แรงงาน-นักเที่ยวเป๋าหนัก ชุดเล็กก็หารือเลิกฉุกเฉิน! รับรองว่า "ระยอง" ปลอดภัยสัปดาห์นี้มีลุ้น ศบค.จ่อพิจารณาผ่อนคลายมาตรการในเฟส 6 ที่อาจให้นำเข้าแรงงานต่างด้าวเข้าประเทศ แก้ปัญหาขาดแคลนแรงงาน การแสดงสินค้า กองถ่ายภาพยนตร์ นักท่องเที่ยวเฉพาะกลุ่ม ฯลฯ รวมถึงการพิจารณาต่อไม่ต่อ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ด้าน “หมอทวีศิลป์” ยันระยองปลอดภัยไร้เชื้อโควิด-19 เข้าไปท่องเที่ยวได้ หลังผลตรวจไร้ผู้ติดเชื้อโควิด-19 มั่นใจระบบไม่หละหลวมแล้ว ขณะที่มาตรการฟื้นภาคท่องเที่ยว เปิดจองโรงแรม “เราเที่ยวด้วยกัน” วันที่สอง คนแห่ใช้สิทธิ์ไม่ถึงแสน แต่คนลงทะเบียนพุ่งไป 4 ล้านคน ส่วนสถานการณ์โควิด-19 ทั่วโลกยังเสี่ยง ทำสถิติติดเชื้อใหม่รายวันพุ่งกว่า 2.5 แสนคน ตายเพิ่มกว่า 7 พันรายสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ทั่วโลก ยังทำสถิติใหม่รายวัน ทั้งผู้ติดเชื้อใหม่และผู้เสียชีวิต ขณะที่ไทยยังคงรักษามาตรฐานไร้ผู้ติดเชื้อใหม่ภายในประเทศ ไร้ผู้ป่วยตายเพิ่ม ทำให้อาจมีการผ่อนปรนมาตรการให้คนทำกิจกรรมที่มีความเสี่ยงสูงในการแพร่ระบาดได้มากขึ้นหวั่นทั่วโลกติดเชื้อสูงต่อเนื่องที่ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค.ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 19 ก.ค. เวลา 11.30 น. นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษก ศบค. แถลงสถานการณ์โรคโควิด-19 ในไทยว่า พบผู้ป่วยรายใหม่ 3 ราย อยู่ในสถานกักตัวของรัฐทั้งหมด รายที่ 1 มาจากสิงคโปร์ เป็นชายไทยอายุ 60 ปี อาชีพพนักงานบริษัท เดินทางถึงไทยวันที่ 6 ก.ค. พักอยู่ในสถานกักตัวของรัฐใน กทม. ตรวจพบเชื้อเมื่อวันที่ 17 ก.ค. ไม่มีอาการ รายที่ 2 มาจากสิงคโปร์ เป็นชายไทย อายุ 43 ปี เดินทางถึงไทยวันที่ 17 ก.ค. เข้าเกณฑ์ PUI และตรวจพบเชื้อวันเดียวกันส่งเข้ารักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลที่ จ.สมุทรปราการ และรายที่ 3 มาจากซูดาน เป็นชายไทย อายุ 39 ปี อาชีพรับจ้าง เดินทางถึงไทยวันที่ 18 ก.ค. มีอาการไอ และตรวจพบเชื้อวันเดียวกัน ส่งรักษาตัวในโรงพยาบาลที่ จ.สมุทรปราการ ทำให้มีผู้ป่วยสะสม 3,249 ราย หายป่วยสะสม 3,096 ราย อยู่ระหว่างรักษาตัว 95 ราย ไม่มีรายงานผู้เสียชีวิต เพิ่มเติม ทำให้ยอดคงที่อยู่ที่ 58 ราย ส่วนสถานการณ์โลก มีผู้ติดเชื้อสะสม 14,422,468 ราย โดยเพิ่มขึ้นวันเดียว 2 แสนกว่าราย เสียชีวิตสะสม 604,823 ราย จึงถือว่าสถานการณ์ยังอยู่ในขั้นวิกฤติ ยังไม่มีท่าทีจะคงที่ ตัวเลขยังคงขึ้นสูง ยืนยันระยองปลอดภัยเที่ยวได้นพ.ทวีศิลป์กล่าวว่า สำหรับความคืบหน้าที่ จ.ระยองตั้งแต่เกิดเหตุทหารชาวอียิปต์เดินทางไปในพื้นที่นั้น ได้มีการตรวจตัวอย่างในกรณีสอบสวนโรคตั้งแต่วันที่ 14-18 ก.ค. รวมทั้งสิ้น 6,015 ราย ไม่พบเชื้อ 5,201 ราย อยู่ระหว่างผลตรวจ 814 ราย ส่วนกรณีเด็กหญิงในคณะทูตซูดาน มีการตรวจไปแล้ว 364 ราย ไม่พบเชื้อ จึงอยากบอกว่าขณะนี้พื้นที่ จ.