กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยศูนย์วิจัยพืชสวนเลย กรมวิชาการเกษตร ได้ส่งเสริมให้เกษตรกรจังหวัดเลยปลูกแมคคาเดเมียมาตั้งแต่ปี 2533จากการลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์การผลิต โดยสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) เมื่อเดือนที่ผ่านมา พบว่ามีเกษตรกรผู้ปลูกแมคคาเดเมียประมาณ 350 ครัวเรือน มีพื้นที่ปลูกรวมประมาณ 9,124 ไร่ พื้นที่ปลูกส่วนใหญ่อยู่ใน อ.ภูเรือ นาแห้ว และด่านซ้าย ซึ่งมีพื้นที่ระดับความสูงกว่าน้ำทะเล 700-900 เมตร สภาพดินร่วนปนทราย อุดมด้วยอินทรียวัตถุเกษตรกรนิยมปลูกแมคคาเดเมียหลายสายพันธุ์ เช่น พันธุ์เชียงใหม่ 1000 (HAES 508) พันธุ์เชียงใหม่ 400 (HAES 660) พันธุ์เชียงใหม่ 700 (HAES 741) ซึ่งเป็นพันธุ์ที่ผ่านการรับรองจากกรมวิชา การเกษตร และเป็นพันธุ์ที่เหมาะสำหรับปลูกในพื้นที่ระดับความสูงกว่าน้ำทะเล 700 เมตร ขึ้นไป สามารถเจริญเติบโตได้ดี ให้ผลผลิตสูง มีคุณภาพตรงกับความต้องการของตลาดราคาต้นพันธุ์อยู่ที่ต้นละ 80-150 บาท โดยเริ่มให้ผลผลิตในปีที่ 5 และผลผลิตจะออกมา 2 ช่วง คือ มิถุนายน-กันยายน กับพฤศจิกายน-ธันวาคม ให้ผลผลิตเฉลี่ยไร่ละ 300-700 กก. หรือต้นละ 15-35 กก. ปัจจุบันต้นแมคคาเดเมียในจังหวัดเลยมีอายุเฉลี่ย 6 ปีสถานการณ์ด้านตลาด เกษตรกรสามารถจำหน่ายแมคคาเดเมียในรูปของผลแห้ง และแบบแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ 3 ประเภท...1) ผลแห้งกะเทาะเปลือกเขียว ได้ราคาเฉลี่ย กก.ละ 70-80 บาท จำหน่ายโดยตรงให้กับกลุ่มวิสาหกิจหรือพ่อค้าคนกลาง เพื่อนำไปแปรรูปและจำหน่ายภายใต้แบรนด์สินค้าของตนเอง...2) ผลิตภัณฑ์พร้อมรับประทาน ได้แก่ แมคคาเดเมียอบทั้งเปลือก ราคา กก.ละ 400- 500 บาท...3) ผลิตภัณฑ์เพื่ออุปโภค ได้แก่ แมคคาเดเมียออยล์ ราคาลิตรละ 2,500-3,500 บาท สบู่จากถ่านกะลาแมคคาเดเมีย ราคาก้อนละ 80-120 บาทสำหรับแนวโน้มตลาดแมคคาเดเมียถือเป็นถั่วที่มีไขมันดีสูง (HDL) ทำให้เป็นที่ต้องการของตลาด ส่งผลให้ราคาซื้อขายค่อนข้างสูง หากสินค้าแมคคาเดเมียของจังหวัดเลย มีกระบวนการผลิตที่มีคุณภาพตามหลักมาตรฐาน และมีจำนวนผลผลิตที่เพียงพอต่อความต้องการของตลาด ในอนาคตจะสามารถส่งออกตลาดต่างประเทศ ซึ่งสามารถสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรและจังหวัดได้เป็นอย่างมาก.สะ-เล-เต