ซอกแซกสัปดาห์นี้ยังอยู่กันที่เรื่องราวของศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดงอีกหนึ่งสัปดาห์นะครับเพราะดังที่แฟนเพลงย้อนยุคทั้งหลายคงจะทราบข่าวคราวกันแล้วว่า บ่ายโมงตรงวันนี้ (อาทิตย์ที่ 14 มีนาคม 2564) จะมีการแสดงคอนเสิร์ต “99 ปี ครูชาลี อินทรวิจิตร เพลงคู่แผ่นดินหนึ่งในจักรวาล” เพื่อหารายได้สำหรับมอบให้เป็นค่าใช้จ่ายในการรักษาตัวของสุดยอดครูเพลง ชาลี อินทรวิจิตร ที่เพิ่งจะฟื้นจากการล้มป่วยด้วยโรคสารพัดของคนชราสำหรับสถานที่แสดงนั้นได้แก่ ที่แกรนด์ บอลลูน ของ บริษัทซูเลียน ถนนตลิ่งชัน-สุพรรณบุรี บางบัวทอง นนทบุรี ปักหมุดถามกูเกิลเอาก็แล้วกัน ...แต่ถ้าไม่สะดวกในการเดินทาง ก็นั่งดูอยู่ที่บ้านนี่แหละ จะมีการ “ไลฟ์สด” ทางยูทูบ : 1 Jakkawal และเฟซบุ๊ก แฟนเพจ 1 Jakkawal ของ คุณหนึ่ง จักรวาล สว.ท่านใดไม่มีไอแพด, ไอโฟน หรือเครื่องคอมพ์ รีบบอกลูกหลานล่วงหน้าให้ยกมาตั้งและคลิกให้ด้วย ตามเวลาที่บอกไว้ข้างต้นเพื่อให้เข้ากับบรรยากาศ เนื่องในโอกาสสำคัญ ของท่าน...หัวหน้าทีมซอกแซกในฐานะแฟนคลับคนหนึ่ง และได้เคยสัมภาษณ์พูดคุยกับท่านอย่างสนิทสนม เมื่อหลายสิบปีก่อนโน้น จึงเห็นสมควรที่จะเจาะเวลาหาอดีต เพื่อนำชีวิตและเรื่องราวของท่านบางช่วงบางตอนมาฝากผู้อ่าน เพื่อประกอบการติดตามชมคอนเสิร์ตครั้งนี้ไปด้วยพร้อมๆกันตามที่ วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรีบันทึกไว้ ครู ชาลี อินทรวิจิตร เกิดเมื่อ 6 กรกฎาคม พ.ศ.2466 ถ้านับถึงตอนนี้น่าจะมีอายุ 97 ปีเศษ และจะครบ 98 ปีในเดือนกรกฎาคมที่จะถึงนี้ แต่สำหรับลูกศิษย์ ลูกหา จะบวกให้ 1 ปี โดยถือว่า เมื่อผ่านกรกฎาคม ท่านก็จะเป็น 98 ปี บวกบวกหรือย่างเข้าสู่ 99 จึงจัดงานฉลอง 99 ปี ให้เป็นการล่วงหน้าดังกล่าวท่านเกิดที่ตำบลท่าฉลอม อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสาคร แล้วเข้ากรุงเทพฯ มาเรียนหนังสือจนจบ อำนวยศิลป์ และ โรงเรียนวิศวกรรมรถไฟ รุ่นแรก แต่ชะตาชีวิตหักเหให้เข้าสู่วงการบันเทิง ตั้งแต่ก่อนเรียนจบด้วยซ้ำครูชาลีร้องเพลงได้ดีมากคนหนึ่งจึงไปสมัคร เป็นนักร้องหน้าม่าน ของละครหลายคณะที่แสดงตามเวทีของโรงละครดังในยุคก่อนต่อมามีนักร้องดาวรุ่งเกิดขึ้นมากมายโดยเฉพาะ สุเทพ วงศ์กำแหง, ชรินทร์ นันทนาคร ซึ่งเมื่อมาโชว์เสียงแล้ว ครูชาลีก็เห็นว่าตัวท่าน ร้องสู้ไม่ได้ จึงตัดสินใจเลิกร้องเพลง หันมาเอาดีทางแต่งเพลงแทนกลายเป็นนักประพันธ์ เพลงที่ยิ่งใหญ่นับตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา...ประมาณว่าได้แต่งเพลงต่างๆไว้เกือบๆ 1,000 เพลงเห็นจะได้ที่ฮิตมากๆอยู่ในใจคนไทยแม้ในทุกวันนี้ก็เช่นเพลง สดุดีมหาราชา, แสนแสบ, ท่าฉลอม, สาวนครชัยศรี, ทุ่งรวงทอง, มนต์รักดอกคำใต้, แม่กลอง, เรือนแพ, จำเลยรัก, บ้านทรายทอง ฯลฯ และ “อาลัยรัก” เป็นต้นเอกลักษณ์ในการแต่งเพลงของครูชาลี ที่ใครฟังเนื้อร้องแล้วก็แทบรู้ได้ทันทีว่าเพลงนี้เป็นของท่านแน่ๆ คือความไพเราะเพราะพริ้งในการใช้ภาษาที่ยากจะหาใครเหมือน ในประเด็นนี้ ชรินทร์ นันทนาคร เคยเขียนถึงครูชาลีว่า “ชาลีไม่เคยเรียนอักษรศาสตร์ ไม่เคยเป็นบัณฑิตจากมหาวิทยาลัยใดๆ แต่บทกวีที่มีทำนองของเขามีคุณค่ามหาศาล และเป็นอมตะตลอดมาตั้งแต่วันที่จดปากกาเขียนอักษรตัวแรกมาจนทุกวันนี้”มีอยู่ยุคหนึ่งประมาณ พ.