สัปดาห์ที่แล้วชวนท่านผู้อ่าน “เที่ยวทิพย์” ในช่วง “โควิด-19” เกริ่นถึง 10 สถานที่ท่องเที่ยวที่อยู่ในดวงใจของ “หัวหน้าทีม” และตั้งปณิธานว่าจะกลับไปเที่ยวอีกหนหลังโควิดซาพร้อมกับยกตัวอย่าง อันดับ 1 อันได้แก่ อุทยานแห่งชาติอ่าวพังงา ที่มีทั้งเขาพิงกัน, เกาะตาปู, เกาะห้อง, เกาะทะลุ, เกาะปันหยี ฯลฯ ที่งดงามและยิ่งใหญ่ระดับโลกส่วน อันดับ 2 ก็คือ ยอดดอยแม่สลอง อันเป็นที่ตั้งของกองพล 93 กองทัพพลัดถิ่นของจีนคณะชาติ บวกกับยอดดอยต่างๆในบริเวณใกล้เคียงที่สวยงามมาก รวมทั้งดอยตุงซึ่งมีทั้ง พระธาตุดอยตุง และ พระตำหนักดอยตุง ที่ใครก็ตามเมื่อเดินทางไปถึงจังหวัดเชียงรายจะต้องแวะไปเยือนแบบชนิดห้ามพลาดสัปดาห์นี้เราก็จะไปเที่ยวทิพย์ต่อเลยนะครับกับอีก 8 อันดับในดวงใจหัวหน้าทีมซอกแซกที่ยังเหลืออยู่เพื่อให้ครบ 10 แห่งตามที่ตั้งใจไว้... แต่จะไปได้สักกี่แห่งติดตามกันได้เลยครับ...และก็อย่างที่บอกไว้สัปดาห์ก่อนถ้ายังไม่ครบเราก็ยกยอดไปจนกว่าจะครบในสัปดาห์ต่อๆไปเริ่มกันที่ อันดับ 3 เลยนะครับ...ซึ่งก็คือ “เขื่อนภูมิพล” และ “แพกลางนํ้าดอยเต่า” ที่ทุกครั้งเวลานั่งทบทวนความหลังไปถึงยุคที่มีโอกาสตะลอนทั่วประเทศ ภาพของ เขื่อนภูมิพล ที่อำเภอสามเงา จังหวัดตาก และ แพกลางนํ้า ที่อำเภอ ดอยเต่า จังหวัดเชียงใหม่ จะเจิดจ้าขึ้นมาในความทรงจำอันดับต้นๆของหัวหน้าทีมอยู่เสมอสถานที่ท่องเที่ยวของทั้ง 2 แห่ง ซึ่งอยู่คนละจังหวัดที่ว่านี้ ความจริงคือสถานที่เดียวกัน เหตุเพราะ เขื่อนภูมิพล ซึ่งเป็นเขื่อนคอนกรีตโค้งที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของประเทศไทยและก็ใหญ่เป็นอันดับที่ 8 ของโลก จึงมีขนาดของ อ่างเก็บนํ้า ที่ยิ่งใหญ่ไพศาลมาก สามารถเก็บนํ้าแบบเต็มพิกัดได้ถึงกว่า 13,000 ลูกบาศก์เมตร... อาณาเขตจึงกว้างใหญ่และยาวไกลขึ้นไปทางทิศเหนือถึง 207 กิโลเมตร...จากจังหวัดตากไปจนถึงจังหวัดเชียงใหม่ บริเวณอำเภอฮอดและอำเภอดอยเต่า ดังกล่าวเขื่อนภูมิพลในฐานะที่เป็นเขื่อนอเนกประสงค์กักเก็บนํ้าไว้เพื่อใช้ประโยชน์หลายๆอย่าง นอกจากใช้ผลิตกระแสไฟฟ้าแล้วที่สำคัญไม่แพ้กันก็คือ การใช้อุปโภคบริโภค และการทำเกษตรในลุ่มเจ้าพระยาภาคกลางลงมาจนถึงกรุงเทพมหานครและปริมณฑลที่ต้องอาศัยนํ้าดื่มกินและชำระร่างกายจากเขื่อนภูมิพลและเขื่อนสิริกิติ์โดยตรงนอกจากประโยชน์อันยิ่งใหญ่ดังกล่าวแล้ว เขื่อนภูมิพลยังกลายเป็นแหล่งพักผ่อนหย่อนใจ และแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งของประเทศไทยจากทัศนียภาพอันงดงามของทะเลสาบ “มนุษย์สร้าง” ที่แผ่กว้างออกไปตามขุนเขาอันเขียวขจียาวไกล สามารถนั่งเรือ หรือแพแวะชม แหล่งท่องเที่ยวสำคัญทั้ง 2 ฟากอ่างเก็บน้ำ สำหรับบริเวณตัวเขื่อน ณ อำเภอสามเงาอยู่ในความดูแลของ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย สามารถแวะเข้าไปดูชมได้ หรือถ้าจะพักค้างคืนเขาก็มีบริการเป็นห้องพักและบ้านพักแบบเป็นหลัง อยากรู้รายละเอียดโทร.