นอกจากประเด็นเรื่องวัคซีนโควิด-19 จะเป็นเรื่องที่ถกเถียงกันทั่วโลก ทั้งในแง่ของการเป็นความหวัง หรือบางครั้งอาจจะเป็นความสับสน ตื่นกลัว ความไม่รู้ สารพัดรูปแบบแล้ว เรื่องของตัวไวรัสเอง ก็กำลังเป็นที่จับตาและติดตามกันทั่วโลก เช่นเดียวกันล่าสุด ฟินแลนด์เป็นประเทศที่ยืนยันการพบผู้ติดเชื้อโรคโควิด-19 กลายพันธุ์จากอังกฤษ ซึ่งเป็นเชื้อไวรัสกลายพันธุ์เฉพาะที่ “แพร่ระบาดได้อย่างรวดเร็ว” และกำลังแพร่ระบาดไปในอย่างน้อย 17 ประเทศ ทั้งในทวีปยุโรป เอเชีย และอเมริกาเหนือมีรายงานการพบเชื้อกลายพันธุ์จากอังกฤษ ที่ชื่อ “VOC-202012/01” หรือ “B.1.1.7” ครั้งแรกตั้งแต่เดือนตุลาคม แต่เริ่มแพร่กระจายอย่างรวดเร็วช่วงกลางเดือนธันวาคมที่ผ่านมา โดยในอังกฤษมีผู้ติดเชื้อไวรัสกลายพันธุ์หลายพันราย และยังพบการติดเชื้อทั้งในออสเตรเลีย เดนมาร์ก สเปน สวิตเซอร์แลนด์ สวีเดน นอร์เวย์ ฝรั่งเศส อิตาลี เยอรมนี จอร์แดน เลบานอน เนเธอร์แลนด์ สิงคโปร์ แคนาดา ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ ขณะที่เชื้อกลายพันธุ์จากอังกฤษยังไม่ได้รับการจัดการในเชิงวิทยาศาสตร์ ก็มีเชื้อไวรัสกลายพันธุ์อีก 2 ชนิดโผล่ขึ้นในโลก นั่นก็คือ เชื้อกลายพันธุ์จากแอฟริกาใต้ และไนจีเรียยิ่งทำให้โลกน่าสะพรึงกลัวมากขึ้นไปอีก...!เชื้อไวรัสโคโรนาที่กลายพันธุ์ส่วนใหญ่มีคุณสมบัติพิเศษ กล่าวคือ แพร่ระบาดได้ง่าย รวดเร็ว และไม่มีอาการ กว่าจะรู้ตัวว่าติดเชื้อ ปอดก็พังไปเกือบครึ่งแล้วจากการศึกษาเบื้องต้นพบว่า โควิด-19 กลายพันธุ์ B.1.1.7 ทำให้มีอัตราการติดเชื้อโควิด-19 ที่สูงขึ้นกว่าเดิม หลักๆเกิดจากการกลายพันธุ์ที่ตำแหน่ง N501Y ทำให้โปรตีนหนาม (Spiked Protein) ซึ่งเป็นส่วนของไวรัสที่สัมผัสกับพื้นผิวของเซลล์ในร่างกายของเราเปลี่ยนแปลงไป ไวรัสจึงสามารถเกาะที่เซลล์ของมนุษย์ได้ง่ายขึ้น ส่วนโคโรนาไวรัสกลายพันธุ์ ที่พบในแอฟริกาใต้ ชื่อว่า “501.V2” พบครั้งแรกเมื่อเดือนธันวาคม 2020 โดยกระทรวงสาธารณสุขแอฟริกาใต้ประกาศว่า นักวิทยาศาสตร์ได้ค้นพบโควิด-19 กลายพันธุ์ใหม่ที่เรียกว่า 501.V2จากการศึกษาเบื้องต้นพบว่า โควิด-19 กลายพันธุ์ตัวนี้สามารถจู่โจมคนหนุ่มสาวที่อาจมีสุขภาพไม่ดีได้ง่ายขึ้น และบางรายแสดงอาการเจ็บป่วยรุนแรงขึ้น สาธารณสุขแอฟริกาใต้เชื่อว่า โควิด-19 กลายพันธุ์ 501.V2 เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดการระบาดระลอกสองในประเทศ ส่งผลให้จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ในแอฟริกาใต้เพิ่มสูงขึ้นถึง 100,000 ราย จำนวนผู้ติดเชื้อสะสมทะลุ 1 ล้านคนนักวิทยาศาสตร์ตั้งข้อสังเกตว่า ไวรัสกลายพันธุ์ 501.V2 มีการกลายพันธุ์ที่ตำแหน่ง N501Y คล้ายกับสายพันธุ์ที่กลายพันธุ์ในอังกฤษ โดยมีการกลายพันธุ์ที่ตำแหน่ง E484K ซึ่งอยู่ที่ส่วนที่ใช้ในการยึดเกาะเซลล์มนุษย์เช่นกัน ทำให้มนุษย์ติดเชื้อง่ายขึ้น ปัจจุบันพบโควิด-19 กลายพันธุ์นี้มากที่สุดในแอฟริกาใต้ และประเทศอื่น เช่น อังกฤษ ออสเตรเลีย ฟินแลนด์ และล่าสุดคือที่ญี่ปุ่น ซึ่งทำให้ทางการญี่ปุ่นตัดสินใจปิดประเทศทันที เพื่อป้องกันไม่ให้เชื้อโควิด-19 กลายพันธุ์เข้ามาในประเทศมากกว่านี้ รวมถึงอินโดนีเซียที่แม้ยังไม่พบ แต่ก็ตัดสินใจปิดพรมแดนไม่ต้อนรับผู้ที่เดินทางจากต่างประเทศเช่นกันอีกสายพันธุ์ที่เพิ่งพบล่าสุด คือ โควิด-19 กลายพันธุ์ไนจีเรีย ที่เรียกว่า “P681H” เป็นโควิด-19 กลายพันธุ์ที่ยังไม่เป็นที่พูดถึงมากนัก เนื่องจากการระบาดยังอยู่เฉพาะในไนจีเรีย โดยพบผู้ติดเชื้อเพียง 2 ราย ในเดือนสิงหาคมและตุลาคม ถูกตั้งชื่อว่า “P681H” เป็นการกลายพันธุ์ที่ต่างจากในอังกฤษและแอฟริกาใต้ ศูนย์ควบคุมโรคติดต่อแอฟริการะบุว่า ขณะนี้แอฟริกาใต้กำลังอยู่ระหว่างการศึกษาข้อมูลของโควิด-19 กลายพันธุ์ชนิดดังกล่าว ซึ่งยังคงมีข้อมูลที่จำกัด แต่พบการกลายพันธุ์ที่ตำแหน่ง 501 คล้ายกับไวรัสกลายพันธุ์ในแอฟริกาใต้ แต่มีศักยภาพในการกระจายเชื้อต่ำกว่าเป็นที่น่าจับตาว่า ไวรัสมรณะโควิด-19 อาจจะพัฒนาตัวเองจากช่องโหว่ในร่างกายของมนุษย์ จนสามารถกลายพันธุ์ให้แกร่งกว่า ร้ายกว่า น่ากลัวกว่า จนมนุษย์อาจไม่สามารถผลิตยาหรือวัคซีนได้ทัน ซึ่งเมื่อถึงวันนั้น ภาพยนตร์มหันตภัยไวรัสล้างโลก...ที่เราไม่เคยคิดว่าจะเกิดขึ้นจริง อาจเป็นจริงได้อย่างไม่น่าเชื่อก็ได้.