วิกฤติการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ซึ่งมีผู้ติดเชื้อทั่วโลกแล้ว 21 ล้านคน เสียชีวิตกว่า 7.5 แสนคน ทำให้เกิดการแข่งขันพัฒนาวัคซีนกันอย่างเอาเป็นเอาตาย จนกระทั่ง “รัสเซีย” ชิงประกาศว่าได้จดทะเบียนวัคซีนป้องกันโควิด-19 เป็นชาติแรกในโลกแล้ว!ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ประกาศเมื่อ 11 ส.ค.ว่า กระทรวงสาธารณสุขรัสเซียได้จดทะเบียนรับรองให้ใช้วัคซีนป้องกันโควิด-19 ซึ่งพัฒนาโดย “สถาบันกามาเลยา” ในกรุงมอสโกแล้ว แม้ใช้เวลาทดลองกับมนุษย์ไม่ถึง 2 เดือน แต่มีประสิทธิภาพ สร้างภูมิคุ้มกันได้ยาวนาน ซึ่งลูกสาว 1 ใน 2 คนของตนก็ฉีดวัคซีนนี้ด้วยรัสเซียยืนยันว่าวัคซีนนี้ปลอดภัยไม่มีผลข้างเคียง และตั้งชื่อว่า “สปุตนิก 5” ตามชื่อ “สปุตนิก 1” ดาวเทียมดวงแรกของสหภาพโซเวียตและของโลกในช่วงการแข่งขันด้านอวกาศยุคสงครามเย็น ทั้งเผยว่ามีกว่า 20 ประเทศขอซื้อวัคซีนล่วงหน้าแล้วถึง 1,000 ล้านโดส คาดว่าจะเริ่มผลิตในบราซิลและละตินอเมริกาเดือน ก.ย.นี้ สำเร็จ? – กองทุนการลงทุนตรงของรัสเซียเผยแพร่ภาพวัคซีนป้องกันเชื้อไวรัสโควิด–19 ของสถาบันวิจัยโรคระบาดวิทยาและจุลชีววิทยา “กามาเลยา” ที่อ้างว่าพัฒนาสำเร็จ ท่ามกลางความกังขาจากนานาชาติ (เอเอฟพี)อย่างไรก็ตาม นักวิทยาศาสตร์ทั่วโลกต่างกังขาที่รัสเซียชิงจดทะเบียนวัคซีนโดยไม่ผ่านการทดลองในคลินิกกับมนุษย์ในขั้นที่ 3 ขั้นสุดท้ายที่สำคัญที่สุด ซึ่งปกติต้องใช้เวลาหลายเดือนและทดลองกับคนจำนวนมาก เพียงทดลองในขั้นที่ 1 และ 2 ซึ่งมีข่าวว่าประสบความสำเร็จแค่ราว 10% เท่านั้นแม้แต่สมาคมองค์กรทดลองทางคลินิก (Acto) ในกรุงมอสโก ตัวแทนบริษัทเวชภัณฑ์ชั้นนำของโลกในกรุงมอสโก ก็ขอให้รัสเซียเลื่อนการจดทะเบียนรับรองวัคซีนตัวนี้ จนกว่าการทดลองขั้นที่ 3 จะเสร็จสิ้นสมบูรณ์ ส่วนองค์การอนามัยโลก (WHO) ก็เตือนให้รัสเซียปฏิบัติตามแนวทางมาตรฐาน ทดลองวัคซีนให้ครบทุกขั้นตอนเพื่อให้ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพโดยแท้จริงการประกาศจดทะเบียนวัคซีนก่อนใครของปูตินก่อนทดลองในขั้นที่ 3 รวมทั้งในยูเออีและฟิลิปปินส์ นับเป็นเกมที่เสี่ยงไม่น้อย แม้จะเป็น “ชัยชนะทางการเมือง” ทำเอาคู่แข่งอ้าปากหวอ โดยเฉพาะประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ที่เพิ่งคุยว่าสหรัฐฯ อาจมีวัคซีน “พร้อมใช้” ก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีใน 3 พ.ย.นี้จริงๆ แล้ว เหล่านักการเมือง บริษัทเวชภัณฑ์ และองค์กรผู้ควบคุมกฎการพัฒนาวัคซีนต่างคาดการณ์แตกต่างกันไปว่าจะมี “วัคซีนพร้อมใช้” เมื่อใด แต่ส่วนใหญ่ชี้ว่าไม่เร็วกว่าสิ้นปีนี้ ขณะที่มีการพัฒนาวัคซีนอยู่ราว 165 ตัวทั่วโลก และมีราว 6-7 ตัวอยู่แถวหน้า กำลังพัฒนากับมนุษย์ในขั้นที่ 3 รวมทั้งบริษัท “แอสตราเซเนกา” ของอังกฤษ ตั้งเป้ารู้ผลในเดือน ส.ค.นี้ ส่วนบริษัท “โมเดอร์นา” ของสหรัฐฯ หวังรู้ผลในเดือน พ.ย. หรือ ธ.ค.นี้ระหว่างการรอ บริษัทเวชภัณฑ์จำนวนมากก็เร่งอัปเกรดหรือสร้างโรงงานเพิ่มเพื่อเพิ่มความสามารถในการผลิตให้ได้มากที่สุดเมื่อวัคซีนผ่านการรับรอง หนึ่งในความพยายามที่ว่านี้คือโครงการ “ปฏิบัติการบิดโค้งความเร็ว” (Operation Warp Speed) ของสหรัฐฯ ขณะที่ ดร.แอนโธนี ฟอซี หัวหน้าทีมรับมือโควิด-19 ของสหรัฐฯ คาดว่าจะผลิตวัคซีนได้หลายสิบล้านโดสในต้นปีหน้า และกว่า 1,000 ล้านโดสภายในสิ้นปีหน้า ชาติแรกในโลก – ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน แห่งรัสเซีย ประชุมทางวิดีโอคอนเฟอเรนซ์กับคณะรัฐมนตรีจากทำเนียบที่พัก “โนโว–โอการ์โยโว” ชานกรุงมอสโก เมื่อ 11 ส.ค. และประกาศว่ารัสเซียได้จดทะเบียนรับรองให้ใช้วัคซีนป้องกันเชื้อไวรัสโควิด–19 เป็นชาติแรกในโลก (เอเอฟพี)หลายบริษัท รวมทั้งแอสตราเซเนกา โมเดอร์นา ไฟเซอร์ จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน คาดหวังว่าถ้าพัฒนาสำเร็จ จะผลิตวัคซีนได้กว่า 1,000 ล้านโดสภายในสิ้นปีหน้า ทำให้มีวัคซีนพร้อมใช้หลายพันล้านโดสในปีหน้าถึงกระนั้น มีท่าทีว่าวัคซีนที่ผลิตได้ปลายปีนี้หรือต้นปีหน้าส่วนใหญ่จะตกเป็นของชาติร่ำรวยก่อน เพราะชาติยักษ์ใหญ่เช่นสหรัฐฯ อังกฤษ เยอรมนี แคนาดา ญี่ปุ่น ต่างทำข้อตกลงซื้อวัคซีนกับบริษัทต่างๆไว้แล้วส่วนประเทศยากจนคงต้อง “รอก่อน” ตามระเบียบ เพราะไม่ได้ทำข้อตกลงซื้อวัคซีนล่วงหน้า และหลายประเทศอาจไม่มีปัญญาซื้อวัคซีน ซึ่งคาดว่าจะมีราคาอย่างต่ำโดสละ 40 ดอลลาร์ (กว่า 1,200 บาท) และวัคซีนส่วนใหญ่ต้องฉีดถึง 2 ครั้งห่างกัน 1 เดือน เพื่อให้มีภูมิคุ้มกันเพียงพอป้องกันเชื้อไวรัสได้ นั่นหมายความว่าค่าใช้จ่ายในการฉีดวัคซีนอาจสูงกว่า 2,400 บาทต่อคน ซึ่งชาติยากจนอาจไม่มีเงินพอซื้อ ถ้าชาติร่ำรวยไม่ช่วยเหลือด้วยเหตุนี้ กลุ่มพันธมิตรจัดหาวัคซีนให้ชาติกำลังพัฒนาชื่อกลุ่ม “กาวี” จึงมีโครงการจัดหาวัคซีนให้ได้ถึง 2,000 ล้านโดสภายในสิ้นปีหน้า เพียงพอฉีดให้กลุ่มผู้เปราะบางมีความเสี่ยงที่สุด 20% ของประชากรทั้งหมดในชาติยากจนทั้งหลาย นอกจากนี้ โรงงานผลิตยาหลายแห่ง รวมทั้ง “สถาบันเซรุ่มแห่งอินเดีย” ก็เตรียมผลิตวัคซีนให้ชาติยากจนและชาติรายได้ปานกลางเช่นกันส่วน “จีน” แม้รัฐบาลอนุมัติให้มีการใช้วัคซีนที่อยู่ระหว่างการทดลองบางตัวกับผู้ป่วยที่ถูกคัดเลือกนอกการทดลองทางคลินิกแล้ว ซึ่งนับเป็นชาติแรกในโลกที่อนุมัติให้ใช้วัคซีนป้องกันโควิด-19 อย่างกว้างขวาง แต่คาดว่าชาติตะวันตกจะยังไม่ได้ใช้วัคซีนของจีนในระยะเวลาอันใกล้ เพราะต้องให้องค์กรผู้ควบคุมกฎการพัฒนาวัคซีนของจีนอนุมัติอย่างเป็นทางการเสียก่อนขณะเดียวกัน บริษัทจีน รวมทั้ง “ซิโนแว็ก ไบโอเทค” ก็เร่งพัฒนาวัคซีนอยู่อย่างเข้มข้น โดยยึดตามแนวทางมาตรฐาน ทดลองทางคลินิกกับมนุษย์ให้ครบทั้ง 3 ขั้น ให้มั่นใจว่ามีประสิทธิภาพและปลอดภัยอย่างแท้จริง เพื่อให้ได้รับการรับรองในระดับสากล แม้จะถูก “รัสเซีย” ชิงตัดหน้าไปก่อนก็ตามเรียกว่า “ช้าๆ ได้พร้าเล่มงาม” หรือ “หัวเราะทีหลังดังกว่า”!บวร โทศรีแก้ว