พบแต่งตร.คุมอุ้มเอง เจ้าตัวยังให้การปฏิเสธ ชมผู้พิพากษาหญิงกล้ากองปราบฯแจ้งข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน และข้อหาร่วมกันหน่วงเหนี่ยวกักขังจนเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายเพิ่มเติมกับ “บรรยิน” พร้อมพวกรวม 6 คน รวม 6 ข้อหาแล้ว หลังพบหลักฐานสำคัญทั้งเลือดในรถที่ใช้อุ้มเหยื่อจากหน้าศาลฯ เศษกระดูก และชิ้นส่วนทรัพย์สินของผู้ตายบริเวณจุดเผาเขาใบไม้ จ.นครสวรรค์ สอดคล้องกับคำให้การของ 3 ผู้ต้องหาที่ยอมรับสารภาพละเอียดยิบ เตรียมพาตัวทั้ง 3 คนไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพพรุ่งนี้ (25 ก.พ.) ก่อนคุมตัวทั้ง 6 คนฝากขังศาลผัดแรก ขณะที่ “บรรยิน” ยังยืนยันความบริสุทธิ์ ไม่รู้ไม่เห็น นอกจากนี้ นักประดาน้ำงมพบโทรศัพท์มือถือของเหยื่อในแม่น้ำปิงแล้ว ส่วนศาลชมผู้พิพากษาหญิงกล้าหาญ เตรียมมาตรการดูแลผู้พิพากษามากขึ้น สร้างขวัญและกำลังใจเพื่อดำรงความยุติธรรมกรณีชุดสืบสวนกองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) และชุดสืบสวน บก.สส.บช.น.ปฏิบัติการตรวจค้น 21 จุด คลี่คลายคดีอุ้มหายตัวไปของนายวีรชัย ศกุนตะประเสริฐ พี่ชาย น.ส.พนิดา ศกุนตะประเสริฐ ผู้พิพากษาอาวุโสในศาลอาญากรุงเทพใต้ เจ้าของสำนวนคดีปลอมแปลงเอกสารโอนหุ้นนายชูวงษ์ แซ่ตั๊ง หรือเสี่ยจืด กว่า 300 ล้านบาท เพื่อข่มขู่ น.ส.พนิดาให้ตัดสินยกฟ้องคดี พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ น.ส.กัณฐณา ศิวาธนะพล หรือน้ำตาล และ น.ส.อุรชา พรหมา หรือป้อนข้าว ตกเป็นผู้ต้องหา หลังตรวจค้นชุดสืบสวนจับกุมผู้ต้องหา 6 คน ประกอบด้วย พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ อายุ 56 ปี นายมานัส ทับนิล อายุ 67 ปี นายณรงศักดิ์ ป้อมจันทร์ อายุ 49 ปี นายประชาวิทย์ ศรีทองสุข อายุ 34 ปี นายชาติชาย เมณฑ์กุล อายุ 31 ปีและ ด.ต.ธงชัย วจีสัจจะ หรือ ส.จ.อ๊อด อายุ 62 ปี ข้อหาร่วมกันข่มขืนใจเจ้าพนักงาน ข้อหาซ่องโจร ข้อหาเรียกค่าไถ่ และข้อหาหน่วงเหนี่ยวกักขังให้สูญสิ้นอิสรภาพ จากการสอบสวนมีผู้ต้องหารับสารภาพว่า ทำร้ายนายวีรชัยจนเสียชีวิตแล้วเผาศพนำชิ้นส่วนไปทิ้งแม่น้ำตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้นความคืบหน้าจากกองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) เมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 24 ก.พ. นางวราภรณ์ ตั้งภากรณ์ อายุ 55 ปีภรรยา และนายวรภัทร์ หรือบอส ตั้งภากรณ์ อายุ 26 ปี บุตรชาย พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภาภรณ์ เดินทางมายังห้องควบคุมผู้ต้องหา ขอเข้าเยี่ยม พ.ต.ท.บรรยิน พร้อมนำข้าวมันไก่และเสื้อผ้ามาให้เปลี่ยน เนื่องจากตามกำหนดเดิมพนักงานสอบสวนกองปราบฯ จะคุมตัว พ.ต.ท.