ซานฟรานซิสโก รัฐแคลิฟอร์เนียของสหรัฐอเมริกา ขึ้นแท่นครองตำแหน่ง “เมืองที่ดีที่สุดในโลก” ประจำปี 2564 จากผลสำรวจของ Time Out แบรนด์สื่อและการบริการระดับโลกจากอังกฤษ ตามมาด้วยอัมสเตอร์ดัม ของเนเธอร์แลนด์ และเมืองแมนเชสเตอร์ของอังกฤษ ตามลำดับที่ผ่านมา Time Out มีการสำรวจและจัดอันดับเมืองที่ดีที่สุดเป็นประจำทุกปี ในปีนี้จัดทำขึ้นจากการสำรวจผู้เข้าร่วม 27,000 คน ในหลายร้อยเมืองทั่วโลก ร่วมด้วยเหล่าบรรณาธิการของ Time Out ในแต่ละประเทศและผู้เชี่ยวชาญด้านเมืองจากนานาชาติเพื่อค้นหาเมืองที่ดีสุด 37 อันดับ พิจารณาในหลากหลายองค์ประกอบทั้งร้าน อาหาร สถานบันเทิงยามค่ำคืน ไปจนถึงศิลปวัฒนธรรม นอกจากนี้ความเป็นชุมชนก็ถูกนำมาพิจารณาด้วยโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อทั่วโลกต้องต่อสู้กับวิกฤติโควิด-19 ส่วนความคิดริเริ่มด้านสิ่งแวดล้อม และความเป็นมิตรโดยทั่วไป ยังเป็นปัจจัยสำคัญที่มองข้ามไม่ได้เช่นกันการผสมผสานที่เหนือชั้นของความก้าวหน้า การยอมรับในความแตกต่างหลากหลายและความยั่งยืนของซานฟรานซิสโกทำให้เป็นผู้ชนะในปีนี้ ขณะที่จิตวิญญาณของชุมชนยังได้รับเสียงชื่นชม ท่ามกลางการล็อกดาวน์อย่างเข้มงวด ชาวซานฟรานซิสโกยังหาวิธีช่วยเหลือสนับสนุนซึ่งกันและกัน และยังมีอัตราการฉีดวัคซีนสูงสุดในประเทศ เช่นเดียวกับความเชื่อในพลังแห่งศิลปะ การเปิดกว้างของอุตสาหกรรมกัญชาและการพัฒนาพื้นที่สีเขียวก็ได้รับการยกย่อง แม้ว่าจะยังมีปัญหามากมายทั้งคนเร่ร่อน ที่อยู่อาศัยราคาแพง และคุณภาพอากาศที่แย่มากขึ้นทุกวันด้านเมืองอัมสเตอร์ดัมนั้นโดดเด่นด้วยแนวทางการบุกเบิกด้านความยั่งยืน ส่วนเมืองแมนเชสเตอร์ของอังกฤษในอันดับ 3 นั้นมีคะแนนเป็นอันดับต้นๆ ด้านความเป็นมิตร ความยืดหยุ่น และสถานบันเทิงยามค่ำคืน ขณะที่กรุงโคเปนเฮเกนของเดนมาร์ก อยู่ในอันดับ 4ตามมาด้วยนครนิวยอร์กของสหรัฐฯมอนทรีออลของแคนาดา กรุงปรากของสาธารณรัฐ เช็ก กรุงเทลอาวีฟของอิสราเอล เมืองปอร์โตของโปรตุเกส และกรุงโตเกียวของญี่ปุ่น ตามลำดับ โดยกรุงเทพมหานครเมืองฟ้าอมรของเรายังถูกจัดในรายชื่อเมืองที่ดีที่สุดลำดับที่ 37 ก็ไม่แย่นะ.อมรดา พงศ์อุทัย