ฉากผ่านที่ 1 หรือลึกกว่านี้! อย่างที่ว่ากันแหละครับ...เหรียญมี 2 ด้าน แม้จะอยู่ในรูปทรงเดียวกัน แต่ก็มีความต่างกันในตัวเป็น “สมดุล” ที่อยู่ร่วมกันได้ ว่าไปแล้วการชุมนุมด้วยผู้คนนับแสน ที่ท้องสนามหลวงระหว่างวันที่ 19-20 ก.ย.63 จะออกหัวออกก้อยไม่สามารถคาดการณ์ได้บทสรุปกลับเป็นไปอย่างราบรื่นไม่มีเลือดตกยางออก อย่างที่หวั่นๆกันตั้งแต่เริ่มต้น จนสลายตัวแยกย้ายกันไปมีเพียงแค่การแสดงสัญลักษณ์ เพื่อให้รับรู้ถึงความต้องการ และที่นึกว่าจะเปิดฉากด้วยอะไรที่เรียกเบิ้มๆก็แค่สะกิดนิดเกาหน่อยเท่านั้น!เหมือนมีมนตราอะไรสักอย่าง ที่ทำให้ทุกอย่างคลี่คลายไปในทางที่ดีสุดท้ายก็มีการนัดหมายเรียกระดมกันในขั้นต่อไป เริ่มที่สภาในวันที่ 24 ก.ย.63 เนื่องจากจะมีการประชุม เพื่อพิจารณาญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่กำหนดให้ระเบียบวาระไว้แล้วระหว่าง 23-24 ก.ย.ก่อนที่สภาจะปิดสมัยประชุมอีกนัดก็คือ วันที่ 14 ต.ค.63 อันเป็นไทม์ไลน์ล่วงหน้าก่อนที่จะถึงจุดนี้ ตัวแทนกลุ่มผู้นำชุมนุมได้ยื่นถวายฎีกา ผ่านทางผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ซึ่งมีข้อเรียกร้องดังต่อไปนี้1.ให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และกลุ่มเครือข่ายผลประโยชน์ที่ถูกแต่งตั้งมาโดยคณะรักษาความสงบแห่งชาติ เพื่อธำรงไว้ซึ่งอำนาจของระบบเผด็จการลาออกทั้งหมด2.ให้มีการร่างรัฐธรรมนูญใหม่โดยจะต้องมีการตั้ง ส.ส.ร.ที่มาจากการเลือกตั้งทั้งหมดและต้องร่างใหม่ทุกหมวด ทุกมาตราโดยเฉพาะหมวดพระมหากษัตริย์3.ปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ตามแนวทางที่แนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุมได้เรียกร้อง 10 ข้อทั้งนี้ ข้อเสนอดังกล่าวไม่มีข้อใดมีเนื้อหาล้มล้างสถาบันกษัตริย์หากแต่เป็นไปเพื่อธำรงไว้ซึ่งสถาบันกษัตริย์และเป็นทางออกของวิกฤติศรัทธาที่กำลังเกิดขึ้นแม้สาระที่กล่าวมาแล้วมิได้เสนอทั้งหมด แต่นำสาระสำคัญที่นำมาบอกกล่าวเพื่อให้ได้รับรู้กันเท่านั้นข้อสังเกตอย่างหนึ่งก็คือ ก่อนที่จะมียื่นข้อเรียกร้องดังกล่าวทั้งบรรดาแกนนำผู้ชุมนุมได้แสดงออกเพื่อเตรียมการในลักษณะว่าจะเดินทางไปยื่นที่ทำเนียบรัฐบาลแต่ว่ากันจนจบที่บริเวณท้องสนามหลวงนั่นแหละ...ไม่ได้ยกขบวนไปที่ทำเนียบแต่อย่างใด ทั้งๆที่รัฐบาลได้ให้เจ้าหน้าที่เตรียมแนวป้องกันเอาไว้เป็นอย่างดีพูดง่ายๆว่าใครก็ตามไม่สามารถเล็ดรอดเข้าไปได้ที่สัมพันธ์กันระหว่างรอยต่อนี้คือทรงโปรดเกล้าฯแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารประจำปีทั้ง 3 เหล่าทัพออกมาก่อนหน้านี้เพียงแค่วันเดียวย้อนกลับไปอีกนิดคือโปรดเกล้าฯให้ พล.อ.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ. และ พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันทน์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ซึ่งจะเกษียณอายุราชการในวันที่ 30 ก.ย.63 พร้อมกันโอนย้ายและแต่งตั้งให้เป็นรองเลขาธิการพระราชวังมีผลตั้งแต่วันที่ 30 ก.ย.63 เป็นต้นไป เป็นการโยกย้ายก่อนหลายวันนั่นเท่ากับว่าจากนี้ไปแม่ทัพนายกองทั้งหลายต้องขึ้นอยู่กับผู้บังคับบัญชาคนใหม่ทั้ง 3 เหล่าทัพที่พูดกันว่าหรือที่มีข่าวทำนองจะมีการรัฐประหารเกิดขึ้นจึงมิน่าจะใช่แต่ข้อเสนอให้นายกฯและกลุ่มเครือข่ายผลประโยชน์ “ลาออก” นั้นน่าสนใจกว่ามาก?“สายล่อฟ้า”