ไปที่หมายเลข 0-5559-9003-6 ต่อ 1501 กันเอาเองนะครับในส่วนของบ้านพักและเรือนแพ ในทะเลสาบ ดอยเต่า จ.เชียงใหม่ ที่หัวหน้าทีมถือว่าเป็นส่วนควบที่สำคัญของเขื่อนภูมิพลจนเป็นความทรงจำที่ประทับใจเคียงคู่กันมาตลอดนั้น เกิดขึ้นจากการเดินทางไปอีกภารกิจหนึ่ง เมื่อประมาณปี 2523 กว่า 40 ปีแล้วเช่นกันสืบเนื่องมาจากได้รับมอบหมายให้ออกไปสำรวจภาวะเศรษฐกิจสังคมตลอดจนชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องชาวชนบทในอำเภอยากจนทั่วประเทศ...ได้รับคำสั่งให้ไปสำรวจอำเภอดอยเต่าโดยละเอียดด้วย เนื่องจากข้อมูลกว้างๆพบว่าประชากรของอำเภอนี้ ค่อนข้างยากจนเมื่อเทียบกับอำเภออื่นๆของจังหวัดเชียงใหม่เมื่อลงไปสำรวจในภาคสนามแล้วก็พบว่า พี่น้องชาวดอยเต่า ส่วนหนึ่งก็คือเกษตรกรที่ทำกินอยู่ในบริเวณอำเภอสามเงา จังหวัดตาก ที่จะต้องถูกปริมาณน้ำในเขื่อนท่วมมิดนั่นเอง ทางราชการจึงมาสร้างนิคมและจัดหาที่ทำกิน ให้ใหม่ที่นี่ประมาณ 1,000 ครัวเรือนเห็นจะได้แต่ก็มีบางส่วนที่ลงไปจับจองที่ดินริมอ่างเก็บน้ำของเขื่อนภูมิพลปลูกเป็นบ้านพักเล็กๆสำหรับรับประชาชนที่จะมาพักผ่อนนอนค้างหรือไม่ก็ทำเป็นแพอาหาร แพที่พักกลางน้ำ เพื่อหารายได้เสริมจำได้ว่าพวกเราไปนอนค้างที่แพกลางน้ำขนาด 3-4 ห้องนอนแพหนึ่ง...เป็นแพไม้ไผ่มุงแฝก และเตียงนอนเก้าอี้นั่งทำจากไม้ไผ่ทั้งสิ้น... เวลานอนจะต้องกางมุ้งนอน กันยุงที่แม้จะมีไม่มาก แต่ก็มีบ้างจำนวนหนึ่งตื่นขึ้นตอนเช้าเปิดหน้าต่างมองออกไปข้างนอก จะมองเห็นบรรยากาศรอบๆชัดเจน และเมื่อออกจากห้องไปยืนที่หน้าแพก็ถึงกับตื่นตะลึงกับภาพที่เห็นอยู่ในสายตาเบื้องหน้าแพเล็กๆ ของเราลอยอยู่กลางน้ำและกลางหุบเขา โดยมีหมอกจางลอยมาเป็นกลุ่มๆ สวยงามอย่างบอกไม่ถูก เสียดายที่สมัยโน้นยังไม่มีกล้องมือถืออย่างทุกวันนี้...จึงได้แต่มองไปรอบๆ และใช้สายตาบวกกับสมอง จดจำภาพอันงดงามเหล่านี้ไว้หัวหน้าทีมซอกแซกไม่มีโอกาสกลับไปดอยเต่าอีกเลย แต่ก็ติดตามข่าวคราวอยู่ตลอดว่า ในปีที่น้ำฝนอุดมสมบูรณ์ เขื่อนภูมิพลสามารถเก็บน้ำได้เต็มที่ การท่องเที่ยวดอยเต่าก็จะบูมขึ้นมาทันที เพราะผู้คนแห่ไปเที่ยวจำนวนมากแต่ในปีใดที่เกิดภาวะฝนแล้ง น้ำแห้งขอดจนมองเห็นพื้นหญ้าด้านล่าง...ปีนั้นดอยเต่าก็จะซบเซา ซึ่งในช่วงหลังๆก็แล้งบ่อยเสียด้วย เพราะความแปรปรวนของดินฟ้าอากาศ อันเนื่องมาจากการตัดไม้ทำลายป่าในปัจจุบัน40 กว่าปีผ่านไปไวเหมือนโกหก...อยากกลับไปนอนดอยเต่าจริงๆครับ เพราะอยากจะรู้ว่า บรรยากาศโดยรอบจะยังเหมือนเดิมหรือไม่?เฮ้อ! เนื้อที่หมดซะอีกแล้ว เพิ่งได้แค่อันดับ 3 เองนะเนี่ย...ก็ถือซะว่า คงอีกนานกว่าโควิด–19 จะเหือดหาย เพราะฉะนั้น อาทิตย์หน้า อาทิตย์โน้น เราจะเที่ยวทิพย์กันต่อจนกว่าจะครบ 10 อันดับ ก็แล้วกันนะครับ.“ซูม”