เรื่องของป่าหิมพานต์ที่ผู้ใหญ่เล่าให้ฟัง มีต้นไม้ชื่อมักกะลีผล อีกชื่อนารีผล ออกผลเป็นรูปร่างผู้หญิงสวย มีพวกพิทยาธรไปรอแย่งกันโคนต้น ฟังได้ว่าก่อนเหี่ยวเฉาใช้การแทนผู้หญิงได้ราว 7 วันพิทยาธรเป็นใคร พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตสถานอธิบาย ระดับต่ำกว่าเทวดา เหาะเหินเดินอากาศได้ เป็นคนรับใช้พระอิศวรอยู่แถวๆ เขาหิมาลัยนอกจากชอบมักกะลีผล พิทยาธรยังเป็นพระเอกในนิทานอีกเรื่อง เรื่องนี้ชื่อเพี้ยน คนเล่าเรียกเพชรพญาธร เล่าให้เด็กรุ่นสาวฟัง ระวังตัวกลัวไว้ วันดีคืนดีจะมีเพชรพญาธรเหาะมาหาระหว่างลุงผู้เฒ่าเล่าเรื่องเพชรพญาธร ลูกสาวเศรษฐีฟังแล้วทำตาปรอยๆบังเอิญ “ไอ้เหมือน” คนใช้ในบ้านเศรษฐี ที่แอบหมายตาลูกสาว เจ้านายมานานเห็นเข้าดึกคืนหนึ่ง เพชรพญาธรแต่งหน้าทาปากสวมมงกุฎเหมือนพระเอกลิเก ปีนหน้าต่างขึ้นห้องลูกสาวเศรษฐี แน่อยู่แล้วเพชรพญาธรมาโปรด เพชรพญาธรจะทำอะไร สาวก็เงียบเข้าไว้ไม่กระโตกกระตากแต่ก็มีเรื่องให้คาใจสงสัย รอโอกาสปลอดคน สาวก็เข้าไปหาผู้เฒ่า เล่าเรื่องเพชรพญาธรจบแล้วถาม“ลุงจ๋า ทำไม? เพชรพญาธรหน้าจึงเหมือน “ไอ้เหมือน” ซะเหลือเกิน”นิทานเรื่องนี้ ดูจะไปกันได้กับเรื่องต่อไป วงการแพทย์สมัยโบราณ เชื่อกันว่า การที่เด็กสาวมีระดูก็เพราะพิทยาธรแอบมาสมสู่สุริสา มุ่งมาตร์มิตร เขียนเรื่องนี้ไว้ในหนังสือ “ซ่อนเร้นไม่ซ่อนลับ” เกร็ดไสยศาสตร์ในประวัติศาสตร์ไทย (สำนักพิมพ์ ยิปซี พ.ศ.2555) ว่า ความไม่เข้าใจปรากฏการณ์ธรรมชาติ ทำให้ฝนตกฟ้าร้องเป็นผลงานของภูตผีอาการเจ็บป่วยที่ไม่มีที่มาที่ไป ก็ย่อมไม่พ้นเป็นพลังอำนาจของสิ่งที่มองไม่เห็นวิชาการแพทย์ และการปรุงยาสมัยโบราณ แยกกันไม่ออกจากวิชาไสยศาสตร์ เริ่มจากเข้าป่าเก็บสมุนไพร หมอจะต้องรู้จักวิธีไหว้ขออนุญาตเจ้าป่าเจ้าเขา และการบวงสรวงเชิญสรรพคุณยามาใช้ ที่เรียกว่าการ“พลี”การขอดอกจำปาจากต้นไปใช้ เป็นเครื่องยารักษาโรคเลือดระดูของสตรีวัยทอง ที่เรียกการ “พลีจำปา” หมอต้องนำดอกไม้ธูปเทียน หมากพลู 1 คำ ไปที่โคนต้นจำปาแล้วกล่าวคำขอ“หมอร่อง หมอแร่ง จะพาไปรักษาคนไข้ชื่อ...นามสกุล...หมอไปรักษาหน่อยนะ หายไหม หายนะ”การพลีใบแมงมุม หรือการเก็บใบแมงมุมมาปิดปากแผลสด ห้ามเลือด ลดการอักเสบ ก่อนจะสาวใบแมงมุม หมอก็ร้องกล่าวคำขอ...เช่นเดียวกันผ่านขั้นตอนเก็บยามาสู่การปรุงยา ไม่พ้นพิธีไสยศาสตร์ ตั้งแต่ลงยันต์บนชิ้นส่วนยา ลงยันต์ก้นหม้อยามาถึงการต้มยา หมอสานชิ้นไม้ไผ่เล็กๆเป็นลวดลาย ที่เรียกว่า “เฉลว” ปักไว้บนฝาหม้อยาต้มทุกหม้อของหมอโบราณ มีเฉลวปัก หมอแพทย์แผนไทยรุ่นใหม่ใช้ “เฉลว” เป็นสัญลักษณ์ความเชื่อของแพทย์แผนไทยสมัยโบราณ ระหว่างการต้มยาสรรพคุณของยาที่จะระเหยเป็นกลิ่นหอมไปไกล เรียกพิทยาธรเหาะมาแอบสูดยา ทำให้สรรพคุณยาเจือจาง งานนี้พิทยาธรเป็นจำเลยอีกจนได้เฉลวเป็นยันต์ป้องกันไม่ให้พิทยาธรแวะเวียนมาใกล้ เป็นอันว่าพิทยาธรร้ายได้ถึงขนาดนั้นและเฉลวก็ขลังได้ปานกันการรักษาโรคที่เอาวิชาไสยศาสตร์ประกอบ ตามหลักจิตเวชศาสตร์ เป็นการนำความเชื่อและอำนาจจิตมาช่วยให้ผู้ป่วยเชื่อมั่นในการรักษา เรียกว่าวิธีการจิตบำบัด ยังถูกใช้รักษาโรคบางอย่างในปัจจุบันตอนนี้ยังไม่มียาตัวไหนรักษาโรคโควิด-19 หายขาด แต่เมื่อประชาชนเชื่อคำรัฐ อยู่บ้านเพื่อชาติ เชื่อกันมากๆ เชื่อกันทั้งประเทศ เดือนเดียวเท่านั้น เราก็มีเค้าไล่เจ้าโควิด-19 กลับบ้านเก่าเพราะฉะนั้น การที่เราจะเชื่อรัฐอีกต่อไปสักเดือนสองเดือน คงไม่หนักหนาเกินไป.กิเลน ประลองเชิง