ถึงเวลาพูดบ้าง สำหรับด้านนางเอกสาว มารี เบิร์นเนอร์ หลังจากที่รักร้าวรอบสองกับหนุ่ม กัน-นภัทร ซึ่งก่อนหน้านี้พระเอกหนุ่มได้ออกมายอมรับว่า ตนเองผิดที่พยายามไม่มากพอ จนเมื่อสาว มารี มาร่วมงานบวงสรวงละคร 4 เรื่อง 4 รส จากค่ายพอดีคำ ทางช่องวัน 31 เจ้าตัวเปิดใจทั้งน้ำตาน่าสงสาร เริ่มจาก ความรู้สึกหลังจากกันออกมาให้สัมภาษณ์? “ถ้าฝั่งของเราก็ทำเต็มที่ที่สุดแล้ว”เค้าบอกว่าผิดที่เค้าสู้ไม่พอ หลายคนสงสัยว่าสู้ไม่พอคือสู้เรื่องอะไร? “หนูว่าความรักมันก็ต้องสู้ด้วยกันทั้งสองฝ่าย แต่ว่าปัจจัยรอบตัวหรือว่าเงื่อนไขชีวิตของแต่ละคนก็ไม่เหมือนกัน ไม่สำคัญหรอกว่าเหตุผลคืออะไร แต่สุดท้ายแล้วถ้าคนใดคนหนึ่งไปต่อไม่ไหว ทั้งคู่ไม่พร้อมที่จะสู้ให้สุดก็ทำให้เป็นไปได้”ในเมื่อรักกันมาก แล้วอะไรคือจุดที่เราไปต่อไม่ได้ “หนูว่านอกเหนือจากความรักมันก็มีความรู้สึกอื่นๆเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย กว่าจะมาถึงจุดนี้มันก็ยากเหมือนกันค่ะ”ปัญหาหลักๆคือการไม่เข้าใจกัน? “เข้าใจกันนะคะ แต่มันก็มีเหตุผลที่ไม่สามารถยอมกันได้ในบางเรื่อง”จับมือกันแล้วใช่มั้ยว่า เราจะสู้หรือไม่สู้ด้วยกันต่อไป? “หนูว่ามันก็สู้มาตั้งแต่แรก เต็มที่มาตั้งแต่แรก แต่ว่าถึงวันหนึ่งมันก็คือมีคนใดคนหนึ่งที่สู้กว่า” มารี พูดเสียงสั่นหมายถึงมารีสู้กว่าเหรอ? “มันก็ (นิ่งไปสักครู่ ก่อนที่น้ำตาคลอ) คือเค้าก็สู้เต็มที่แล้ว ในมุมของเค้า”เราเสียใจมากมั้ยกับความรักครั้งนี้? “ค่ะ แต่ก็โอเค ดีขึ้นแล้วจริงๆ ตื่นเต้น (ยิ้มทั้งน้ำตา)”ณ วันนี้เรามูฟออนแล้วใช่มั้ย? “ก็เท่าที่ทำได้”เหตุผลเกี่ยวกับการรักๆ เลิกๆ ที่ผ่านมาใช่มั้ย? “สำหรับหนูไม่เกี่ยว คือหนูรักคือรัก สู้คือสู้ (น้ำตาคลอ) ตั้งแต่วันแรกจนวันสุดท้าย หนูก็เต็มที่ที่สุดแล้ว”เรื่องบุคคลที่สาม เรื่องคนรอบข้างคนในครอบครัวเค้าบอกว่าไม่มีเกี่ยวข้องแน่นอน จริงมั้ย? “ถ้ามือที่สาม หรือมีคนอื่นไม่มีแน่นอน เราเชื่อว่าระหว่างที่คบเราเค้าทำตัวดีมาก คือมันไม่มีใครผิดหรอก แต่แค่คนเราโตมาไม่เหมือนกัน ความคิด มุมมอง ความรับผิดชอบที่ต้องดูแล ก็ไม่เหมือนกัน”เรากำลังจะบอกว่าพื้นฐานครอบครัวเรามาต่างกัน มุมมองความคิดก็เลยต่างกันทำให้ไปกันไม่ได้?