60 พัฒนาไปสู่การเลือกบัตรใบเดียว ไม่เกิดสภาพเผด็จการรัฐสภาแต่ถอยหลังไปแก้เป็นบัตรเลือกตั้ง 2 ใบอีก ซึ่งเป็นเรื่องของพรรคการเมือง นักการเมือง มากกว่าผลประโยชน์ของประเทศ และระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขในภาพรวมผมไม่ชอบใจเท่าไหร่ ยังไม่ถูกใจ กังวลใจจะเกิดอะไรขึ้นอีก“พรรคใหญ่คิดประโยชน์ของพรรค บางพรรคอาจไม่ได้อย่างที่เขาคาด เพราะประชาชนที่อยู่เฉยๆได้สรุปบทเรียนไว้กับการทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญ 60 คนหลายล้านคนยังไม่เปลี่ยนมองพรรคพลังประชารัฐ พรรคเพื่อไทย พรรคประชาธิปัตย์อย่างไร รอคำตอบในวันเลือกตั้ง”แต่เมื่อกติกาใหม่ประกาศใช้ ทุกพรรคต้องปฏิบัติตาม ผลออกมาเป็นอย่างไร ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งขณะที่พรรครวมพลังประชาชาติไทย ผมไม่ลงสมัครรับเลือกตั้ง ไม่คิดกลับไปเป็น ส.ส.หรือรัฐมนตรี แต่ยังมีความคิด ความหวังทำพรรคการเมืองของประชาชนที่แท้จริงไม่ใช่เป็นของนักการเมือง ไม่ใช่ของนายทุนขอเดินหน้าทำต่อ จะได้ ส.ส.อีกคนเป็นอีกเรื่องหนึ่ง แม้พรรครวมพลังประชาชาติไทยมี ส.ส.5 คน มีนายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ เป็น รมว.อว. ก็ยังทำประโยชน์ให้บ้านเมืองได้มากทีเดียวฉะนั้นถ้ามีพรรคของประชาชนเกิดขึ้น มี ส.ส.มากขึ้นย่อมทำประโยชน์ให้บ้านเมืองได้มากขึ้น ทีมการเมือง ถามว่ากลุ่มที่เคยเคลื่อนไหวกับ กปปส. ไปตั้งกลุ่มไทยไม่ทนสามัคคีประชาชนเพื่อประเทศไทย เพื่อขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์ให้ออกจากนายกฯ โดยมีความพยายามทาบทามอดีตเลขาธิการ กปปส. ทำไมถึงตอบปฏิเสธเข้าร่วมนายสุเทพ บอกว่า ไม่ได้ตอบปฏิเสธ เพียงแต่ใครมาถามผมก็แสดงจุดยืนชัดเจน“ผมยังสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์อยู่ เหตุผลที่สนับสนุนไม่ใช่เรื่องส่วนตัว เคยทำงานร่วมกันมาในช่วงที่ผมเป็นรองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง พล.อ.ประยุทธ์เป็นข้าราชการเห็นว่าเป็นคนที่มีความจงรักภักดีต่อสถาบัน แน่วแน่ เป็นข้าราชการที่สุจริต ตั้งใจทำงานเพื่อบ้านเมืองตอนเป็นนายกฯ ยุค คสช. ทำได้ดีในระดับหนึ่ง เป็นนายกฯ หลังเลือกตั้งก็ทำได้ดีในระดับหนึ่งยังมองไม่เห็นว่ามีผู้นำทางการเมืองคนไหน พรรคไหนเป็นผู้นำรัฐบาลที่ทำงานได้แบบ พล.อ.ประยุทธ์เมื่อไม่เห็น ผมก็ยังประกาศสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ต่อไป ใครมาคุยผมก็ตอบแบบนี้ เขาก็เลิกไปเอง” มีสารพัดม็อบออกมาเคลื่อนไหวขับไล่นายกฯ มองปรากฏการณ์นี้อย่างไร นายสุเทพ บอกว่า ต้องยอมรับธรรมชาติของผู้คนในบ้านเมืองมีความเห็นแตกต่างกันได้ ไปแสดงความรังเกียจการแสดงออกของคนเหล่านี้ไม่ได้แต่ต้องเคารพกฎหมาย เหมือนในยุค กปปส.ทำ ยึดหลักชุมนุมโดยสงบ สันติ อหิงสา ไม่ทำผิดกฎหมาย“ประสบการณ์ตรงของผม มีคำแนะนำผู้ชุมนุมว่า ตอนชุมนุมมีคนมาร่วมนับแสนนับล้าน ตลอด 204 วัน นอนกลางดิน กินกลางถนน เจอฝน-ร้อน-หนาว-ลอบยิง-ขว้างระเบิดใส่มีความทุกข์มาก แต่อบอุ่น เพราะมีผู้ชุมนุมจำนวนมาก แต่พอชุมนุมจบ ต่อสู้คดี 2-3 ปี ไม่อบอุ่นเท่าไหร่ เพราะไม่มีใครสนใจแล้ว ทุกข์ยากมากกว่าตอนชุมนุมอีกยิ่งขณะนี้กำลังเขียนคำอุทธรณ์หลังถูกศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุก 5 ปี มันเป็นความทุกข์ ไม่สนุกสนาน แต่ผมเคารพกระบวนการยุติธรรม ขอสู้ถึงขั้นศาลฎีกา พร้อมรับผลคำพิพากษา จำคุกก็เข้าคุก”หลังศาลชั้นต้นพิพากษาคดี กปปส.จำคุกแกนนำ มีแกนนำบางคนพูดว่าถูกหักหลัง ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร นายสุเทพ บอกว่า ไม่ทราบว่าใครพูด ผมไม่เคยพูด ไม่มีใครหักหลังใคร ระหว่างติดคุกก็มีคนมาเยี่ยมบางคนก็น้อยใจว่าไม่ช่วยเหลือ ผมก็บอกว่าอย่าไปโกรธอย่าไปน้อยใจ ผมไม่เคยเรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์มาช่วย ม็อบขับเคลื่อนโดยมีมุมมองทางการเมืองที่แตกต่างกันระหว่างคนรุ่นใหม่กับคนรุ่นเก่า ควรหาทางออกอย่างไร นายสุเทพ บอกว่า ม็อบส่วนหนึ่งที่เคลื่อนไหวออกมาด้วยความบริสุทธิ์ใจ เพราะมองสภาพบ้านเมืองไม่ตรงกับที่เขาคิด ขณะที่อีกส่วนเกี่ยวกับระบอบทักษิณ ซึ่งแก้ไม่ได้ ขึ้นอยู่กับประชาชนส่วนใหญ่ไม่เอาด้วยก็ฝ่อไปเอง“ผมเห็นใจเยาวชน ซึ่งได้รับข้อมูลผ่านสื่อออนไลน์ มีบางข้อมูลจงใจทำเผยแพร่บิดเบือนประวัติศาสตร์ของประเทศ เกี่ยวกับสถาบัน คนทำมีมุมคิดเกี่ยวกับสถาบันตามแนวตะวันตกข้อเท็จจริงรูปแบบการปกครองของประเทศไทยต้องมีลักษณะพิเศษเฉพาะ สถาบันและประชาชนชาวไทยมีประวัติศาสตร์นานนับพันปี ไม่เหมือนประเทศอื่น สถาบันเป็นศูนย์รวมใจ ทำให้เราเป็นหนึ่งเดียวฉะนั้นขอให้น้องๆระวังอย่าทำผิด เพราะตลอดเวลาที่ กปปส.ชุมนุมขนาดระมัดระวังแล้ว ยังเข้าคุก”นายกฯเผชิญมรสุมหลายลูก มีความเป็นห่วงอย่างไร นายสุเทพ บอกว่า เจอทั้งปัญหาโควิด-19 ปัญหาเศรษฐกิจ ยิ่งเมื่อเสียงสนับสนุนจากพรรคพลังประชารัฐ พรรคร่วมรัฐบาล มีที่มาหลากหลายอีก ก็ต้องทำใจปัญหาในพรรคพลังประชารัฐ คงไม่มีปัญหามากนักเชื่อบริหารจัดการได้ เป็นเรื่องปกติทางการเมืองนายกฯต้องอยู่ให้ได้ท่ามกลางปัญหาเหล่านี้แก้ปัญหาต่อไป เอาใจช่วย เชื่ออยู่ครบเทอมแล้วผลการเลือกตั้งจะออกมาอย่างไร ขึ้นอยู่กับประชาชน.ทีมการเมือง