จากเด็กส่งหนังสือพิมพ์ไม่เอาถ่าน “วอลท์ ดิสนีย์” ใช้เมจิกอะไรสร้างเนื้อสร้างตัวจนกลายเป็น “ราชาการ์ตูนโลก” ผู้ให้กำเนิด “มิกกี้ เม้าส์” และตัวการ์ตูนในตำนานอีกนับไม่ถ้วน ภายใต้รอยยิ้มแสนอบอุ่นเต็มไปด้วยจินตนาการ จริงไหมที่ตัวตนแท้ๆของเขาซ่อนเร้นไว้ด้วยความเจ็บปวดแสนสาหัส“วอลท์ ดิสนีย์” ชื่นชอบการวาดรูปมาตั้งแต่เด็ก และใฝ่ฝันอยากเป็นทหารเข้าร่วมกองทัพอเมริกัน ถึงขนาดปลอมวันเกิดในสูติบัตร เพื่อให้ได้เป็นคนขับรถของหน่วยพยาบาลสภากาชาดมะกัน พรสวรรค์ในการขีดๆเขียนๆของเขาเริ่มฉายแวว ตอนที่ผลงานการ์ตูนข้างรถสภากาชาดถูกนำไปตีพิมพ์ในหนังสือของกองทัพ เมื่อปลดประจำการ เขากลับมาแคนซัสซิตี้ และหาเลี้ยงตัวเองด้วยการวาดภาพ ประกอบสำหรับโฆษณาและแค็ตตาล็อกสินค้า ก่อนจะออกมาเตะฝุ่นพักใหญ่ เพราะโดนปลดออกจากงานหลังคว้าน้ำเหลวจากการเริ่มต้นธุรกิจเล็กๆของตัวเอง เขาก็ตัดสินใจกลับไปกินเงินเดือนบริษัททำหนังโฆษณาอีกครั้ง คราวนี้เขาได้เรียนรู้เทคนิคการทำการ์ตูนเคลื่อนไหวมากมาย จนปิ๊งไอเดียชวนพี่ชาย “รอย ดิสนีย์” ซึ่งมีหัวธุรกิจ ออกมาเปิด “ดิสนีย์ บราเธอร์ส สตูดิโอ” เป็นของตัวเอง (ภายหลังเปลี่ยนชื่อเป็น “เดอะ วอลท์ ดิสนีย์ สตูดิโอส์”) ใช้เวลาไม่นานก็แจ้งเกิดจากการสร้างการ์ตูน “ออสวอลด์ เจ้ากระต่ายโชคดี” กระนั้นผลงานของเขาถูกค่ายสตูดิโอใหญ่ “ยูนิเวอร์แซล พิคเจอร์ส” ฉกลิขสิทธิ์ไปดื้อๆ แถมซื้อตัวทีมงานสร้างการ์ตูนยกชุด สร้างความโกรธแค้นให้ดิสนีย์มาก ถึงขนาดตั้งปณิธานว่าจะไม่ทำงานกับใครอีก แต่ขอเป็นนายตัวเองก็เพราะแค้นฝังหุ่น ดิสนีย์กับเพื่อนซี้จึงพยายามอย่างหนักเพื่อคิดค้นตัวการ์ตูนขึ้นใหม่ ในขณะที่เขากำลังนั่งอยู่บนรถไฟ จู่ๆ ก็จินตนาการเห็นภาพหนูที่มีหูกลมใหญ่ใส่กางเกงสีแดง เขารีบลงมือวาดลงกระดาษ และตั้งชื่อว่า “มอร์ติเมอร์ เมาส์” เมื่อเอาไปให้ภรรยาดู ภรรยาท้วงว่าชื่อนี้ดูโอ้อวดเกินไป น่าจะใช้ชื่อ “มิกกี้ เม้าส์” จะน่าเอ็นดูกว่า อย่างที่ทราบกันนับจากวันนั้น “วอลท์ ดิสนีย์” ก็กลายเป็นนักสร้างการ์ตูนผู้ยิ่งใหญ่ที่โด่งดังไปทั่วโลก และทำลายสถิติคว้ารางวัลออสการ์มากที่สุดในโลกถึง 26 รางวัล