สิ่งมีชีวิตอย่างไดโนเสาร์สูญพันธุ์หรือตายไปจากการพุ่งชนโลกของดาวเคราะห์น้อยเมื่อ 66 ล้านปีก่อน เป็นสมมติฐานแรกๆ ที่นิยมมาตั้งแต่ทศวรรษที่ 1980 เรียกว่ามากกว่าสมมติฐานอื่นๆ เช่น มาจากการปะทุของภูเขาไฟหรือภัยพิบัติระดับโลกหลายๆรูปแบบล่าสุด นักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยเท็กซัส ออสติน ในสหรัฐอเมริกา รายงานถึงภารกิจโครงการ International Ocean Discovery Program 2016 ที่รวบรวมแกนหินเกือบ 1,000 เมตรจากแอ่งอุกกาบาตชิกชูลูบ (Chicxulub crater) ที่เกิดจากการพุ่งชนของอุกกาบาตทางตอนใต้ของคาบสมุทรยูคาทันในเม็กซิโก ปัจจุบันแอ่งนี้ฝังอยู่ใต้ทะเล ซึ่งค้นพบหลักฐานชิ้นสำคัญนั่นคือฝุ่นของดาวเคราะห์น้อยภายในแอ่งอุกกาบาตชิกชูลูบ ทำให้ทีมปะติดปะต่อภาพในอดีตได้ว่า ฝุ่นจากดาวเคราะห์น้อยที่มาจากการปะทะชน ได้ฟุ้งกระจายไปรอบโลกจนปิดกั้นแสงจากดวงอาทิตย์ ทำให้สิ่งมีชีวิตนานาล้มหายตายจาก โลกเข้าสู่ฤดูหนาวที่มืดมิดยาวนาน ก่อนอนุภาคฝุ่นเหล่านั้นจะตกลงมาและทับถมสร้างชั้นธรณีที่อุดมไปด้วยวัสดุที่มาจากดาวเคราะห์น้อย Credit : International Ocean Discovery Programนักวิทยาศาสตร์เผยว่าสัญญาณที่บ่งชี้ถึงฝุ่นดาวเคราะห์น้อยก็คือธาตุอิริเดียมที่หาได้ยากในเปลือกโลก แต่กลับมีมากในดาวเคราะห์น้อยบางประเภท อิริเดียมยึดติดในชั้นธรณีภาคที่พบทั่วโลก นักวิทยาศาสตร์พบว่ามีการยึดติดที่คล้ายกันในส่วนของหินที่ดึงออกมาจากชั้นตะกอนที่ทับถมกันมานานในแอ่งชิกชูลูบ ทำให้สามารถระบุช่วงเวลาที่ฝุ่นหมุนเวียนในอากาศได้อย่างแม่นยำ โดยระบุว่าเป็นเวลาเพียง 20 ปีหลังจากการพุ่งชนของดาวเคราะห์น้อย อย่างไรก็ตาม ทีมนักวิทยาศาสตร์ตั้งเป้าจะกลับไปเริ่มสำรวจพื้นที่ใจกลางแอ่งดังกล่าวในฤดูร้อนนี้.(Credit : The University of Texas at Austin/Jackson School of Geosciences/Google Maps)