สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (สปภ.) กทม. เดิมเป็นกองบังคับการตำรวจดับเพลิง สังกัดสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ต่อมา ได้ถ่ายโอนมาสังกัด กทม. เมื่อวันที่ 1 พ.ย.2546 จากวันนั้นจนถึงปัจจุบันที่ย่างเข้าสู่ปีที่ 18 สปภ. มีแผนดำเนินการอย่างไร “รายงานวันจันทร์” มีโอกาสพูดคุยกับ พ.ต.ท.สมเกียรติ นนทกิจ ผอ.สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ดังนี้ วางนโยบายดูแลประชาชนไว้อย่างไรภารกิจของ สปภ.เน้นการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยครอบคลุมทุกภัย ปัจจุบันมีสถานีดับเพลิง 37 แห่ง สถานีย่อย 10 แห่ง ยังไม่เพียงพอ กทม.จึงตั้งเป้าจะเพิ่มสถานีขนาดเล็ก และปรับรถดับเพลิงขนาดใหญ่เป็นรถขนาดเล็ก เพิ่มรถ จยย.ดับเพลิง เพื่อการเข้าถึงที่เกิดเหตุได้รวดเร็วภายใน 8 นาที โดยปี 2563 มีสถานีดับเพลิงเพิ่ม 5 แห่ง ได้แก่ สถานีร่มเกล้า พหลโยธิน เฉลิมพระเกียรติ จอมทอง และดอนเมือง ปี 2564 ได้รับงบสร้างเพิ่มอีก 4 สถานี เป็นสถานีขนาดใหญ่ 2 แห่ง ได้แก่ สถานีราษฎร์บูรณะจะแล้วเสร็จกลางปี 2564 สถานีหนองจอกอยู่ระหว่างประกวดราคาก่อสร้าง อีก 2 แห่ง เป็นสถานีย่อย ได้แก่ สถานีสายไหม และสถานีทวีวัฒนา ขณะนี้อยู่ระหว่างการออกแบบ นอกจากนี้ จะมีการก่อสร้างสถานีดับเพลิงทางน้ำเพิ่ม 2 แห่ง ที่ท่าน้ำวัดสร้อยทองจะเสร็จต้นปี 2564 ส่วนทาง ทิศใต้จะสร้างบริเวณปลายแม่น้ำเจ้าพระยา สถิติการเกิดภัยต่างๆเพิ่มขึ้นหรือลดลงช่วง 3 ปีที่ผ่านมา พบว่าสถิติการเกิดภัยลดลง โดยเฉพาะในชุมชนต่างๆ เพลิงจะสงบก่อนเจ้าหน้าที่ไปถึง เนื่องจาก ประชาชนที่ได้รับการอบรม สามารถเข้าไปช่วยดับเพลิงได้ ส่วนการช่วยจับสัตว์มีพิษ งู ต่อ แตน ผึ้ง ในส่วนงูพบว่าสถิติลดลง คือปี 2561 ประมาณ 37,000 ตัว ปี 2562 ประมาณ 33,000 ตัว ปี 2563 จนถึงเดือน พ.ย. ประมาณ 29,000 ตัว เพราะปัจจุบันเมืองมีการขยายตัวมากขึ้นพื้นที่อาศัยของงูลดลง อีกทั้งเดิมงูที่จับได้จะนำไปปล่อยย่านชานเมืองอาจจะกลับเข้ามาใหม่ได้ แต่ขณะนี้อยู่ระหว่างประสานกรมอุทยานแห่งชาตินำไปปล่อยในป่า โดยเร็วๆนี้จะทำ MOU ร่วมกันอยากจะฝากอะไรถึงประชาชนอยากให้ประชาชนมีส่วนในการดูแลป้องกันภัยมากขึ้น ส่วนอาคารสูงต่างๆ แม้จะมีกฎหมายกำกับดูแลเรื่องความปลอดภัย แต่ก็อยากให้เน้นมากขึ้นเพื่อธุรกิจของพวกเขาเอง และที่สำคัญหากพบเห็นรถฉุกเฉินขอให้ หลีกทางเพื่อให้ปฏิบัติหน้าที่เร็วขึ้น ความเสียหายและสูญเสียจะลงลด.