อีกไม่นานคงได้เห็นหน้าตาของ “โผนายพลตำรวจ” โดยเฉพาะตำแหน่ง “พิทักษ์ 1” เข้ามาทำหน้าที่ผู้นำตำรวจคนที่ 12 ต่อจาก “บิ๊กแป๊ะ” พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ที่ถือว่าเป็นอีกหน้าของประวัติศาสตร์กรมตำรวจและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ครองตำแหน่ง ผบ.ตร.ยาวนานที่สุดกว่า 5 ปี ตลอดเวลาที่อยู่ในตำแหน่ง “บิ๊กแป๊ะ” ได้สร้างผลงานมากมายทั้งการสืบสวนคลี่คลายคดีสำคัญ บำบัดทุกข์ บำรุงสุข เป็นที่พึ่งสุดท้ายพี่น้องคนไทย เสริมสร้างสวัสดิการตำรวจชั้นผู้น้อยเป็น ผบ.ตร.ที่ทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่ตำรวจในสถานการณ์หน้าสิ่วหน้าขวาน ทำให้ภาพลักษณ์ของตำรวจเป็นที่เชื่อมั่นและศรัทธาอย่างมากคนที่จะขึ้นมาทดแทนตำแหน่ง ผบ.ตร.ต่อจาก “บิ๊กแป๊ะ” เป็นเรื่องที่ยากในการตัดสินใจของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ ประธานคณะกรรมการนโยบายตำรวจ แห่งชาติ หรือ ก.ต.ช. เป็นผู้ให้ความเห็นชอบผู้ที่เข้ามาดำรงตำแหน่ง ผบ.ตร.คนใหม่ สานต่อนโยบายของรัฐบาล ทำหน้าที่ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ปีนี้มีรายชื่อนายตำรวจระดับ พล.ต.อ.-พล.ต.ท. ครบวาระ เกษียณหลายตำแหน่ง ไล่ลงมาตั้งแต่เก้าอี้ ผบ.ตร. พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. รอง ผบ.ตร. พล.ต.ท.ชัยวัฒน์ เกตุวรชัย รอง ผบ.ตร. ส่วนตำแหน่ง ผู้ช่วย ผบ.ตร. ปีนี้ไม่มีคนที่ครบวาระเกษียณพ้นจากตำแหน่งทำให้ตำแหน่ง รอง ผบ.ตร.ว่างเพียง 2 ตำแหน่ง ผู้ช่วย ผบ.ตร.ว่าง 5 ตำแหน่ง แม้ไม่มีคนครบเกษียณราชการ ก่อนหน้าขยับผู้ช่วย ผบ.ตร. 3 ตำแหน่งที่ถูกดันขึ้นตำแหน่งที่ปรึกษาพิเศษ ตร. ได้แก่ พล.ต.อ.ศตวรรษ หิรัญบูรณะ พล.ต.อ.ศักดา ชื่นภักดี พล.ต.อ.ณัฐธร เพราะสุนทร ทำให้ตำแหน่งผู้ช่วย ผบ.ตร.ว่างลง 3 ตำแหน่ง และอีก 2 ตำแหน่งที่ขยับ ผู้ช่วย ผบ.ตร.ขึ้นแทนตำแหน่ง รอง ผบ.ตร.ที่ว่าง ผบช.ปีนี้ครบวาระเกษียณ 5 ตำแหน่ง ได้แก่ พล.ต.ท.เจริญวิทย์ ศรีวนิชย์ ผบช.ภ.4 พล.ต.ท.พูลทรัพย์ ประเสริฐศักดิ์ ผบช.ภ.3 พล.ต.ท.พิทยา ศิริรักษ์ จตร. (หน.จต) พล.ต.ท.มนตรี สัมปุณญานนท์ ผบช.สตส. พล.ต.ท.วิฑูรย์ นิติวรางกูล นายแพทย์ใหญ่ (สบ.8) รพ.ตร. และคนขยับเลื่อนขึ้นผู้ช่วย ผบ.ตร.แทนตำแหน่งว่าง 5 ตำแหน่ง จะทำให้มีตำแหน่ง ผบช.ว่างลง 10 ตำแหน่งตามขั้นตอน ผบ.ตร.คนเก่าที่ครบวาระเกษียณจะต้องเป็นผู้เสนอชื่อ รอง ผบ.