เหตุรัฐประหารในเมียนมา ส่อเค้าวุ่น หลังเผยแพร่แถลงการณ์ “อองซาน ซูจี” ทำไว้ล่วงหน้า ปลุกประชาชนไม่ยอมรับรัฐประหาร ให้ออกมาประท้วงตอบโต้การกระทำ ด้านกองทัพเมียนมายืนยันสถานการณ์ฉุกเฉินครั้งนี้มีกำหนดระยะเวลา 1 ปี จากนั้นจะจัดให้มีการเลือกตั้งใหม่ ขณะที่ชาวเมียนมาในไทยพอรู้ข่าวรวมกลุ่มประท้วงหน้าสถานทูตเมียนมา ประจำประเทศไทย วุ่นวายกว่า 2 ชั่วโมง หลังกลุ่มม็อบราษฎรขนคนเข้าร่วม ปะทะกับตำรวจควบคุมฝูงชนมีเสียงดังคล้ายระเบิดเป็นระลอกรัฐประหารในเมียนมาส่อเค้าวุ่น “อองซาน ซูจี” ทำแถลงการณ์ล่วงหน้าปลุกมวลชนตอบโต้กองทัพ โดยเมื่อช่วงเช้าวันที่ 1 ก.พ. สถานีโทรทัศน์เมียวดีของทางการเมียนมา รายงานกองทัพเมียนมาประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินเป็นเวลา 1 ปี หลังก่อรัฐประหารยึดอำนาจ นำกำลังทหารพร้อมอาวุธกระจายรักษาการณ์ทั่วกรุงเนปิดอว์และนครย่างกุ้ง ทั้งนี้มีคำสั่งโอนอำนาจทั้งหมดให้ พล.อ.อาวุโส มิน อ่อง หล่าย ผบ.สส.เมียนมา และตั้งรองประธานาธิบดี อู วิน ส่วย คนสนิทของกองทัพเป็นประธานาธิบดี อ้างเหตุรัฐบาลทำงานล้มเหลวและมีการโกงเลือกตั้งที่จัดให้มีขึ้นเมื่อวันที่ 8 พ.ย.63 รวมทั้งไม่สั่งเลื่อนการเลือกตั้งท่ามกลางภาวะวิกฤติโควิด ก่อนหน้าไม่กี่ชั่วโมง สำนักข่าวต่างประเทศรายงาน โฆษกพรรครัฐบาลสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย หรือเอ็นแอลดี ระบุนางอองซาน ซูจี วัย 75 ปี ที่ปรึกษาแห่งรัฐเมียนมา นายวิน มินต์ ประธานาธิบดีเมียนมา และแกนนำพรรคคนอื่นๆ ถูกควบคุมตัว เช่นเดียวกับ ส.ส.พรรคเอ็นแอลดีรายหนึ่ง อ้างมีคณะกรรมการบริหารส่วนกลางของพรรคฯถูกควบคุมตัวไปด้วย มีทหารตามไปควบคุมตัวมุขมนตรีในหลายภูมิภาคถึงบ้านพัก ส่วนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่ได้รับการเลือกตั้งเข้ามามีกำหนดเปิดการประชุมครั้งแรกในวันเดียวกัน ถูกกองทัพสั่งให้เลื่อนออกไปสำหรับบรรยากาศในกรุงเนปิดอว์และนครย่างกุ้ง เมืองหลวงเก่าของเมียนมา มีทหารพร้อมอาวุธประจำการอยู่เต็มถนน ทั่วทั้งเมืองถูกตัดสัญญาณ โทรศัพท์และอินเตอร์เน็ต แม้แต่สถานีโทรทัศน์เอ็มอาร์ทีวี ของรัฐบาล โพสต์ข้อความหน้าเพจเฟซบุ๊ก ว่าไม่สามารถถ่ายทอดสดออกอากาศได้เพราะขัดข้องทางเทคนิคขณะที่กองทัพเมียนมาได้ออกแถลงการณ์ฉบับที่ 1 หลังการยึดอำนาจ ระบุจะจัดตั้งคณะกรรมการการเลือกตั้งชุดใหม่และสอบสวนรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่ถูกร้องเรียนว่ามีการใช้สิทธิซ้ำซ้อน เพื่อให้เป็นไปตามกติกาการเลือกตั้ง