เขาให้กำเนิดตัวการ์ตูนดังๆตามมาอีกนับไม่ถ้วน รวมถึงสวนสนุกสุดแฟนตาซีอย่างดิสนีย์แลนด์ ที่สร้างรายได้มหาศาลจวบถึงปัจจุบันหากกระเทาะเปลือกค้นหาตัวตนของ “วอลท์ ดิสนีย์” อาจพบความจริงน่าตกใจว่า เขาช่างมีบุคลิกแตกต่างจากภาพลักษณ์อบอุ่นจริงใจและเต็มไปด้วยจินตนาการ นักเขียนชีวประวัติส่วนตัวของราชาการ์ตูนโลก “ริชาร์ด ชิกเคล” ตีแผ่ว่าบุคลิกในที่สาธารณะของดิสนีย์แตกต่างจากนิสัยใจคอแท้จริงของเขาราวฟ้ากับเหว เนื้อแท้ของดิสนีย์เป็นคนขี้อาย, รู้สึกแปลกแยกจากสังคม และมีความท้อแท้ในตัวเอง ตลอดเวลาที่คร่ำหวอดอยู่ในวงการ ดิสนีย์พยายามซ่อนบุคลิกขี้อายและรู้สึกไม่ปลอดภัยไว้มิดชิด เขายอมรับกับคนสนิทว่า ผมไม่ใช่ “วอลท์ ดิสนีย์” อย่างที่ทุกคนเห็น ผมทำหลายสิ่งหลายอย่างที่ดิสนีย์ไม่ควรทำ เช่น ดิสนีย์ไม่สูบบุหรี่ แต่ผมสูบบุหรี่หนัก ดิสนีย์ไม่ดื่มเหล้า แต่ผมดื่มหนักมาก หลายคนที่เคยทำงานกับดิสนีย์ยังแอบเม้าท์ว่าเขาเข้มงวดจริงจังกับพนักงานมาก ตั้งความคาดหวังไว้สูงเสมอ และแทบไม่เคยเอ่ยปากชื่นชมใครง่ายๆ ทั้งๆ ที่เนื้อแท้แล้วเป็นเถ้าแก่ใจดีมักจะให้โบนัสพิเศษแก่พนักงานที่ขยันทำงานอีกเสียงร่ำลือที่เป็นตราบาปติดตัว “วอลท์ ดิสนีย์” มาเกือบทั้งชีวิต ยังรวมถึงการเป็นคนเหยียดเชื้อชาติและต่อต้านชาวยิว เนื่องจากผลงานภาพยนตร์หลายชิ้นของเขาที่ออกฉายในช่วงทศวรรษ 1930-1950 มีเนื้อหาที่ไม่คำนึงถึงความเท่าเทียมทางเชื้อชาติ แถมยังมีกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักว่า เบื้องหลังความสนุกสนานและไร้เดียงสาไม่เป็นอันตรายต่อการบริโภคของเด็กๆทั้งโลก การ์ตูนและภาพยนตร์ของค่ายดิสนีย์เป็นเครื่องมือสำคัญของลัทธิจักรวรรดินิยมทางวัฒนธรรม ในการแผ่ขยายอิทธิพลของอเมริกาไปทั่วทุกมุมโลกขณะที่คนรักดิสนีย์กลับมองมุมต่างว่า ดิสนีย์คือผู้พลิกโฉมหน้าวัฒนธรรมและจิตสำนึกแบบอเมริกัน ถ้าขาดตัวตั้งตัวตีอย่าง “วอลท์ ดิสนีย์” ภาพยนตร์แอนิเมชันที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรมทางเทคโนโลยี คงไม่พัฒนารุดหน้ามาไกลถึงวันนี้ และเด็กๆทั้งโลกก็คงขาดเพื่อนคลายเหงาที่ช่วยเติมเต็มจินตนาการ.มิสแซฟไฟร์