อีกโรคพืชจากเชื้อรา ที่มักจะระบาดหนักในหน้าฝน กรมวิชาการเกษตร เตือนเกษตรกรผู้ปลูกแก้วมังกรให้ระวังการระบาดของโรคลำต้น จุดสีน้ำตาลและผลเน่านับเป็นโรคที่สร้างความเสียหายอย่างรุนแรงกับสวนแก้วมังกร ที่เริ่มมีการระบาดในบ้านเรามาตั้งแต่ปี 2553 ในพื้นที่จันทบุรี และตราด หลังจากนั้นการระบาดขยายไปทั่วทุกพื้นที่ที่มีการปลูกแก้วมังกรของบ้านเราอาการโรคเริ่มแรก ที่กิ่งหรือผลจะมีจุดสีเหลือง จากนั้นพัฒนาเป็นตุ่มนูนเล็กสีน้ำตาลคล้ายสีสนิมเหล็ก บางครั้งพบแผลสีเหลืองฉ่ำน้ำหากอาการรุนแรงแผลจะเน่า ถ้าเป็นที่กิ่งจะทำให้เนื้อเยื่อตรงแผลหลุดเห็นเป็นรูหรือเว้าแหว่ง สำหรับผลที่มีอาการ รุนแรง จะทำให้กลีบผลไหม้แห้งเป็นสีดำ และผลเน่าในที่สุดแนวทางในการป้องกัน ให้เลือกใช้ต้นพันธุ์ที่แข็งแรงปลอดโรค ลดการให้ปุ๋ยไนโตรเจน เพราะแก้วมังกรเป็นพืชอวบน้ำ เพราะการใช้ปุ๋ยไนโตรเจนมากจะทำให้พืชอวบอ้วนอ่อนแอเป็นโรคได้ง่ายพร้อมกับหมั่นสำรวจทำความสะอาดกำจัดวัชพืชโคนต้น เก็บกวาดเศษซากพืชส่วนที่เป็นโรคใต้ต้นออกไปเผาทำลายนอกแปลงปลูกอย่างสม่ำเสมอ และหลีกเลี่ยงการตัดแต่งส่วนที่เป็นโรคของพืชทำให้เกิดแผลน้อยที่สุด เพราะแผลจะเป็นช่องทางให้เชื้อราเข้าไปทำลายพืชได้ง่าย อีกทั้งควรล้างทำความสะอาดอุปกรณ์ เครื่องมือ เครื่องใช้ทางการเกษตรต่างๆให้สะอาด และผึ่งแดดให้แห้งหลังการใช้งานทุกครั้งอยู่เสมอ เมื่อได้นำไปใช้กับต้นที่เป็นโรคในแปลงที่มีการระบาดก่อนนำกลับมาใช้ใหม่ ในครั้งต่อไปนอกจากนี้ควรให้น้ำเฉพาะในช่วงเช้า ไม่ควรให้น้ำในช่วงบ่ายหรือเย็น เพื่อลดการสะสมความชื้นกรณีระบาดมาก หลังตัดแต่งกิ่งเสร็จแล้วให้ฉีดพ่นด้วย โพรคลอราซ 45% อีซี อัตรา 20 มิลลิลิตรต่อน้ำ 20 ลิตร หรือ แมนโคเซบ 80% ดับเบิลยูพี อัตรา 50 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร หรือ อะซอกซีสโตรบิน + ไดฟีโนโคนาโซล 20% +12.5% เอสซี อัตรา 20 มิลลิลิตรต่อน้ำ 20 ลิตรฉีดพ่นให้ทั่วต้น 4 ครั้ง ทุก 5-7 วัน ในระยะติดดอกพ่นอีก 3 ครั้ง ทุก 7 วัน...หยุดพ่นก่อนเก็บเกี่ยวผลผลิตแก้วมังกรอย่างน้อย 15 วัน.สะ-เล-เต