ผู้คนในหลายประเทศอยากฉีดวัคซีนใจจะขาด พอมีข่าวว่าเปิดให้ฉีดวัคซีน ต่างยัดเยียดเบียดเสียดกันเพื่อไปรอรับบริการ ไม่ต้องไปดูที่ไหนดอกครับ ในประเทศไทยของเรานี่ก็มีการเบียดเสียด ส่วนที่เวียดนาม รัฐบาลโดนประชาชนบ่นเรื่องหลอกว่าจะได้ฉีดกันเดือนนี้ เดือนนั้น เวียดนามมีประชากรเกือบร้อยล้านคน แต่ได้ฉีดกันเพียงร้อยละ 4.3 (4.21 ล้านคน) ทราบว่าคนที่ได้ฉีดเป็นพวกผู้ใหญ่ ข้าราชการชั้นสูงและครอบครัว เจ้าหน้าที่พรรครัฐบาล ส่วนประชาชนก็รอแล้วรออีก การจัดการโควิดที่ไม่ได้คุณภาพทำให้นักลงทุนต่างชาติทยอยย้ายฐานออกจากเวียดนามประเทศร่ำรวยหลายแห่งมีวัคซีนเหลือขนาดต้องนำไปทิ้งหลายสิบล้านโดสเพราะหมดอายุ รัฐบาลต้องออกมาตรการบังคับให้ประชาชนของตนเร่งฉีดวัคซีน ที่ผมรู้สึกว่าขยันทำงานมากก็คือนายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่ออกมาตรการจูงใจให้คนเข้าไปฉีดวัคซีนมากมายหลายอย่าง ตั้งแต่แจกขนม แจกอาหาร จับสลากแจกรางวัล ออกลอตเตอรี่ให้ผู้มาฉีดวัคซีน พยายามถึงขนาดนี้ แต่ก็ยังมีคนหลบ ไม่กล้าฉีดตอนนี้ไบเดนออกมาตรการใหม่ ให้ผู้ประกอบการที่มีลูกจ้างตั้งแต่ 100 คนขึ้นไป ต้องฉีดวัคซีนให้กับลูกจ้างจนครบโดส หรือต้องตรวจหาเชื้อให้กับผู้ที่ยังไม่ฉีดวัคซีนทุกสัปดาห์ หากสถานประกอบการใดทำไม่ได้ จะมีโทษปรับ 1.4 หมื่นดอลลาร์สหรัฐฯต่อพนักงาน 1 คนที่ไม่ปฏิบัติตามในสหรัฐฯตอนนี้มีผู้ใหญ่มากกว่าร้อยละ 25 ที่ยังเกร่ไปเกร่มาไม่ยอมเข้ามาฉีด ทั้งที่ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย เมื่อโดนรัฐบาลบังคับให้ฉีด บุคลากรทางการแพทย์จำนวนไม่น้อยก็ลาออก อย่างโรงพยาบาลลูอิส เคาน์ตี เจเนอรัล ตอนนี้ต้องประกาศงดให้บริการทำคลอด เพราะบุคลากรในแผนกปฏิเสธการเข้ารับวัคซีน บางคนก็ยังไม่ตัดสินใจ เมื่อมีมาตรการบังคับ ก็ลาออก แค่ไม่กี่วัน มีบุคลากรลาออกไปแล้ว 30 คน ไม่ใช่เฉพาะโรงพยาบาลนี้เท่านั้น แต่โรงพยาบาลอื่นก็มีบุคลากรทางการแพทย์ที่ต่อต้านการเข้ารับวัคซีนเช่นกัน การต่อต้านของบุคลากรทางการแพทย์ทำให้ประชาชนคนทั่วไปกล้าๆกลัวๆ หลบเลี่ยง หลีกหนีจากการเข้าไปฉีดวัคซีนพวกผู้ใหญ่ของพรรครีพับลิกันก็ออกมาซัดประธานาธิบดีไบเดนว่า การฉีดวัคซีนนั้นต้องเป็นไปตามความสมัครใจ และบอกว่าการให้บังคับบริษัทเรื่องฉีดวัคซีนให้พนักงานตามคำสั่งของประธานาธิบดีไบเดนเป็นการขัดต่อรัฐธรรมนูญสหรัฐอเมริกา และกำลังเตรียมฟ้องรัฐบาลสหรัฐฯ เรื่องนี้ก็ต้องชั่งน้ำหนักครับ ว่าไบเดนจะยึดความปลอดภัยของประชาชนเป็นหลัก หรือจะยึดสิทธิและเสรีภาพตามหลักรัฐธรรมนูญสหรัฐฯเป็นหลักช่วง 8 ปีของสหรัฐฯในยุคของบารัค โอบามา เป็นช่วงที่ไม่มีปัญหามาก มีช่วงเศรษฐกิจหนักๆอยู่ 2-3 ครั้ง แต่ด้วยความศรัทธาที่ประชาชนมีต่อผู้นำ และการครองตน ครองคน ครองงานอย่างมีประสิทธิภาพของโอบามา ทำให้ประเทศไม่แบ่งเป็นฝักเป็นฝ่ายอย่างรุนแรงในสายตาของนักวิเคราะห์ของคนหลายกลุ่ม มองว่าสหรัฐฯลงเหวจริงๆ ในยุค 4 ปีที่ทรัมป์เป็นประธานาธิบดี ทุกอย่างเละตุ้มเป๊ะจากการใช้อารมณ์ของผู้นำ พอถึงยุคของไบเดน ความศรัทธาในตัวผู้นำแม้ไม่มากเหมือนในยุคโอบามา แต่ก็ดีกว่ามาก ความเป็นเหตุเป็นผล การทำงานอย่างเอาจริงเอาจัง และไม่ใช้อารมณ์ทำให้สถานะประเทศดีขึ้นผมเห็นด้วยกับยุทธศาสตร์เพื่อการควบคุมสถานการณ์โควิด-19 ของไบเดน แม้ว่าหลายคนจะปฏิเสธไม่รับการฉีดวัคซีน คนนั้นจะเจอกับความยุ่งยากเพราะต้องเดินทางไปรับการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ทุกสัปดาห์ สัปดาห์ละครั้ง ยุทธศาสตร์เพื่อการควบคุมสถานการณ์โควิด-19 ของไบเดนที่ว่าจะทำให้ไบเดนโดนฝ่ายค้านฟ้อง แต่ผมเชื่อว่าไบเดนพร้อม และมีโอกาสที่จะพลิกสถานการณ์กลับมาเป็นวีรบุรุษ ถ้าสหรัฐฯกลับมาเป็นประเทศที่ปลอดภัยจากโควิด-19รัฐบาลหลายประเทศโดนด่า แต่ถ้าท้ายที่สุดทำให้การป้องกันโควิด-19 ทำได้อย่างมีประสิทธิภาพก็พลิกกลับมาดีกว่าเดิมได้ครับ.นิติการุณย์ มิ่งรุจิราลัยsonglok1997@gmail.com