“คือมัน...(เสียงสั่น น้ำตาคลอ) มันไม่สำคัญว่าเหตุผลคืออะไร คือมันก็คือวิธีการเติบโตของแต่ละคน หรือว่าเป็นมุมมองชีวิต หรือหน้าที่ หรือความต้องการของแต่ละคน ว่าเป้าหมายในชีวิต ณ จุดนี้มันอาจจะไม่ได้ตรงกัน ก็เลยทำให้เอาชนะทุกอย่างไม่ได้” คุยกันยากมั้ยกับการตัดสินใจจบความสัมพันธ์? “ก็ไม่ยากค่ะ ก็กะทันหันอยู่”ตอนนี้เรามูฟออนไปได้ไกลหรือยัง?“บางวันก็เหมือนจะดี บางวันก็...”ถือเป็นบทเรียนความรักของเรา? “ก็...คือเราก็มองว่ามันก็ไม่ใช่สิ่งที่แย่ หรือเป็นบทเรียนที่โห...อะไรขนาดนั้น แต่ก็แค่รู้สึกว่าบางทีวิธีการทุ่มเทของเรามันอาจจะมากเกิน หรือเร็วเกิน อาจจะต้องเปลี่ยนวิธีการรักของตัวเองด้วยในอนาคต”ที่ผ่านมาเราไปหาครอบครัวเค้าบ่อยมากที่บ้าน ความสัมพันธ์เรากับครอบครัวเค้าเป็นยังไงบ้าง? “ก็ไม่ได้เจอแล้ว”กับ กัน ไม่ได้คุยกันแล้วใช่มั้ย? “ไม่ได้คุยค่ะ”ไม่สามารถกลับมาเป็นเพื่อนหรือคนรู้จักแบบที่เป็นก่อนหน้านี้ได้แล้ว? “คือ... (เสียงสั่น) อนาคตอาจจะได้ แต่ตอนนี้ก็ยังค่ะ”ครั้งนี้เป็นความรักที่เราเจ็บที่สุดในชีวิตเลยมั้ย? “มันวัดกันไม่ได้หรอก”ผิดหวังมั้ยเพราะเราดูค่อนข้างที่จะทุ่มเทให้กับความรักมาก? “คาดหวังมากก็ผิดหวังมากค่ะ”ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ เรายังเลือกที่จะคบกับเค้าอีกมั้ย? “ไม่รู้สิ แต่ถ้า ณ จุดนั้นก็คงต้องเลือก เพราะมันก็มีอะไรหลายๆอย่างที่ทำให้เราต้องเลือก”แสดงว่าไม่เสียดายเวลา? “ไม่หรอก ทุกอย่างมันมีเหตุผลว่าทำไมถึงเกิดขึ้น”ความรักครั้งนี้มันสอนอะไรให้เราบ้าง? “ก็สอนให้อย่ารีบร้อนค่ะ (ยิ้ม)”แสดงว่าการออกตัวแรงในช่วงแรกๆก็ส่งผล? “คำว่าออกตัวแรง ถ้าหมายถึงกับสื่อ หนูว่าไม่นะ หนูไม่ได้เก็บมุมมองความรักของคนอื่นมาคิดเท่ากับความรู้สึกที่มี แต่ที่หนูหมายถึงว่าเร็วนี่คือในแง่ของความรู้สึกมากกว่า”ที่ผ่านมาคนก็โจมตีทางกันหนักเหมือนกัน? “ไม่รู้จะพูดยังไงเลย (เสียงสั่น) คือหนูยิ่งพูด เค้าก็ยิ่งโดนด่า (ร้องไห้)”ถ้ากันดูอยู่ อยากจะบอกอะไรเค้ามั้ย? “ไม่มีค่ะ (ยิ้ม)”ตอนนี้ก็ขอพักหัวใจไปก่อน? “ค่ะ”.