และการเลือกตั้งทั่วไปจะจัดให้มีขึ้นหลังจากสถานการณ์ฉุกเฉินสิ้นสุดลง และจะส่งมอบอำนาจให้กับฝ่ายที่ชนะการเลือกตั้ง ทั้งนี้กองทัพเมียนมายืนยันสถานการณ์ฉุกเฉินครั้งนี้มีกำหนดระยะเวลา 1 ปีในเวลาต่อมาทั้งสหรัฐฯและออสเตรเลียออกแถลงการณ์แสดงความเป็นห่วงถึงเหตุการณ์ในเมียนมา พร้อมเรียกร้องให้กองทัพเมียนมาเคารพต่อกฎหมายภายใต้การปกครองระบอบประชาธิปไตยและให้ปล่อยตัวผู้ที่ถูกควบคุมโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย พร้อมเตรียมใช้มาตรการตอบโต้หากไม่มีการเปลี่ยนแปลงแก้ไขใดบ่ายวันเดียวกัน สำนักข่าวต่างประเทศรายงานความคืบหน้าการก่อรัฐประหาร หลังแกนนำรัฐบาลเมียนมา ทั้งนางอองซาน ซูจี ที่ปรึกษาแห่งรัฐเมียนมา และนายวิน มินต์ ประธานาธิบดีเมียนมา ถูกทหารควบคุมตัว นายวิน เถียน ประธานพรรครัฐบาลสันนิบาตแห่ง ชาติเพื่อประชาธิปไตย หรือเอ็นแอลดี นำแถลงการณ์ที่นางซูจีเขียนไว้ล่วงหน้าก่อนถูกรัฐประหารมาเปิดเผย ใจความสรุปว่า การกระทำของกองทัพผลักให้ประเทศถอยหลังกลับไปเป็นระบอบเผด็จการขอให้ประชาชนไม่ยอมรับการรัฐประหารและออกมาประท้วงต่อต้าน-ตอบโต้กองทัพครั้งนี้ ส่วนความคิดเห็นของผู้เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ในประเทศไทย ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า หน่วยข่าวต่างๆ ของรัฐติดตามอยู่เป็นระยะ ตอนนี้ยังไม่รู้ว่าคืออะไร สถานการณ์เป็นอย่างไร ต้องรอให้ฝ่ายความมั่นรายงานให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม รับทราบเพื่อสั่งการในส่วนที่เกี่ยวข้อง ด้าน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงเรื่องดังกล่าวจะส่งผลกระทบถึงไทยหรือไม่ว่า เป็นเรื่องภายในของเขา ส่วนจะกระทบไทยหรือไม่ก็เป็นเรื่องของโควิด-19 อย่างเดียวพล.ท.อภิเชษฐ์ ซื่อสัตย์ มทภ.3 กล่าวว่า สั่งการให้ติดตามเหตุการณ์อย่างใกล้ชิด ส่วนสถานการณ์ชายแดนไทย-เมียนมา มีทหารไทยตรึงอยู่เพื่อป้องกันการลักลอบข้ามแดนผิดกฎหมายตั้งแต่ช่วงวิกฤติโควิด กำชับทุกหน่วยในพื้นที่ชายแดนดูแลอย่างเข้มงวด รายงานข่าวจากฝ่ายความมั่นคง ระบุสถานการณ์ชายแดนไทย-เมียนมา ฝั่ง จ.กาญจนบุรี ยังคงเรียบร้อยปกติ ส่วนกองกำลังชนกลุ่มน้อยในเมียนมาไม่พบความเคลื่อนไหวแต่อย่างใดพล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง รอง ผบช.สตม. ฐานะ โฆษก สตม.เปิดเผยว่า พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม. สั่งกำชับให้ดูแลตามแนวชายแดนมากขึ้นเป็นพิเศษเพราะอาจมีผู้รับผลกระทบจากเหตุครั้งนี้ลักลอบเข้าราชอาณาจักร สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในประเทศเมียนมายังไม่มีอะไรน่ากังวล ตำรวจยังปฏิบัติหน้าที่กันตามปกติผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศที่หน้าด่านพรมแดนสะพานที่ 2 อ.แม่สาย จ.เชียงราย มีรถตู้ขนสินค้านับร้อยคัน ทั้งรถบรรทุกสินค้า รถน้ำมันที่เตรียมจะข้ามไปส่งฝั่งเมียนมา ตกค้างที่หน้าด่านแม่สาย รวมทั้งรถบรรทุกสินค้าที่ตกค้างอยู่ที่ฝั่งท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา อีกจำนวนหนึ่ง ทำให้หน่วยงานเกี่ยวข้องต้องเร่งประสานนำรถสินค้าของไทยกลับเข้าทาง อ.แม่สาย จ.เชียงราย กระทั่งช่วงบ่าย ทางการเมียนมาสั่งเปิดด่านตามปกติอีกครั้ง หลังปิดด่านนานกว่า 4 ชม. ขณะที่สถานการณ์ชายแดนด้าน อ.แม่สอด จ.ตาก ตั้งแต่ช่วงเช้าด่านสะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา แห่งที่ 2 ยังคงเปิดให้รถผ่านข้ามแดนได้จะชะงักช่วงสั้นๆ เนื่องจากเจ้าหน้าที่ฝั่งไทยต้องประเมินสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะทหารเมียนมาจากส่วนกลางเข้ายึดชายแดนใน จ.เมียวดี แต่ยังคงเปิดให้รถขนสินค้าเข้า-ออกตามปกติ ส่วนที่ จ.เชียงใหม่ มีชาวเมียนมาจำนวนหนึ่งรวมตัวกันที่หน้าสถานกงสุลใหญ่สาธารณรัฐเมียนมา ประจำจังหวัดเชียงใหม่ ถือป้ายภาพของนางอองซาน ซูจี พร้อมแสดงความไม่เห็นด้วยประณามการเข้ายึดอำนาจครั้งนี้ มีตำรวจ สภ.ช้างเผือก จ.เชียงใหม่ นำกำลังมาดูแลความสงบเรียบร้อย ทั้งหมดใช้เวลานาน 1 ชั่วโมง ก่อนแยกย้ายด้วยความสงบที่กระทรวงการต่างประเทศ (ตท.) นายธานี แสงรัตน์ อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษก ตท. กล่าวว่า กระทรวงการต่างประเทศติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ได้รับรายงานจากสถานเอกอัครราชทูต กรุงย่างกุ้งถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้น สถานเอกอัครราชทูตฯได้ออกประกาศแจ้งคนไทยในเมียนมาคอยรับฟังข่าวสารจากสถานเอกอัครราชทูตฯอย่างใกล้ชิดและขอให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของทางการเมียนมา หากมีประเด็นปัญหาใด สามารถติดต่อสถานเอกอัครราชทูตฯ ได้ที่ (+951) 222784 และ (+951) 226728 หรือหมายเลขฉุกเฉิน (มือถือ) (+959) 797002801นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า สั่งกำชับให้สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ (สคต.) นครย่างกุ้ง ประเทศเมียนมา (ทูตพาณิชย์ไทยในเมียนมา) ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะการค้าชายแดนและการค้าผ่านแดน รวมถึงให้กรมการค้าต่างประเทศ ติดตามสถานการณ์พร้อมรายงานอย่างต่อเนื่องและสั่งการให้กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ หาช่องทางสื่อสารสำรองหากถูกตัดช่องทางการสื่อสาร และให้สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า ประสานกับภาคเอกชนหากมีประเด็นที่ต้องแก้ไข ที่หน้าสถานทูตเมียนมาประจำประเทศไทย เวลา 15.00 น. มีกลุ่มชาวเมียนมาชายหญิงที่อาศัยอยู่ในประเทศไทยประมาณ 50 คน สวมใส่-เสื้อหมวก และแมสก์สีแดง เดินทางมาปักหลักชุมนุมประท้วงแสดงความไม่พอใจต่อการก่อรัฐประหารครั้งนี้ ทางกลุ่มนำธงสัญลักษณ์พรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตยหรือเอ็นแอลดี และภาพนางอองซาน ซูจี ที่ปรึกษาแห่งรัฐเมียนมาในฐานะผู้นำพรรคเอ็นแอลดี มาชูก่อนปราศรัยเรียกร้องปล่อยตัวนางซูจี พร้อมประณามกองทัพเมียนมาที่ก่อการรัฐประหาร มีกำลังตำรวจ สน.ยานนาวา มาดูแลความสงบเรียบร้อย ต่อมามวลชนชาวเมียนมาย้ายไปรวมตัวที่หน้าอาคารข้างสถานทูตเมียนมา เนื่องจากตำรวจไม่อนุญาตให้ทำกิจกรรมชุมนุมหน้าสถานทูต สำหรับการชุมนุมครั้งนี้มี เพนกวิน-พริษฐ์ ชิวารักษ์ รุ้ง-ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล นำมวลชนคนไทยที่ต่อต้านการรัฐประหารมาร่วมชุมนุมให้กำลังใจผู้ประท้วงชาวเมียนมาด้วย จนทำให้บรรยากาศเริ่มร้อนแรง เมื่อกลุ่มม็อบราษฎรขนคนเข้ามาชุมนุมมากกว่าชาวเมียนมาที่มาประท้วง มีการเปิดปราศรัยและอ่านแถลงการณ์ ตำรวจจึงประกาศขอให้ยุติ แต่กลุ่มการ์ดวีโว่ของม็อบราษฎรนำโดยโตโต้-ปิยรัฐ จงเทพ ยืนกรานชุมนุมต่อกระทั่งเวลาประมาณ 17.00 น. ตำรวจชุดควบคุม ฝูงชน พร้อมโล่และกระบองเข้าสลายการชุมนุมตั้งแถวเคลื่อนขบวนมาจากถนนปั้น ทำให้เกิดการปะทะกันระหว่างตำรวจและกลุ่มการ์ดวีโว่ ทางกลุ่มผู้ชุมนุมใช้สิ่งของต่างๆขว้างปาใส่ ขณะถอยหลังไปตั้งหลักบนถนนสาทรเหนือ ระหว่างที่ตำรวจเคลื่อนขบวนบีบกระชับพื้นที่ เกิดเสียงคล้ายระเบิดดังขึ้น มีตำรวจควบคุมฝูงชนบาดเจ็บ 2 นาย ขณะเดียวกันตำรวจควบคุมตัวผู้ชุมนุมชาวไทยได้ 3 คน พร้อมเดินหน้ากระชับพื้นที่ไปบนถนนสาทรเหนือ ผลักดัน ผู้ชุมนุมไปจนถึงสถานีรถไฟฟ้าสุรศักดิ์ จนเกิดการขว้างปาสิ่งของและขว้างระเบิดควันสีใส่ตำรวจก่อนสลายตัว ภายหลังพบตำรวจชุดควบคุมฝูงชนได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย จากการถูกขว้างปาและถูกเศษวัตถุคล้ายสะเก็ดระเบิด รวมทั้งหมด 9 นาย