ระยองถือว่าปลอดภัย ในช่วงวันหยุดยาวประชาชนสามารถเดินทางไปท่องเที่ยวได้ เพราะเราพิสูจน์ทางการแพทย์แล้วว่าปลอดภัยและปลอดเชื้อ นอกจากนี้ขอขอบคุณนักการทูตทั่วโลกอย่างสูงที่ให้ความร่วมมือเข้ากักตัว 14 วัน ในสถานกักตัวของรัฐและที่รัฐให้การรับรองทุกคน แทนการเข้าพักในที่พำนักที่มีอยู่ ยืนยันเราจะดูแลพวกท่านอย่างดีเตรียมหาที่กักตัวเพิ่ม 1 พันห้องนพ.ทวีศิลป์กล่าวว่า กรณีมีข้อกังวลว่า Alternative State Quarantine หรือสถานที่กักตัวในโรงแรมระดับสูงที่รัฐรับรอง ซึ่งผู้กักตัวต้องเสียค่าใช้จ่ายเอง จำนวน 22 แห่ง มีการจองเต็มไปแล้วนั้น ต้องขอขอบคุณคนกลุ่มนี้ที่ทำให้รัฐประหยัดค่าใช้จ่าย ที่เต็มแล้วนั้นเราจะให้อยู่สถานที่กักตัวของรัฐ ซึ่งเป็นโรงแรมระดับ 3 ดาวและให้เขาเสียค่าใช้จ่ายเอง หลังจากนี้โรงแรมที่มากกว่า 3 ดาว สามารถประสาน ศบค.เพื่อขอใช้เป็นสถานที่ กักตัวได้ ตรงนี้จะมีเจ้าหน้าที่ด้านสาธารณสุขของโรงพยาบาลเอกชนเข้าไปดูแล โดยจะหาให้ได้หลักพันห้อง อย่างไรก็ตาม การผ่อนคลายในระยะที่ 6 จะมียอดคนบินเข้ามาจำนวนมาก แต่ทุกคนจะต้องเข้ามาอยู่ในสถานกักตัวของรัฐและสถานที่ที่รัฐให้การรับรอง นักธุรกิจก็ต้องทำความเข้าใจในเรื่องดังกล่าวเหมือนกับนักการทูต ไม่ใช่วีไอพี เรามั่นใจระบบที่ทำให้ประชาชนสุขภาพดีและยืนยันจะทำอย่างนี้อย่างต่อเนื่องจ่อหารือผ่อนคลายเฟส 6เมื่อถามถึงการผ่อนคลายในระยะที่ 6 จะมีกิจการ/กิจกรรมอะไรบ้าง นพ.ทวีศิลป์กล่าวว่าคณะกรรมการเฉพาะกิจพิจารณาการผ่อนคลายการบังคับใช้มาตรการในการป้องกันและยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) อยู่ระหว่างการพิจารณาหลายกิจการ/กิจกรรม เช่น การผ่อนคลายแรงงานต่างด้าวที่มีความจำเป็นในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน อุตสาหกรรมอาหาร การแสดงสินค้า กองถ่ายภาพยนตร์ นักท่องเที่ยวเฉพาะกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูง โดยจะมีการประชุมหารือกันอย่างรอบด้านและจะนำเสนอที่ประชุม ศบค.ชุดใหญ่ภายในสัปดาห์หน้า โดยรอให้ ผอ.ศบค.เป็นผู้กำหนดวันประชุม ส่วนที่มีความเป็นห่วงกิจการกลางคืน ประเภทผับ บาร์ ที่มีความเสี่ยงนั้นหลังจากเราเข้าไปตรวจพบว่ากิจการเหล่านี้ได้ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี และขอขอบคุณนักเที่ยวที่ให้ความร่วมมือเช่นกัน กิจการเหล่านี้จะได้เปิดยาวๆ สามารถไปสังสรรค์กันได้มั่นใจระบบไม่หละหลวมแล้วเมื่อถามถึงการพิจารณายกเลิกการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน จะพิจารณาจากปัจจัยอะไรและเมื่อไร นพ.ทวีศิลป์กล่าวว่า สัปดาห์นี้ ศบค.ชุดเล็กจะมีการพิจารณาเรื่องดังกล่าว โดยเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) จะนำข้อมูลรอบด้าน ทั้งมิติสาธารณสุข เศรษฐกิจ และมั่นคงมาพิจารณา ส่วนที่มีกระแสข่าวว่า ศบค.