สิงคโปร์จัดการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรก่อนกำหนดเมื่อ 10 ก.ค. ท่ามกลางมาตรการยับยั้งการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 สุดเข้มงวด โดยมีผู้มีสิทธิลงคะแนนราว 2.65 ล้านคน จากประชากรทั้งหมดราว 5.8 ล้านคน มีพรรคการเมืองแข่งขัน 11 พรรค เพื่อชิง ส.ส. 93 ที่นั่ง คูหาเลือกตั้งเปิดเวลา 08.00 น. ปิดเวลา 20.00 น. ใช้เวลา 12 ชม. คาดว่าจะรู้ผลการเลือกตั้งขั้นต้นในเย็นวันเดียวกันและขั้นสุดท้ายในเช้าวันรุ่งขึ้นทางการใช้มาตรการป้องกันโควิด-19 สุดเข้มงวด รวมทั้งมีการฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อที่คูหาเลือกตั้งทุก 30 นาที เพิ่มคูหาเลือกตั้งจาก 880 แห่ง เป็น 1,100 แห่ง จัดสรรเวลาให้ผู้สูงอายุ 65 ปีขึ้นไปลงคะแนนก่อนในช่วงเช้า 4 ชม.แรก ให้ผู้ไปลงคะแนนเว้นระยะห่างกันอย่างน้อย 1 เมตร ต้องตรวจวัดอุณหภูมิ สวมถุงมือ หน้ากากและเฟซชีลด์ ใช้น้ำยาฆ่าเชื้อที่มือ ใช้เวลาหย่อนบัตรไม่เกิน 5 นาที ผู้ป่วยโควิด-19 และผู้ถูกกักตัวที่บ้านห้ามไปลงคะแนนการเลือกตั้งครั้งนี้เป็นการวัดใจประชาชนว่าพอใจผลงานรัฐบาลพรรคกิจประชาชน (พีเอพี) ของนายกฯ ลี เซียน ลุง ในการรับมือโควิด-19 ได้ดีขนาดไหน รวมทั้งเรื่องการจ้างงาน แรงงานต่างด้าวและเศรษฐกิจ เพราะคาดว่าโควิด-19 จะทำให้เศรษฐกิจของสิงคโปร์ ศูนย์กลางการค้าการเงินของเอเชียถดถอยถึง 7% ในปีนี้อย่างไรก็ตาม คาดว่าพีเอพีซึ่งผูกขาดกุมอำนาจตั้งแต่นายลี กวน ยู ผู้นำคนแรก บิดาของลี เซียน ลุงก่อตั้งประเทศในปี 2508 จะชนะขาดลอย เพราะประชาชนส่วนใหญ่ต้องการเสถียรภาพ แต่ฝ่ายค้านหวังว่าจะได้ ส.ส. เพิ่มขึ้น ซึ่งแม้เพียงเล็กน้อยก็จะบีบให้รัฐบาลเปลี่ยนนโยบายครั้งใหญ่ได้ หลังการเลือกตั้งปี 2558 พีเอพีได้คะแนน 69.9% ได้ ส.ส. 93% แต่ถูกครหาเป็นเผด็จการ ปิดปากสื่อ ใช้กฎหมายกดขี่และฟ้องคดีแพ่งเล่นงานฝ่ายตรงข้ามก่อนการเลือกตั้ง นายลี เซียน หยาง น้องชายของนายกฯ ลี เซียน ลุง ที่ขัดแย้งกับพี่ชายยังไปเข้าร่วมกับพรรคฝ่ายค้าน หลังกล่าวหาพีเอพีกลายเป็นพรรคของคนชั้นสูง แต่เขาไม่ได้ลงสมัครรับเลือกตั้งเองสิงคโปร์เป็นประเทศแรกในอาเซียน แต่ไม่ใช่ชาติแรกในเอเชียที่จัดการเลือกตั้งท่ามกลางวิกฤติโควิด-19 โดยเดือนที่แล้วมองโกเลียก็จัดการเลือกตั้ง หลังการเลือกตั้งในเกาหลีใต้เมื่อเดือน เม.ย. ซึ่งต่างใช้มาตรการป้องกันโควิด-19 สุดเข้มงวด ส่วนสถานการณ์โควิด-19 ในสิงคโปร์ยังน่าวิตก เพราะตั้งแต่ เริ่มผ่อนคลายล็อกดาวน์เมื่อสัปดาห์ก่อน มีผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้นรอบใหม่เป็นตัวเลข 2 หลักมาตลอด นอกเหนือจากผู้ติดเชื้อในหอพักแรงงานต่างด้าว ซึ่งยังสูงมาก โดยเมื่อ 10 ก.ค. สิงคโปร์มีผู้ติดเชื้อ 45,614 ราย แต่เสียชีวิตแค่ 26 ราย.