ตร.ที่เหมาะสมเข้าที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ หรือ ก.ต.ช.เพื่อให้ความเห็นชอบไม่น่าเกินปลายเดือน ก.ค.ล่าสุด ผบ.ตร.เปิดทางให้ รอง ผบ.ตร. แสดงวิสัยทัศน์ก่อนเสนอชื่อ ผบ.ตร.คนใหม่ เพื่อให้รอง ผบ.ตร.ทุกคนได้แสดงทัศนคติ ความเหมาะสมเมื่อขึ้นมาเป็น ผบ.ตร.ภายในวันที่ 10 ก.ค.เท่ากับว่านโยบายของรัฐบาลไม่ได้ขีดเส้น “กฎเหล็ก” ในเรื่องความอาวุโสอย่างเดียว เปิดโอกาสทุกคนเข้าชิง พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ นรต.รุ่น 36 ลูกชาย พล.ต.อ.แสวง ธีระสวัสดิ์ อดีต อ.ตร ชื่อชั้นเชิงสืบสวนและอาวุโส พล.ต.อ.มนู เมฆหมอก นรต.รุ่น 38 อดีตนายเวร พล.ต.อ.สันต์ ศรุตานนท์ อดีต ผบ.ตร. ที่ถนัดงานบริหาร พล.ต.อ.ชนสิษฎ์ วัฒนวรางกูร ลูกชาย พล.ต.อ.สนอง วัฒนวรางกูร อดีตรอง ผบ.ตร. และสามี นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร อดีต รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา ที่อยู่มาหลายหน่วย พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข นรต.รุ่น 36 รุ่น พล.ต.อ.จักรทิพย์ และเตรียมทหารรุ่น 20 ของ “บิ๊กแดง” พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ. ที่เติบโตในสายงานสืบสวนและรับผิดชอบงานด้านความมั่นคง แต่ละคนกว่าจะก้าวข้ามมาเป็น รอง ผบ.ตร.ล้วนมีความรู้ความสามารถ ประสบการณ์ สร้างสมผลงาน แต่มีความถนัดแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับผู้มีอำนาจจะหยิบข้อเด่นของใครขึ้นมาวางตัวเข้ามารับผิดชอบงานตำรวจขึ้นอยู่กับที่ว่า จะให้ “กรมปทุมวัน” เดินหน้าขับเคลื่อนไปในทิศทางไหนคนที่เลือกวางตัว ผบ.ตร.มองเห็นความสำคัญของ “ภาวะผู้นำ” ที่มีผลต่อขวัญกำลังใจของเหล่าพลพรรคสีกากี ที่มีภารกิจสำคัญหลายด้านโดยเฉพาะ บำบัดทุกข์ บำรุงสุข ให้กับพี่น้องประชาชนคนไทยด้วยหรือไม่ที่สำคัญตำแหน่งผู้นำสูงสุด ผบ.ตร.มีความสำคัญในทุกภารกิจของรัฐบาล เก้าอี้ ผบ.ตร. น่าจะเป็นการเบียดคู่คี่ พล.ต.อ.มนู ซึ่ง ผบ.ตร.ไว้ใจให้ดูแลงานบริหาร ที่มีแรงส่งลงมา พล.ต.อ.สุวัฒน์ ที่ทำงานความมั่นคงให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พล.ต.อ.สุชาติ เพื่อนร่วมรุ่น ผบ.ตร.อีกคน นักสืบคนดัง คุมงานปราบปรามยาเสพติดเป็นตัวสอดแทรกน่าจะเป็นความหนักใจของผู้ที่มีอำนาจเลือกผู้นำตำรวจรอง ผบ.ตร. ที่ว่าง 2 ตำแหน่ง มี “ม้ามืด” พล.