ปล่อยให้คนติดเชื้อโควิด-19 เข้ามาในประเทศ เพื่อสกัดการเคลื่อนไหวทางการเมืองนั้น ขอชี้แจงว่า ตนทำงานตรงนี้ หน้าที่คือควบคุมโรคให้ดีที่สุดเพื่อให้คนไทยปลอดโรคและปลอดภัย การที่เรานำคนไทยและคนต่างชาติที่ต้องเข้ามาปฏิบัติภารกิจ ไม่ได้มีเจตนาให้นำเชื้อจากต่างประเทศเข้ามา แต่เราต้องการคนไทยได้กลับบ้าน และได้ปฏิบัติภารกิจเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจ และเมื่อคนเป็นพาหะและเข้ามา เราได้ใส่ระบบกักตัว ทุกอย่างที่เข้ามาจะอยู่ในระบบที่เรา ควบคุมได้ ข้อต่อหรือสิ่งต่างๆที่หละหลวมไม่มีอีกแล้ว ทุกคนต้องอยู่ในสถานกักตัวของรัฐก่อน ส่วนกรณีที่เพจแหม่มโพธิ์ดำ ระบุว่า “จากคอมเมนต์นึง เริ่มแล้วนำเข้าผู้ติดเชื้อ ทำให้ระบาดเบาๆรอบสอง เพื่อต่อ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน สกัดม็อบนักศึกษา” นั้น เนื้อหาที่เพจดังกล่าวโพสต์ ใกล้เคียงกับความจริงของกรณีเดินทางเข้าประเทศไทยในวันนั้น 600 คน แต่ที่บอกมีไข้สูง 40 คนนั้น ข้อมูลก็ใกล้เคียง แต่ไม่ใช่ไข้สูง แต่อยากใช้คำว่าเข้าเกณฑ์ PUI ขณะนี้สื่อมวลชนมีความสำคัญ จึงขอความร่วมมือในการพาดหัวข่าวอย่าหวือหวาเกินไป เพราะอาจทำให้เกิดความเข้าใจผิดสุขภาพปลอดโรคต้องมาก่อนเมื่อถามว่า ศบค.ให้น้ำหนักความปลอดภัยของคนไทย กับความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจ อันไหนมา ก่อนกัน นพ.ทวีศิลป์กล่าวว่า เราชัดเจนมาตลอดว่าเรายึดถือความปลอดภัยคนไทยมาเป็นอับดับหนึ่ง ดังนั้น มาตรการในกิจการ/กิจกรรมทุกส่วนเป็นตัวประกอบ การจะผ่อนคลายแต่ละระยะที่ผ่านมาเกิดจากการพิจารณาความปลอดภัยของคนไทยเป็นอันดับแรก ส่วนเศรษฐกิจเป็นเรื่องที่ให้ความสำคัญ แต่เป็นประเด็นถัดมา เพราะเห็นจากหลายประเทศที่ให้ความสำคัญเรื่องเศรษฐกิจ แต่เมื่อควบคุมโรคไม่ได้ มีการระบาด สุดท้ายก็ส่งผลเสียต่อเศรษฐกิจอยู่ดี ดังนั้น เราเอาสุขภาพและการปลอดโรคก่อน ผลตรวจคนระยองไร้เชื้อไวรัสต่อมา กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เผยแพร่รายงานผลตรวจหาเชื้อทางห้องปฏิบัติการโดยรถตรวจโรคติดเชื้อชีวนิรภัยพระราชทานของ ประชาชนในจังหวัดระยอง เมื่อวันที่ 17 ก.ค.ที่ผ่านมาจำนวน 1,374 คน ผล 1,369 คน ผลเป็นลบ อีก 5 คน อยู่ระหว่างรอผล ส่วนวันที่ 18 ก.ค.มาตรวจ 809 คน อยู่ระหว่างรอผลการตรวจ อย่างไรก็ตาม สธ.ตรวจหาเชื้อใน จ.ระยอง ไปแล้วกว่า 5,000 คน ให้ผลเป็นลบ เป็นหลักฐานที่บ่งชี้ได้ว่ามาตรการที่ทุกฝ่ายได้ดำเนินการร่วมกันสามารถจำกัดขอบเขตการระบาดได้ โอกาสที่จะพบการแพร่เชื้อจากทหารอียิปต์ในพื้นที่มีต่ำมาก และพื้นที่ระยองมีความเสี่ยงน้อย ประชาชนสามารถใช้ชีวิตปกติ แต่ยังต้องเข้มงวดมาตรการป้องกันอย่างเต็มที่เช่นเดิมระยองเปิด 274 โรงเรียนส่วนที่ห้องประชุมโรงเรียนมาบตาพุดพันพิทยาคาร อ.เมืองระยอง พญ.พรรณพิมล วิปุลากร อธิบดีกรมอนามัย สธ. นายศรีชัย พรประชาธรรม ผู้ตรวจราชการกระทรวงศึกษาธิการ นายสุเทพ เพชรมาก ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข เขตสุขภาพที่ 6 และผู้แทนหน่วยงานเกี่ยวข้อง ประชุมความพร้อมเปิดโรงเรียนใน จ.ระยอง หลังตรวจคัดกรองกลุ่มเสี่ยงไม่พบเชื้อโควิด-19 ผลประชุมให้เปิดการเรียนการสอนทั้งหมด 274 โรงเรียน ในวันที่ 20 ก.