ดร.อรรถพล ตรึกตรอง เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (กช.) กล่าวว่า ตามที่สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) ได้ตั้งคณะทำงานจำนวนกว่า 1,000 ชุด ลงพื้นที่ตรวจสอบโรงเรียนในสังกัด สช.ทั้งในและนอกระบบนั้น ขณะนี้ยังตรวจสอบไม่ครบถ้วน ขาดข้อมูลโรงเรียนอยู่ประมาณ 30 โรง แต่จากการรายงานเบื้องต้นพบว่า ขณะนี้มีโรงเรียนเอกชนในระบบที่ไม่มีนักเรียนเรียนอยู่เลย แต่ยังไม่ได้ดำเนินการขอเลิกการเปิดสถานศึกษา จำนวนกว่า 120 แห่งทั่วประเทศ ซึ่งขั้นตอนต่อไป สช.จะดำเนินการแจ้งให้ผู้ถือใบอนุญาตทราบ และดำเนินการขอเลิกการจัดตั้งสถานศึกษา หากแจ้งแล้วไม่มีความเคลื่อนไหว สช.ก็จำเป็นที่จะต้องตั้งคณะกรรมการควบคุมโรงเรียนกลุ่มนี้ เพื่อสั่งเพิกถอนใบอนุญาต สำหรับกลุ่มโรงเรียนนอกระบบพบว่ามีโรงเรียนที่ไม่ได้ดำเนินกิจการแล้ว แต่ยังคงมีใบอนุญาตอยู่ ยังไม่ได้ขอเลิกกิจการ จำนวนกว่า 2,000-3,000 แห่ง ซึ่งก็จะดำเนินการตามขั้นตอนเช่นเดียวกับโรงเรียนในระบบ อย่างไรก็ตาม จากปัญหาที่พบ สช. จึงเตรียมที่จะเสนอคณะกรรมการ กช.ให้ปรับแก้กฎกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ให้มีการต่ออายุใบอนุญาตจัดตั้งโรงเรียนเอกชน ไม่ใช่ให้เป็นการถาวรเหมือนที่ผ่านมา ซึ่งการดำเนินการในลักษณะนี้จะช่วยตรวจสอบโรงเรียนเอกชนทั้งในและนอกระบบ ป้องกันปัญหาเรื่องโรงเรียนเถื่อน รวมทั้งปกป้องกลุ่มโรงเรียนที่ทำถูกต้องตามกฎหมายด้วยเลขาธิการ กช. กล่าวอีกว่า จากสถานการณ์เศรษฐกิจในปัจจุบันส่งผลให้โรงเรียนเอกชนในระบบส่วนใหญ่ได้รับผลกระทบทั้งสถานะทางการเงิน และอื่นๆ ซึ่งตนจะเสนอให้มีการปรับแก้กฎกระทรวงศึกษาธิการที่เกี่ยวข้องกับเรื่องการประกอบกิจการอื่นๆ ที่เดิมมีข้อกำหนดที่ห้ามมิให้โรงเรียนเอกชนในระบบดำเนินการประกอบกิจการอื่นๆภายในโรงเรียน ดังนั้นสช.จึงเตรียมหารือเพื่อแก้ไขกฎ ศธ.ดังกล่าวให้มีข้อยกเว้น เนื่องจาก สช.ต้องการให้โรงเรียนสามารถใช้สถานที่ไปดำเนินกิจการต่างๆที่ไม่เป็นอุปสรรค หรือรบกวนการจัดการเรียนการสอนในช่วงเวลาปกติ เช่น การอบรมหลักสูตรระยะสั้น เป็นต้น ซึ่งถือเป็นกลยุทธ์ที่โรงเรียนจะสามารถหารายได้ในช่วงปิดภาคเรียน โดยจะครอบคลุมไปถึงกลุ่มสถาบันอาชีวศึกษาเอกชนด้วย ทั้งนี้ ตนจะเสนอให้คณะกรรมการ กช.พิจารณาในเร็วๆนี้.