ต.ท.เพิ่มพูน ชิดชอบ ผู้ช่วย ผบ.ตร. น้องชาย นายเนวิน ชิดชอบ ผู้มีบารมีพรรคภูมิใจไทย ที่ขยันลุยงานตรวจเยี่ยมช่วงโควิด-19 พล.ต.ท.ปิยะ อุทาโย ผู้ช่วย ผบ.ตร. นรต.รุ่น 38 เพื่อนร่วมรุ่นเตรียมทหาร 22 ของ พล.ท.ธรรมนูญ วิถี แม่ทัพภาคที่ 1 ซึ่ง พล.ต.ท.ปิยะ ทำหน้าที่โฆษก ตร. มีส่วนดูแลควบคุมภาพรวมสถานการณ์โควิด-19 และปราบปรามหนี้นอกระบบ ซึ่งเป็นนโยบายสำคัญของรัฐบาล พล.ต.ท.ดำรงศักดิ์ กิติประภัสร์ ผู้ช่วย ผบ.ตร. นรต.รุ่น 38 รับผิดชอบภาพรวมงานจราจรและปราบเด็กแว้น ทำให้ทุกพื้นที่แทบไม่มี “เด็กแว้น” โผล่มาแข่งรถซิ่งป่วนเมืองสร้างความรำคาญใจ มี พล.ต.ท.วิสนุ ปราสาททองโอสถ ผู้ช่วย ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.รอย อิงคไพโรจน์ ผู้ช่วย ผบ.ตร. นรต.รุ่น 40 เป็นตัวเลือกผู้ช่วย ผบ.ตร.ที่ว่าง 5 ตำแหน่ง พล.ต.ท.ธนา ชูวงศ์ ผบช.ภ.7 นรต.รุ่น 42 อดีตนายเวร พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ อดีต ผบ.ตร. ที่วางระบบงานตำรวจภาค 7 พล.ต.ท.ชินภัทร สารสิน ผบช.ปส. ลูกชาย พล.ต.อ.เภา สารสิน อดีต อ.ตร. ที่โชว์ผลงานปราบปรามยาเสพติด พล.ต.ท.รณศิลป์ ภู่สาระ ผบช.ภ.9 นรต.รุ่น 36 เพื่อนร่วมรุ่น ผบ.ตร. ที่ทุ่มเททำงานอยู่ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ พล.ต.ท.ไกรบุญ ทรวดทรง ผบช.สยศ. นรต.รุ่น 39 ที่มีส่วนสำคัญในโครงการ “จิตอาสา” และดูแลภาพรวมคดีอาชญากรรมของ ตร. และ พล.ต.ท.สุทิน ทรัพย์พ่วง ผบช.ก. นรต.รุ่น 37 ที่ดูแลภารกิจพิเศษและงานสืบสวนคดีสำคัญเปิดทางให้ พล.ต.ต.ต่อศักดิ์ สุวิมล รอง ผบช.ก. ลูกหม้อกองปราบปรามขยับเป็น ผบช.ก. พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผบช.น. นรต.รุ่น 38 ที่รับผิดชอบงานสำคัญหลายด้านได้อย่างลงตัวอยู่ที่เดิมขณะนี้ “โผนายพล” อยู่ในเงื้อมมือของผู้มีอำนาจ ทุกตำแหน่งตั้งแต่ ผบ.ตร.จนถึง ผบช. เป็นตำแหน่งสำคัญ เป็นตำแหน่งผู้บริหารทำหน้าที่ผู้นำหน่วยตำรวจ เป็นคนเรียกพลังในตัวกำลังพลออกมาใช้ได้อย่างเต็มกำลังความสามารถและทรงพลัง ทั้งในภาวะปกติและในภาวะวิกฤติ ถือว่าเป็นมือไม้สำคัญของ ผบ.ตร.หากหน่วยไหนที่ได้ผู้นำที่ไม่มี “จิตวิญญาณ” ความเป็นผู้นำเพียงพอ ขาดคุณธรรมในการปกครอง ไม่สามารถปลุกปลอบขวัญกำลังใจ สร้างความฮึกเหิมให้กับกำลังพลได้ กำลังพลในหน่วยไม่มีจิตใจที่จะต่อสู้เสียขวัญโอกาสกองทัพจะถูกตีแตกพ่ายได้ง่าย.ทีมข่าวอาชญากรรม