ค. โดยนายศรีชัยกล่าวถึงนักเรียนอาชีวศึกษาที่เข้าไปเที่ยวในสถานที่วันเวลาที่ผู้ป่วยมาเที่ยว แต่ไม่ได้ติดเชื้อ ก็ให้เรียนทางออนไลน์ไปก่อนจนกว่าจะครบระยะกักตัว 14 วันพบป่วย 5 คนต้องแจ้ง สธ.พญ.พรรณพิมล วิปุลากร อธิบดีกรมอนามัย กล่าวด้วยว่า วันนี้มีการทบทวนถ้ามีเคสผู้ป่วยเกิดขึ้นในชุมชน โรงเรียน เราแบ่งเป็น 2 กลุ่มใหญ่ กลุ่มแรก ไม่มีการสัมผัสกับผู้ป่วยแต่ต้องเฝ้าระวัง อีกกลุ่มเข้าไปในที่เสี่ยง เรามีข้อมูลเชื่อมโยงสาธารณสุขกับโรงเรียน ไม่ต้องกังวลใจเปิดโรงเรียนได้ตามปกติ ซึ่งนักเรียนเฝ้าสังเกตการณ์ครบ 14 วัน ก็กลับมาเรียนใช้ชีวิตได้ตามปกติ แต่ถ้ามีผู้ป่วยทางเดินหายใจตั้งแต่ 5 คนขึ้นไปในชุมชน ในโรงเรียน สาธารณสุขต้องเข้ามาตรวจโรคทันที พัฒนาสถานประกอบการต้านโควิดวันเดียวกัน ที่กระทรวงแรงงาน นพ.อนุพงษ์ สุจริยากุล นายแพทย์ทรงคุณวุฒิ กรมควบคุมโรค กล่าวในงานเสวนาเรื่อง โรคระบาดโควิด-19 กับการปฏิรูปการส่งเสริมสุขภาวะคนทำงานในสถานประกอบการ ที่จัดโดยสภาองค์การลูกจ้างพัฒนาเอกชนแห่งประเทศไทย (สพท.) เครือข่ายประกันสังคมคนทำงาน (คปค.) ว่า 52 วันที่ผ่านมา ไม่มีผู้ติดเชื้อในประเทศ เพราะคนไทยร่วมมือป้องกันการติดเชื้อ ทำให้ไทยประสบความสำเร็จ บางคนอาจมองว่าเป็นการใช้ยาแรงเกินไป แต่ถ้าไม่ทำแบบนั้นจะไม่สามารถมีวันนี้ได้ และในช่วงที่ยังต้องรอวัคซีน จะยังมีผลกระทบ โดยเฉพาะระบบเศรษฐกิจในระยะ 2-3 ปี และยังมีโอกาสกลับมาระบาดรอบ 2 จึงต้องมีความร่วมมือแบบไม่ตระหนกแต่ต้องตระหนัก ต้องปฏิบัติตามมาตรการป้องกันให้เป็นปกติ สร้างความตื่นตัวในการสร้างสุขอนามัย โดยกรมควบคุมโรคร่วมมือกับกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน พัฒนาสถานประกอบการต้นแบบต้านโควิดแบบนิวนอร์มอล โดยเลือกสถานประกอบการแต่ละขนาดเพื่อกำหนดแพ็กเกจ ขณะนี้อยู่ในช่วงสรุปโครงการพร้อมดูแลคนไทยในอุซเบฯด้าน นายเชิดเกียรติ อัตถากร อธิบดีกรมสารนิเทศ และโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงกรณีแรงงานไทยในอุซเบกิสถาน จำนวน 102 คน ประสงค์เดินทางกลับประเทศไทยว่า สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงมอสโก ซึ่งมีเขตอาณาดูแลประเทศอุซเบกิสถาน ได้ติดตามและประสานให้ความช่วยเหลือแรงงานไทยกลุ่มนี้ผ่านตัวแทนแรงงานไทยอย่างต่อเนื่อง และผ่านกงสุลกิตติมศักดิ์ไทยประจำอุซเบกิสถาน โดยสถานเอกอัครราชทูตฯ ได้ประสานบริษัทนายจ้างของแรงงานไทยและได้รับการยืนยันในการดูแลแรงงานไทยในสังกัดและปฏิบัติตามกฎหมายท้องถิ่นอย่างเคร่งครัดในการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โดยบริษัทได้จัดให้แรงงานทั้งหมดเข้าตรวจเชื้อโควิด-19 และไม่มีแรงงานไทยติดเชื้อ มีเพียง 2 คนที่ป่วยเป็นไข้หวัดธรรมดา และเกิดหวั่นวิตกหลังจากทราบข่าวว่ามีแรงงานชาติอื่นของบริษัทถูกนำไปกักตัว ส่วนเรื่องอาหาร ยังไม่พบว่าขาดแคลน แคมป์คนงานยังจัดอาหาร ที่พักเป็นปกติอยู่อาจต้องออกเงินค่าตั๋วให้กลับนายเชิดเกียรติ กล่าวอีกว่า ปัจจุบันอุซเบกิสถานยังไม่อนุญาตให้ประชาชนเดินทางข้ามระหว่างเขตและปิดประเทศ โดยสถานเอกอัครราชทูตอยู่ระหว่าง การประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อจัดเที่ยวบินสำหรับแรงงานไทยเดินทางกลับประเทศไทยในโอกาสแรก และยังประสานงานกับกระทรวงแรงงานของไทยเพื่อหาทางออก โดยเฉพาะเรื่องค่าใช้จ่ายในการเดินทางกลับไทย ซึ่งหากการเจรจากับบริษัทไม่สำเร็จ กระทรวงการต่างประเทศจะทดรองจ่ายค่าเดินทางให้กับแรงงานตามระเบียบราชการในการให้ความช่วยเหลือคนไทยที่ตกทุกข์ได้ยากต่อไป คนไทย–ต่างชาติเข้ามาอีกเพียบส่วนการเดินทางกลับเข้าประเทศของคนไทยและชาวต่างชาติจากทั่วโลก ผู้สื่อข่าวรายงานว่าที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ตั้งแต่ช่วงดึกของวันที่ 18 ก.ค.สายการบินเอมิเรตส์ เที่ยวบินที่ EK372 นำนักธุรกิจสัญชาติสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ 11 คน จากนั้นเวลา 05.51 น. วันที่ 19 ก.ค.สายการบินกัลฟ์แอร์ เที่ยวบินที่ GF152 นำคนไทยที่ตกค้างในกรุงมานามา ประเทศบาห์เรน จำนวน 240 คน พร้อมนักธุรกิจชาวอังกฤษกับครอบครัว 3 คน รวม 243 คน เดินทางมาถึง ซึ่งพบคนไทยมีไข้ 17 คน ต่อด้วยเวลา 16.15 น.สายการบินเอมิเรตส์ เที่ยวบินที่ EK2510 นำคนไทยในนครซิดนีย์ ออสเตรเลีย 245 คน พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่การทูต นักธุรกิจชาวต่างชาติ และชาวต่างชาติที่มีถิ่นพำนักในประเทศไทย ทั้งชาวออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ จีน มาเลเซีย เบลเยียม โรมาเนีย เกาหลีใต้ อังกฤษ ปากีสถาน อิตาลี และสวิตเซอร์แลนด์จำนวน 39 คน รวม 284 คน เข้าไทย จากนั้นเวลา 17.50 น. สายการบินสิงคโปร์แอร์ไลน์ เที่ยวบินที่ SQ976 นำคนไทยในเมืองโอ๊คแลนด์ นิวซีแลนด์ จำนวน 20 คน พร้อมด้วยนักธุรกิจชาวนิวซีแลนด์ 7 คน เดินทางเข้าไทย ในจำนวนนี้พบคนไทยมีไข้ 5 คน และเวลา 23.55 น.สายการบิน 9Air เที่ยวบินที่ AQ1007 นำนักธุรกิจชาวจีน จากเมืองกวางโจว ประเทศจีน มาถึง ซึ่งผู้ที่ตรวจพบมีไข้ทุกคน เจ้าหน้าที่ส่งตัวไปโรงพยาบาลตรวจหาเชื้อโควิด-19 อย่างละเอียดทันที นอกนั้นถูกส่งไปยังสถานกักตัวของรัฐและสถานกักตัวทางเลือก ใน กทม. นนทบุรี สมุทรปราการ และชลบุรีเตือนอย่าฉวยโอกาสขึ้นค่าห้องพักสำหรับความคืบหน้ามาตรการกระตุ้นท่องเที่ยว หลังสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ยอดการจองที่พักในโครงการเราเที่ยวด้วยกันวันแรก วันที่ 18 ก.ค.มีการจองแล้ว 3.6 ล้านคน เมืองหลักยังคงได้รับความนิยมสูง ส่วนแหล่งท่องเที่ยวระยะใกล้ มียอดจองสูงสุดในภาคตะวันออกและตะวันตก ประชาชนนิยมจองโรงแรมติดทะเลและส่วนใหญ่จะจองเพียง 1 คืน ส่วนแหล่งท่องเที่ยวระยะไกลที่ได้รับความนิยมสูงสุด คือภาคใต้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งจังหวัดกระบี่ ซึ่งนักท่องเที่ยวนิยมจองที่พักจำนวน 2 คืน ด้านระบบสมัครรับสิทธิ ระบบการแจ้งยอด และระบบชำระค่าห้องพัก ทุกอย่างเป็นไปด้วยความเรียบร้อยดี ทั้งนี้ รัฐบาลขอความร่วมมือและย้ำเตือนไปยังผู้ประกอบการโรงแรมที่พักว่าอย่าใช้โอกาสนี้ขึ้นราคาที่พัก หลังมีการร้องเรียนในโซเชียลมีเดียจำนวนมาก ซึ่งจะมีหน่วยงานเข้าไปตรวจสอบว่ามีการขึ้นราคาจริงหรือไม่ เพื่อป้องกันการเอาเปรียบนักท่องเที่ยว หากพบว่าโรงแรมมีการขึ้นราคาจริง โรงแรมจะถูกตัดสิทธิ์ในการเข้าร่วมโครงการทันที ลงทะเบียนรับสิทธิกว่า 4 ล้านคนด้านนายลวรณ แสงสนิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่าวันที่ 19 ก.ค.ซึ่งเป็นวันที่สองของการเปิดให้ผู้ที่ลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ เราเที่ยวด้วยกัน.com สำเร็จ สามารถจองสิทธิ์ส่วนลดที่พักโรงแรม ในการเดินทางไปท่องเที่ยวยังจังหวัดที่ไม่ใช่ภูมิลำเนาของตนเองได้ โดยเมื่อเวลา 18.00 น. มีผู้ใช้สิทธิ์จองที่พักโรงแรมและชำระเงินแล้วจำนวนร้อยละ 60 ของราคาที่พักโรงแรม จำนวน 66,121 สิทธิ์ จากจำนวนสิทธิ์ที่กำหนดไว้ไม่เกิน 5 ล้านสิทธิ์ ซึ่งเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของวันก่อน จำนวน 31,735 สิทธิ์ ขณะที่ยอดลงทะเบียนร่วมโครงการเราเที่ยวด้วยกัน ตั้งแต่วันที่ 15 ก.ค.ถึงปัจจุบัน มีผู้ลงทะเบียนแล้วรวมทั้งสิ้น 4 ล้านคนมีที่เที่ยวให้เลือกกว่าพันแห่งนายลวรณกล่าวอีกว่า ส่วนผู้ที่ลงทะเบียนไม่สำเร็จ 200,000 คน เนื่องมาจากระหว่างลงทะเบียนอาจจะสะกดชื่อ-นามสกุล วันเดือนปีเกิดหรือเลขที่บัตรประชาชน หรือรหัสหลังบัตรผิดที่ใดที่หนึ่ง จึงส่งผลให้ลงทะเบียนไม่สำเร็จ อย่างไรก็ตาม ในกรณีดังกล่าวสามารถลงทะเบียนใหม่ได้เลย ทั้งนี้ในมาตรการเราเที่ยวด้วยกัน มีผู้ประกอบการเข้าร่วมโครงการแล้วกว่า 34,434 แห่ง แบ่งเป็น โรงแรม 5,713 แห่ง ร้านอาหาร 27,593 ร้าน และสถานที่ท่องเที่ยว 1,128 แห่ง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คนที่ลงทะเบียนแล้วยังไม่รู้จะเดินทางไปไหน www.เราเที่ยวด้วยกัน.com ได้จัดทำทริปท่องเที่ยวไว้ 3 เส้นทาง 3 จังหวัด 2 วัน 1 คืน ดังนี้ 1.จังหวัดชัยภูมิ ได้แก่ อุทยานแห่งชาติป่าหินงาม น้ำตกเทพพนา น้ำตกเทพประทาน อุทยานแห่งชาติไทรทอง อุทยานแห่งชาติตาดโต อนุสาวรีย์พระยาภักดีชุมพล (แล) ภูพระ และอุทยานแห่งชาติภูแลนคา 2.จังหวัดจันทบุรี ได้แก่ อุทยานแห่งชาติน้ำตกพลิ้ว วนอุทยานเขาแหลมสิงห์ หาดแหลมสิงห์ วัดมังกรบุปผารามพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พาณิชย์นาวี จันทบุรี เป็นต้น และ 3.จังหวัดนครศรีธรรมราช อาทิ วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร บ้านหนังตะลุงสุชาติ ทรัพย์สิน บ้านคีรีวง หาดขนอม ถ้ำเขาวังทอง เป็นต้นอช.ดอยสุเทพ-ปุยคุมเข้มส่วนแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติที่คนนิยมไปเที่ยวอย่างอุทยานแห่งชาตินั้น นายวุฒิชัย โสมวิภาต หัวหน้าอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย อ.เมืองเชียงใหม่ เปิดเผยว่า ได้เปิดพื้นที่อุทยานให้เข้าชมได้แล้วรวม 7 แห่ง ได้แก่น้ำตกห้วยแก้ว น้ำตกมณฑาธาร น้ำตกแม่สา น้ำตกตาดหมอก น้ำตกหมอกฟ้า บริเวณสันกู่ และถ้ำฤาษี แต่ไม่อนุญาตให้ลงเล่นน้ำในน้ำตกทุกแห่ง และมีการจำกัดจำนวนนักท่องเที่ยวแต่ละช่วงเวลา กรณีที่นักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาเกินจำนวนที่กำหนดไว้ ทางอุทยานได้จัดเต็นท์และที่พักให้บริการเพื่อรอเข้าอุทยาน เมื่อนักท่องเที่ยวเข้ามาถึงอุทยานต้องมีการแสดงการจองคิวผ่านแอปพลิเคชัน QueQ แก่เจ้าหน้าที่ตรวจรหัสการจอง ก่อนเข้ารับการตรวจวัดอุณหภูมิร่างกาย บริการเจลแอลกอฮอล์ล้างมือ และชำระค่าธรรมเนียมเข้าอุทยาน นักท่องเที่ยวต้องสวมหน้ากากอนามัย รวมถึงเช็กอินและเช็กเอาต์ด้วยแอป “ไทยชนะ” ทุกครั้ง เร่งเกษตรกรกว่าแสนรายแจ้งบัญชีสำหรับการจ่ายเงินเยียวยาให้เกษตรกร นายกษาปณ์ เงินรวง รองผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 19 ก.ค. ธนาคารได้โอนเงินเยียวยาให้แก่เกษตรกรในงวดที่ 3 คือ เดือน ก.ค. ซึ่งเริ่มตั้งแต่วันที่ 15 ก.ค. จนถึงปัจจุบันรวมแล้ว 4.99 ล้านราย วงเงินกว่า 24,999 ล้านบาท ส่วนเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียน และปรับปรุงทะเบียนการทำเกษตรไว้ แต่ยังไม่ได้แจ้งเลขบัญชีมายังธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร จำนวน 128,539 รายนั้น ขอให้เร่งแจ้งบัญชีธนาคารของตนเองที่ www. เยียวยาเกษตรกร.com โดยด่วนภายในวันที่ 25 ก.ค.2563 เพื่อให้ ธ.ก.ส.สามารถจ่ายเงินทั้ง 3 งวด ให้ภายในเดือน ก.ค.นี้ ไม่เช่นนั้นจะได้เงินล่าช้าออกไปอีก สำหรับการโอนเงินให้เยียวยาให้เกษตรกรที่ผ่านมา ในงวดที่ 1 เดือน พ.ค. มีการโอนเงินให้เกษตรกรจำนวน 7.46 ล้านคน วงเงิน 37,305 ล้านบาท ส่วนงวดที่ 2 เดือน มิ.ย. จ่ายเงินให้เกษตรกร รวม 7.44 ล้านคน วงเงิน 37,217 ล้านบาท และงวดที่ 3 เดือน ก.ค.จ่ายเงินให้เกษตรกรแล้ว 4.99 ล้านคน วงเงิน 24,999 ล้านบาท รวมทั้ง 3 งวด จ่ายเงินเยียวยาให้เกษตรกรแล้ว 99,521 ล้านบาทโลกติดเชื้อใหม่ทุบสถิติรายวันสำหรับสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ใน 213 ประเทศและดินแดนทั่วโลก องค์การอนามัยโลก (WHO) รายงานเมื่อวันที่ 19 ก.ค.ว่า ยอดผู้ติดเชื้อรายใหม่ทั่วโลกตลอด 24 ชม.ที่ผ่านมา เพิ่มขึ้นอีก 259,848 ราย ถือว่าทำลายสถิติจากวันก่อนที่พบ 237,743 ราย ส่งผลให้ยอดผู้ติดเชื้อทั่วโลกสะสมอยู่ที่กว่า 14.44 ล้านราย มีผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 7,360 ราย ถือเป็นตัวเลขมากที่สุดในวันเดียวนับตั้งแต่วันที่ 10 พ.ค. ทำให้ทั่วโลกมีผู้เสียชีวิตรวมกว่า 6.05 แสนราย ผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขเชื่อว่า ตัวเลขจริงทั่วโลกน่าจะสูงกว่านี้เพราะการตรวจหาเชื้อไม่เพียงพอและมีปัญหาในการเก็บข้อมูลในบางประเทศ ขณะเดียวกัน มีผู้ป่วยที่รักษาหายกว่า 8.42 ล้านคน เท่ากับว่ายังคงมีผู้ป่วยรักษาตัวทั่วโลกราว 6 ล้านคนมะกันติดเชื้อวันเดียวกว่า 6 หมื่นคนด้านมหาวิทยาลัยจอห์น ฮอปกิ้นส์ ในสหรัฐอเมริกา รายงานการติดเชื้อในสหรัฐฯ รายวันเพิ่มขึ้น 60,027 ราย ทำให้ยอดผู้ติดเชื้อสะสมรวมกว่า 3.9 ล้านราย เสียชีวิตเพิ่มอีก 832 ราย ยอดสะสมที่ 142,877 ราย ทางรัฐเท็กซัส กับรัฐอริโซนา ศูนย์กลางการติดเชื้อในประเทศต้องนำรถบรรทุกห้องเย็นมาใส่ร่างผู้เสียชีวิตแทนเพราะสุสานฝังศพใกล้ล้นขณะเดียวกัน รัฐเท็กซัสยังพบทารกอายุไม่ถึง 1 ขวบ ติดเชื้อโควิด-19 จำนวน 85 ราย แต่ไม่เปิดเผยรายละเอียดว่าติดเชื้อได้อย่างไร นอกจากนี้ มีผู้ติดเชื้อรายใหม่พุ่งหลักหมื่นรายเป็นวันที่ 5 ติดต่อกัน เสียชีวิตอีก 130 ราย ทำให้ทั่วรัฐเท็กซัสมีผู้ติดเชื้อแล้ว 317,730 ราย เสียชีวิต 3,865 ราย แอฟริกาใต้ป่วยขึ้นอันดับ 5 โลกขณะเดียวกัน ยอดผู้ติดเชื้อในแอฟริกาใต้ ขึ้นเป็นอันดับ 5 ของโลกตามหลังสหรัฐอเมริกา บราซิล อินเดียและรัสเซีย โดยกระทรวงสาธารณสุขระบุพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 13,825 ราย รวมเป็น 350,879 ราย ศูนย์กลางการแพร่ระบาดอยู่ที่เขตจังหวัดกาวเต็ง ที่ตั้งของกรุงพริทอเรียและนครโยฮันเนสเบอร์ก ที่มีประชากร 1 ใน 4 ของพลเมืองทั่วประเทศ และประชากรส่วนมากอยู่กันอย่างแออัด ไม่ได้ปฏิบัติตามข้อแนะนำขององค์การอนามัยโลกเรื่องสุขอนามัยอินเดีย–ฮ่องกง ติดเชื้อใหม่พุ่งส่วนในเอเชีย กระทรวงสาธารณสุขเผยว่าในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา พบผู้ติดเชื้อรายใหม่อีก 38,902 ราย ทำให้ทั้งประเทศมีผู้ติดเชื้อรวม 1,077,618 ราย ขณะเดียวกัน จำนวนผู้ที่รักษาหายก็มากขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนถึงขณะนี้อยู่ที่ 677,422 ราย คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 62.82 ของผู้ป่วยทั้งหมด ขณะที่จีน ยืนยันพบผู้ติดเชื้อรายใหม่อีก 16 ราย แยกเป็น 13 รายที่เมืองอุรุมชี เขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์ ภาคตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศ และอีก 3 รายเป็นผู้ที่เดินทางกลับจากต่างประเทศ ด้านเกาหลีใต้ พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 34 ราย ซึ่งถือว่าต่ำกว่า 40 รายเป็นวันที่ 2 ติดต่อกัน ทำให้ยอดผู้ติดเชื้อสะสม 13,745 ราย เสียชีวิตยังอยู่ที่ 295 ราย ที่ฟิลิปปินส์พบผู้ติดเชื้อรายใหม่อีก 2,241 ราย รวมเป็น 67,456 ราย ผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 58 ราย รวมเป็น 1,831 ราย ส่วนที่ฮ่องกงสถานการณ์เริ่มกลับมาน่าเป็นห่วงอีกครั้ง หลังพบผู้ติดเชื้อรายใหม่กว่า 100 ราย ทำให้สะสมอยู่ที่ 1,788 ราย ทำให้นางแคร์รี่ แลม ผู้บริหารเขตบริหารพิเศษฮ่องกง สั่งใช้มาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมใหม่ออสซี่บังคับสวมหน้ากากนายดาเนียล แอนดริวส์ นายกรัฐมนตรีรัฐวิกตอเรีย ในออสเตรเลีย แถลงทางโทรทัศน์ให้ประชาชนทุกคนในเมืองเมลเบิร์นและปริมณฑลมิตเชลล์ ไชร์ ต้องสวมหน้ากากทุกครั้งเวลาออกจากบ้าน หากใครไม่ปฏิบัติตามจะถูกปรับเป็นเงิน 200 ดอลลาร์ออสเตรเลีย หรือราว 4,400 บาท ถือเป็นแห่งแรกในออสเตรเลียที่บังคับให้ใส่หน้ากาก รวมถึงมีคำสั่งล็อกดาวน์ 10 วัน หลังรัฐวิกตอเรีย พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 363 ราย เสียชีวิตเพิ่มอีก 3 ราย ทำให้ทั่วประเทศมีผู้ติดเชื้อเกือบ 12,000 ราย เสียชีวิตรวม 122 ราย