สำนักข่าวต่างประเทศรายงานความคืบหน้าสถานการณ์การเมืองในเมียนมา หลังประชาชนจำนวนมากยังคงเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่องเพื่อต่อต้านการทำรัฐประหารของกองทัพเมียนมา โดยเมื่อวันที่ 12 ก.พ. กลุ่มเคลื่อนไหวได้มีการจัดชุมนุมประท้วงแบบดาวกระจายทั่วนครย่างกุ้ง รวมถึงบริเวณหน้าสถานเอกอัครราชทูตประเทศจีนและรัสเซีย เรียกร้องให้คืนอำนาจแก่รัฐบาลพลเรือน และปล่อยตัวนางอองซาน ซูจี ผู้นำโดยพฤตินัยของเมียนมาทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวในพื้นที่รายงานว่า การชุมนุมใหญ่มีขึ้นตรงกับวันหยุดราชการ เฉลิมฉลองครบรอบ 73 ปีวันสหภาพ การชุมนุมเป็นไปอย่างคึกคัก หลายร้อยจุดทั่วนครย่างกุ้งมีผู้เข้าร่วมการชุมนุมจุดละประมาณ 2,000 คน ขณะที่การจัดชุมนุมหน้าสถานเอกอัครราชทูตต่างประเทศ ได้รับข้อมูลว่าเพื่อสกัดไม่ให้เจ้าหน้าที่ความมั่นคงทำอะไรบุ่มบ่าม หรือใช้ความรุนแรงในการสลายการชุมนุม แต่ในรัฐมอญทางภาคใต้ มีรายงานการปะทะระหว่างเจ้าหน้าที่กับผู้ชุมนุม มีผู้ถูกจับกุมตัวไม่ทราบจำนวน บาดเจ็บ 3 คน แต่ไม่มีรายงานเสียชีวิตขณะเดียวกัน รัฐบาลทหารเมียนมาได้ประกาศปล่อยตัวนักโทษทั่วประเทศ 23,314 คน เนื่องในวันสหภาพ 12 ก.พ. ในจำนวนนี้รวมถึงนักโทษทางการเมือง และนักเคลื่อนไหวเรียกร้องสิทธิในรัฐยะไข่ ส่วนพรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย (NLD) เผยแผนการเตรียมฟ้องร้องสภากองทัพ ฐานสั่งจับกุมคณะรัฐมนตรีและประธานสภาในช่วงก่อรัฐประหาร แต่ยืนยันว่าไม่ใช่การฟ้องร้องกองทัพเมียนมาโดยรวมด้านบริษัทเฟซบุ๊ก ผู้ให้บริการเครือข่ายสังคมออนไลน์ยักษ์ใหญ่ ประกาศมาตรการห้ามบัญชีเฟซบุ๊กที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับกองทัพเมียนมา เผยแพร่ข่าวสารหรือกระจายข่าวใดๆ หลังตรวจพบว่าบัญชีเหล่านี้ได้ให้ข้อมูลที่สร้างความเข้าใจผิด นับตั้งแต่การก่อรัฐประหาร แต่ย้ำว่าไม่ใช่การสั่งระงับการใช้งาน เป็นเพียงการทำให้ข้อมูลจากบัญชีเหล่านี้ไม่ปรากฏในหน้าฟีด อย่างไรก็ตาม เฟซบุ๊กยังคงเคารพ และปกป้องประชาชนชาวเมียนมา ในการแสดงความคิดเห็นทางการเมือง และชี้แจงต่อชาวโลกว่ามีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นในเมียนมาส่วนที่ทำเนียบรัฐบาล นายดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.ต่างประเทศ กล่าวถึงท่าทีแข็งกร้าวของสหรัฐฯ หลังนายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ อนุมัติการคว่ำบาตรเมียนมา จะส่งผลกระทบมายังอาเซียนและไทยหรือไม่ นายดอนกล่าวว่าอาเซียนกับสหรัฐฯมีการคุยกันเป็นรายประเทศไปแล้วเช่นในระดับ รมว.การต่างประเทศ ไม่ได้ออกมาในเชิงกดดันอาเซียน เพียงแต่หวังว่าอาเซียนจะมีความเห็นต่อเมียนมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเขาต้องการให้ปล่อยตัวนางซูจี และอยากให้สถานการณ์กลับไปสู่ปกติ จึงไม่ถือเป็นท่าทีกดดัน ส่วนที่จะคว่ำบาตรเมียนมา เป็นเรื่องของอเมริกาไม่เกี่ยวกับอาเซียน อะไรจะตามมาก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง.