ท่านผู้อ่านคงทราบแล้วว่า รัฐบาลจะมีการจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจไทยหลังโควิด–19 ขึ้น ซึ่งเป็นผลมาจากข้อเสนอของพวกเราชาวไทยรัฐกรุ๊ป เมื่อวันที่ท่านนายกรัฐมนตรีเดินทางมาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับพวกเราสัปดาห์ที่แล้วเหตุผลที่พวกเราเสนอท่านเช่นนี้ ก็สืบเนื่องมาจากประสบการณ์ที่พวกเราอยู่ในแวดวงข่าวสารมายาวนาน ได้พบเห็นความสำเร็จของการจัดตั้ง “ศูนย์ปฏิบัติการ” เพื่อแก้ปัญหาสำคัญๆต่างๆมาหลายครั้งตัวอย่างปัจจุบันที่เห็นชัดเจนที่สุดก็คือการจัดตั้ง ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ ศบค. ที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงยิ่งนี่แหละส่วนตัวอย่าง หรือประสบการณ์ในอดีตที่ประสบความสำเร็จก็มีในหลายๆเหตุการณ์ แต่ที่ยังอยู่ในความทรงจำของพวกเราที่ทำข่าวเศรษฐกิจมายาวนานก็คือ การตั้ง “วอร์รูม” เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจภายหลังประกาศลดค่าเงินบาทครั้งใหญ่ในยุค “ป๋าเปรม” พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ เป็นนายกรัฐมนตรี เมื่อ พ.ศ.2528กล่าวโดยสรุปก็คือ เมื่อ พ.ศ.2526-2527 ประเทศไทยประสบปัญหาเศรษฐกิจถดถอยอย่างต่อเนื่อง และก็เลือกทางแก้ปัญหาด้วยการลดค่าเงินบาทหลายครั้งจนมาถึงวันที่ 2 พฤศจิกายน 2527 ปู่ สมหมาย ฮุนตระกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ก็ประกาศลอยค่าเงินบาทแบบทิ้งทวน ส่งผลให้เงินบาทไทยอ่อนตัวลงจาก 23 บาทต่อ 1 เหรียญสหรัฐฯ กลายเป็น 27 บาทต่อ 1 เหรียญสหรัฐฯ หรือลดลงไป 14.8 เปอร์เซ็นต์ทำให้เกิดเหตุการณ์ “วันลอยกระทง” เมื่อพลเอกอาทิตย์ กำลังเอก ผบ.สส. และ ผบ.ทบ. ในขณะนั้น ออกมาให้สัมภาษณ์วิจารณ์รัฐบาลอย่างดุเดือดทางโทรทัศน์ช่อง 5แต่ป๋าเปรมก็จัดการจนทุกสิ่งทุกอย่างเรียบร้อย ทำให้รัฐบาลยังอยู่ได้และเดินหน้าต่อไปต่อมาในคืนวันที่ 31 ธันวาคม 2527 อันเป็นคืนส่งท้ายปีเก่านั้นเอง พล.อ.เปรมก็ออกมากล่าวสุนทรพจน์ปีใหม่ และเป็นสุนทรพจน์ที่ไม่เพียงแค่อวยพรปีใหม่เท่านั้น แต่ยังบอกประชาชนด้วยว่า รัฐบาลจะทำอะไร และอยากให้ประชาชนทำในเรื่องใดป๋ากล่าวตอนหนึ่งว่า ลดค่าเงินบาทแล้วทำให้ประชาชนส่วนหนึ่งเดือดร้อน แต่ก็จะทำให้อีกหลายส่วนดีขึ้น และได้ประโยชน์มากขึ้น โดยเฉพาะภาคส่งออกและการท่องเที่ยว ดังนั้นท่านจะสั่งการให้ สภาพัฒน์ ไปจัดทำมาตรการเพื่อใช้ประโยชน์จากการลดค่าเงินบาทให้มากที่สุด กลับมาเสนอท่านภายใน 30 วันพอวันที่ 3 มกราคม 2528 ป๋าเปรมก็สั่งตั้ง ศูนย์ปฏิบัติการเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังลดค่าเงินบาท ขึ้นมาทันทีมอบหมายให้ ดร.เสนาะ อูนากูล เลขาธิการสภาพัฒน์ เป็นประธานศูนย์ร่วมกับผู้ว่าการแบงก์ชาติคนใหม่ คุณกำจร สถิรกุล และให้ คุณโฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ ผู้ช่วยเลขาธิการสภาพัฒน์ ใน พ.ศ.ดังกล่าว เป็นเลขานุการศูนย์อีก 30 วันต่อมา ศูนย์นี้ภายใต้การกำกับของ ดร.เสนาะ อูนากูล และคุณกำจร สถิรกุล ก็เสนอ 24 มาตรการ เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจต่อป๋าเปรมได้ตามกำหนดศูนย์ปฏิบัติการเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังลดค่าเงินบาท (ชื่อที่แท้จริงคงต้องตรวจสอบกันอีกครั้ง) ทำหน้าที่อย่างได้ผล จัดประชุมกรรมการที่เกี่ยวข้องกับมาตรการทั้ง 24 ข้อ แบบวันต่อวันได้มติอะไรก็นำไปผลักดันต่อ ผ่าน ครม.เศรษฐกิจ ซึ่งมีป๋าเปรม เป็นประธาน เช่นเดียวกับพลเอกประยุทธ์ยุคนี้เพียงปีเศษๆเท่านั้นทุกอย่างก็ “ฉลุย” เศรษฐกิจไทยกลับมาเจริญรุ่งเรือง จนนิตยสาร ไทมส์ และ นิวสวีก ฉบับเอเชีย พาดหัวหน้า 1 ยกให้ไทยเป็น “เสือเศรษฐกิจตัวที่ 5 แห่งเอเชีย”แม้เศรษฐกิจตกต่ำครั้งนี้จะหนักหนาสาหัสกว่ายุคป๋าเปรม 10 หรือ 20 เท่า การเอาชนะจึงไม่ใช่เรื่องง่ายๆแต่ถ้าใจสู้และทำทุกอย่างอย่างมีแบบมีแผน และคอยมีศูนย์ปฏิบัติการเป็นแกนในการเชื่อมโยงขับเคลื่อน จะช่วยผ่อนหนักเป็นเบาลงได้ประสานักข่าวรุ่นเก่าที่ทำข่าว “วอร์รูม” ยุคป๋าเปรมมาอย่างใกล้ชิด ผมขอเอาใจช่วยให้ “วอร์รูม” ของบิ๊กตู่ประสบความสำเร็จเช่นกันแฮ่ม! อย่าลืมจุดธูปบอกป๋าเปรมด้วยนะครับ เผื่อป๋าจะส่งใจจากสวรรค์เบื้องบนมาช่วยบิ๊กตู่อีกแรงน่ะครับ.“ซูม”