จากปัญหาช้างป่าที่เข้ามาบุกรุกพื้นที่ชุมชน อันเนื่องมาจากความอุดมสมบูรณ์และพื้นที่ป่ามีจำนวนลดน้อยลง ก่อให้เกิดอันตรายต่อทั้งคนและช้างยังปรากฏให้เห็นบ่อยครั้ง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จึงมีพระราชปณิธาน“สืบสาน รักษา ต่อยอด” พระราชปณิธานพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ที่ทรงมีแนวพระราชดำริพระราชทานเมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2542 ต่อการจัดการความขัดแย้งคนกับช้างป่าอุทยานแห่งชาติกุยบุรี ในการให้ “ช้างป่าควรอยู่ในป่า เพียงแต่ต้องทำให้ป่านั้นมีอาหารช้างเพียงพอ การปฏิบัติคือให้ไปสร้างอาหารช้างในป่า เป็นแปลงเล็กๆ และกระจายกรณีช้างป่าออกมาที่ชายป่า ต้องให้ความปลอดภัยกับช้างป่า” พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯรับโครงการอนุรักษ์ช้างป่ารอยต่อ 5 จังหวัดในภาคตะวันออกไว้ในพระบรมราชูปถัมภ์ และพระราชทานชื่อโครงการว่า “โครงการพัชรสุธาคชานุรักษ์” ซึ่งแปลว่า “น้ำทิพย์รักษาช้างให้แข็งแกร่งยืนยงดุจเพชร” เพื่อเป็นการอนุรักษ์ป่าและช้าง รวมทั้งแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ การบุกรุกของช้างป่าอันสืบเนื่องมาจากขาดแคลนแหล่งอาหาร ที่อยู่อาศัยไม่เพียงพอ ตลอดจนการขาดความรู้และความเข้าใจของราษฎร ในการขับไล่ช้างอย่างผิดวิธีจนทำให้เกิดอันตรายทั้งต่อตัวราษฎรและช้างในที่สุด โดย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงเป็นองค์ประธานที่ปรึกษา และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิรา เทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา ทรงเป็นองค์ประธานกรรมการ หนึ่งในภารกิจสำคัญของ “โครงการพัชรสุธาคชานุรักษ์” ได้แก่ โครงการป่ารอยต่อ 5 จังหวัดในภาคตะวันออก ได้แก่ จังหวัดฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และสระแก้ว คือการฟื้นฟูแหล่งอาหาร แหล่งน้ำ ให้เพียงพอในพื้นที่ที่เหมาะสม เพื่อนำช้างกลับเข้าสู่ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด อาทิ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาอ่างฤาไน เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาสอยดาว อุทยานแห่งชาติเขาสิบห้าชั้น อุทยานแห่งชาติเขาคิชฌกูฏ และอุทยานแห่งชาติเขาชะเมา-เขาวง โดยใช้ความร่วมแรงร่วมใจกันของทุกฝ่ายในการนำช้างกลับเข้าสู่ป่า ไม่ว่าจะเป็นชุมชน จิตอาสา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการเข้ามาช่วยกันฟื้นฟูพัฒนาแหล่งอาหารของช้างให้มีความอุดมสมบูรณ์ ตลอดระยะเวลา 1 ปีที่ผ่านมา ของการก่อตั้งโครงการ “พัชรสุธาคชานุรักษ์” ทุกภาคส่วนต่างร่วมแรงร่วมใจในการพัฒนาแหล่งอาหารของช้างให้อุดมสมบูรณ์ เพื่อเป็นจุดพักให้ช้างได้อาศัยไม่เข้าไปสร้างความเสียหายยังพื้นที่การเกษตรและที่พักอาศัยของชาวบ้าน ภารกิจแรกของการดำเนินการช่วยเหลือสัตว์ป่าโดยเฉพาะช้างให้กลับคืนสู่ป่าให้ได้มากที่สุด คือการสร้างแหล่งน้ำและแหล่งอาหารให้สัตว์ป่า โดยเริ่มดำเนินการในพื้นที่อุทยานแห่งชาติเขาชะเมา-เขาวง จัดทำแหล่งน้ำ 4 แห่ง ฝายชะลอน้ำ 7 แห่ง โป่งเทียม 73 โป่ง ปรับปรุงทุ่งหญ้า 20 ไร่ เพื่อเพาะชำกล้าไม้ที่เป็นพืชอาหารช้างจำนวนกว่า 6,000 กล้า ซึ่ง ได้มีการทดลองปลูกหญ้าที่ช้างชอบ อย่างเช่น หญ้ารูซี่ หญ้ากินนีสีม่วง และหญ้าเนเปียร์ โดยได้รับพระกรุณาธิคุณจากกรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร ในฐานะองค์ประธานคณะกรรมการฯ เสด็จมาทรงหว่านหญ้าและทำโป่งเทียมในแปลงทดลองปลูกพืชช้างป่าในพื้นที่ดำเนินการจัดทำทุ่งหญ้าและแหล่งน้ำ เพื่อเป็นอาหารสำหรับสัตว์ป่าและช้างป่าในเขตอุทยานแห่งชาติเขาชะเมา-เขาวง นอกจากนี้ ยังมีการพัฒนาพื้นที่ป่าเสื่อมโทรมอีกหลายแห่ง เพื่อใช้ในการฟื้นฟูและพัฒนาแหล่งอาหารของช้าง และอีกหนึ่งโครงการ การช่วยทั้งคนช่วยทั้งช้าง มีการสนับสนุนสร้างองค์ความรู้การอยู่รวมกันอย่างสมดุลระหว่างคนและช้าง โดยเฉพาะการทำให้ชุมชนสามารถพึ่งพาตนเองได้ มีอาชีพที่เหมาะสม มีรายได้เลี้ยงครอบครัวได้อย่างยั่งยืน คือมีการจัดตั้ง “หมู่บ้านคชานุรักษ์” เพื่อให้ชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากการเดินออกนอกเส้นทางของช้างป่ามาทำลายพืชผลทางการเกษตร ได้เสริมสร้างความเข้าใจในพฤติกรรมของช้างให้แก่ราษฎรในหมู่บ้าน รวมทั้งส่งเสริมกระบวนการเรียนรู้การประกอบอาชีพ และจัดตั้ง “กองทุนคชานุรักษ์” เพื่อให้ชุมชนมีกองทุนสำรอง และแต่ละชุมชนสามารถวางแผน เพื่อบริหารจัดการกองทุนได้ด้วยตนเอง รวมทั้งสามารถทำกิจกรรมเพื่อหารายได้เข้ากองทุน อันเป็นการบริหารจัดการชุมชนเพื่อให้คนกับช้างอยู่ร่วมกันอย่างสมดุลและปลอดภัย โดยกรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร ในฐานะองค์ประธานกรรมการโครงการฯ เสด็จแทนพระองค์ ไปในการพระราชทานป้ายชื่อ “หมู่บ้านคชานุรักษ์” และ พระราชทานเงินจัดตั้ง “กองทุนคชานุรักษ์” ให้แก่ตัวแทนชุมชน ในวันที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2562 ณ อุทยานแห่งชาติเขาชะเมา-เขาวง อำเภอเขาชะเมา จังหวัดระยอง ปัจจุบันมีหมู่บ้านคชานุรักษ์ทั้งหมด 5 หมู่บ้าน ประกอบด้วย หมู่ 14 บ้านคลองมะหาด ต.ท่าตะเกียบ อ.ท่าตะเกียบ จ.ฉะเชิงเทรา, หมู่ 4 บ้านเขาใหญ่ ต.พวงทอง อ.บ่อทอง จ.ชลบุรี, หมู่ 7 บ้านเขาจันทร์ ต.ห้วยทับมอญ อ.เขาชะเมา จ.ระยอง, หมู่ 3 บ้านเนินจำปา ต.พวา อ.แก่งหางแมว จ.จันทบุรี และหมู่ 28 บ้านสระหลวง ต.ทุ่งมหาเจริญ อ.วังน้ำเย็น จ.สระแก้ว การจัดตั้งหมู่บ้านคชานุรักษ์ต้นแบบทั้ง 5 หมู่บ้านนี้ ได้ลดภาพปัญหาความขัดแย้งระหว่างคนกับช้างลงไปจากเมื่อก่อน เพราะคนได้เรียนรู้วิธีการขับไล่อย่างถูกวิธี มีการเฝ้าระวังเตือนภัยจากช้างป่าอย่างถูกต้อง ขณะเดียวกัน ในภาคครัวเรือนก็มีการส่งเสริมอาชีพให้ชาวบ้านปลูกพืชผักสวนครัว หรือการเกษตรแบบผสมผสานควบคู่ไปกับการปลูกพืชเชิงเดี่ยว นับเป็นการสร้างรายได้ให้กับครอบครัวและชุมชนอย่างยั่งยืนนางสาวสมจิต สาธุชาติ กำนัน ต.ท่าตะเกียบ อ.ท่าตะเกียบ จ.ฉะเชิงเทรา ผู้อยู่ในโครงการหมู่บ้านคชานุรักษ์ต้นแบบ เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้เราได้พยายามที่จะปรับเปลี่ยนอาชีพภายในชุมชนมาก่อนบ้างแล้ว แต่ยังไม่เป็นผล เพราะไม่มีหน่วยงานใดเข้ามาให้การสนับสนุนอย่างจริงจัง กระทั่งมีการจัดตั้งหมู่บ้านคชานุรักษ์ขึ้นมา เกษตรกรได้เรียนรู้วิธีการปรับเปลี่ยนอาชีพ มีการส่งเสริมทำปศุสัตว์ อาทิ การเลี้ยงกระบือ โค สุกร และไก่พื้นเมืองมีการพัฒนาพื้นที่ปลูกหม่อน 100 ไร่ ส่งขายให้หมู่บ้านข้างเคียงที่เลี้ยงไหมทอผ้า เกิดกลุ่มวิสาหกิจชุมชนเลี้ยงวัวท่าตะเกียบขึ้นด้วยโครงการพัชรสุธาคชานุรักษ์ จึงเป็นส่วนสำคัญในการแก้ปัญหาที่ราษฎรได้รับผลกระทบจากช้างป่า ซึ่งเป็นการทำงานร่วมกันของทุกภาคส่วนแบบบูรณาการ เพื่อให้ชุมชนอยู่ร่วมกับช้างป่าได้อย่างสมดุล มีอาชีพที่พึ่งตนเองได้และปลอดภัยมากขึ้น ส่วนช้างป่าก็สามารถกลับคืนสู่ป่าตามธรรมชาติได้ และมีแหล่งน้ำและอาหารที่เพียงพอ.