ศ.2500 เศษๆ ชรินทร์ไม่มีเพลงใหม่ออกมาเลย เขารู้สึกน้อยใจ ที่ครูเพลงยุคนั้นไม่แต่งเพลงใหม่ๆให้เขาร้อง เมื่อเจอกับครูชาลีก็บ่นให้ฟังชาลีบอกเขาว่างั้นเดี๋ยวเขียนให้เอง...นี่มันอยู่ในมือฉันนี่...เขาชูหนังสือปึกหนึ่งที่เพิ่งซื้อมาจากร้านหนังสือ...ซึ่งเป็นนวนิยายลูกทุ่งของ ไม้ เมืองเดิม ที่สำนักพิมพ์เอามาพิมพ์ใหม่ทั้งชุดมีอยู่เรื่องหนึ่งชื่อ “แสนแสบ” เรื่องราวของ ไอ้ขวัญ-อีเรียม แห่งคลองแสนแสบทุ่งบางกะปินี่เอง“กูจะแต่งเพลงนี้ให้!!” ครูชาลีบอก “มึงดังอีกครั้งแน่ๆ เชื่อกูเหอะ” ซึ่งชรินทร์ก็ได้แต่พยักหน้าแบบเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งอีกไม่นานนัก “แสนแสบ แสบแสน เปรียบแม้นชื่อคลอง” ก็ดังทะลุฟ้าจริงๆ ดังตั้งแต่เพลงเดี่ยวๆ ที่ชรินทร์ร้องมาจนถึงตอนที่ เชิด ทรงศรี สร้างหนังใหญ่เรื่อง “แผลเก่า” ตำนานคลองแสนแสบ ก็ให้ ไพรวัลย์ ลูกเพชร ร้องอีกครั้งและดังมาจนถึงทุกวันนี้กล่าวไปแล้วเกือบทุกเพลงของครูชาลีล้วนมีที่มาและตำนานทั้งสิ้น...อย่างเพลง “อาลัยรัก” ตอนที่ร้องว่าฉันจะบินมาตายที่หน้าตักให้ยอดรัก เช็ดเลือดและน้ำตา ก็มาจากแรงบันดาลใจหลังอ่านหนังสือเรื่อง “สงครามชีวิต” ของ ศรีบูรพาหรืออย่างท่อนที่ร้องว่า “หิวหรืออิ่ม ก็ยิ้มพอกัน ชีวิตกลางน้ำสุขสันต์ โอ้สวรรค์ในเรือนแพ” ของเพลง “เรือนแพ” ก็มาจากหน้าต่างห้องบันทึกเสียงอัศวินแถวๆ เฉลิมเขตร มองไปคือซอยโรงเลี้ยงเด็กที่มีสตรีทฟู้ดดัง เช่น ข้าวมันไก่ โจ๊ก ปาท่องโก๋ ตั้งขายอยู่เป็นพืด...ครูมองไปน้ำลายไหลไป แล้วก็ได้ท่อนจบของเพลงนี้...หิวหรืออิ่ม ก็ยิ้มพอกัน!ในส่วนของหัวหน้าทีมซอกแซกสนิทกับท่านตั้งแต่ยุคที่พี่ โกวิท สีตลายัน ยอดนักเขียน ไทยรัฐ เจ้าของนามปากกา “รามสูร” และ “มังกร ห้าเล็บ” ยังมีชีวิตอยู่เจอกันที่บ้านพี่โกวิทหลายครั้ง ได้คุยได้สัมภาษณ์ทั้งอย่างเป็นทางการและไม่เป็นทางการหลายต่อหลายครั้งครูชาลีเปรียบเสมือนเพื่อนรักเพื่อนแค้นของพี่โกวิท...คือรักกันมาก แต่ก็แค้นมาก เพราะเวลาพบกันมักจะชวนกันเล่นลูกเต๋าวัดดวงบางตำนานเล่ากันว่า วันหนึ่งท่านแพ้พนันพี่โกวิทจนต้องเอาเปียโนคู่ใจไปจำนำพี่โกวิท และแต่งเพลง “น้ำตาลูกหนี้” เป็นการประชดเสียดายจริงๆครับ...ที่นี่พยายามเข้าทั้งกูเกิล และยูทูบ เพราะอยากฟังเพลงนี้แต่ไม่พบว่ามีการเก็บบันทึกไว้...ใครมีอยู่อย่าลืมส่งไป ลงยูทูบด้วยนะครับ จะได้จารึกไว้เป็น 1 ในประวัติศาสตร์ของคุณครู...ที่สำคัญอยากทราบว่า ภาษากวีของท่านจะซึ้งและเศร้าแค่ไหนเมื่อ บรรยายถึงน้ำตาของลูกหนี้...ในครั้งกระโน้น.“ซูม”