บรรยินไปฝากขังศาล ใช้เวลาพูดคุยประมาณ 30 นาที นายวรภัทร์เผยก่อนเดินทางกลับว่า จากการพุดคุยกับพ่อบอกว่า ไม่วิตกกังวลหรือมีอาการเครียด เมื่อคืนนอนหลับกินข้าวได้ปกติ ไม่ได้เรียกร้องอะไรเป็นพิเศษ เพียงแต่สงสัยว่าจนป่านนี้ยังไม่สามารถตั้งทนายความดูแลได้ พ่อยังยืนยันความบริสุทธิ์ ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบ่ายวันเดียวกัน พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช ผบก.ป. พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รอง ผบก.ป. พ.ต.อ.ธงชัย อยู่เกษ ผกก.1 บก.ป.และคณะพนักงานสอบสวน เข้าร่วมประชุมติดตามความคืบหน้าทางคดี เนื้อหาการประชุมเป็นเรื่องของการสอบปากคำกลุ่มผู้ต้องหา เพื่อขยายผลหาความเชื่อมโยงทางคดี หลังจากนั้นเบิกตัว พ.ต.ท.บรรยิน จากห้องคุมขังมาสอบปากคำเพิ่มเติม พ.ต.ท.บรรยินมีสีหน้ายิ้มแย้ม เผยกับผู้สื่อข่าวว่า ส่วนตัวเขียนหนังสือชี้แจงไปแล้ว การสอบปากคำครั้งนี้เป็นการนำตัวไปสอบปากคำครั้งแรก ขอดูรายละเอียดก่อน ตนไม่เครียด ยืนยันว่าบริสุทธิ์ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดี ผู้สื่อข่าวถามถึงกระแสข่าวว่า พ.ต.ท.บรรยินไปปรากฏตัวหน้าศาลวันเกิดเหตุ พ.ต.ท.บรรยินไม่ตอบต่อมาเวลา 16.00 น. ชุดปฏิบัติการพิเศษหนุมานคุมตัวผู้ต้องหาอีก 3 คน ประกอบด้วย นายประชาวิทย์ ศรีทองสุข นายชาติชาย เมณฑ์กุล และ ด.ต.ธงชัย วจีสัจจะ หรือ ส.จ.อ๊อด มาที่ บก.ป.เพื่อสอบปากคำ นำตัวทั้ง 3 คนขึ้นอาคารทางบันไดหนีไฟด้านหลัง เพื่อหลบกองทัพสื่อมวลชน แยกสอบปากคำคนละห้อง พร้อมแจ้งข้อกล่าวหา ก่อนนำตัวทั้ง 3 คนกลับไปแยกคุมขังตามโรงพักใกล้เคียง กำหนดนำตัวผู้ต้องหาทั้ง 6 คนฝากขังศาลอาญาพรุ่งนี้ (25 ก.พ.)ค่ำวันเดียวกัน หลังสอบปากคำ พ.ต.ท.บรรยิน นานกว่า 2 ชม. เจ้าหน้าที่พาตัวกลับห้องควบคุม พ.ต.ท.บรรยินกล่าวว่า วันนี้เจ้าหน้าที่สอบสวนพร้อมแจ้งข้อกล่าวหาตามที่ถูกออกหมายจับ ผู้สื่อข่าวสอบถามถึงหลักฐานกล้องวงจรปิดหน้าศาลอาญากรุงเทพใต้ พ.ต.ท.บรรยินตอบว่า ส่วนนี้ตนเองไม่ทราบขอปฏิเสธ ส่วนนางวราภรณ์ ตั้งภากรณ์ กล่าวว่า หลังพูดคุยกับสามี เขาไม่กังวลหรืออึดอัดอะไร ส่วนที่อยากชี้แจงแทนสามีก่อนหน้านี้ ขอกลับไปปรึกษาครอบครัวก่อน เมื่อพร้อมจะออกมาพูดมีรายงานด้วยว่า วันนี้พนักงานสอบสวนกองปราบปราม ตัดสินใจแจ้งข้อหาแก๊งอุ้มฆ่าพี่ชายผู้พิพากษาเพิ่มเติมข้อหาฉกรรจ์ ประกอบด้วย ข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน และข้อหาร่วมกันหน่วงเหนี่ยวกักขังจนเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายกับผู้ต้องหาทั้ง 6 คนแล้ว จากผลการตรวจคราบเลือดภายในรถยนต์โตโยต้า สปอร์ตไรเดอร์ 1 ในรถ 4 คันของกลุ่มผู้ต้องหาที่อายัดเป็นของกลาง จนมั่นใจว่าเป็นรถที่ใช้ก่อเหตุ รวมถึงจากการตรวจค้นเก็บหลักฐานในไร่คนใกล้ชิด พ.ต.ท.บรรยิน ในพื้นที่ จ.นครสวรรค์ ที่เชื่อว่าเป็นจุดทำลายศพ พบเศษกระดูกที่คาดว่าเป็นของนายวีรชัย ลวด ยางรถยนต์ และคราบน้ำมัน สอดคล้องกับคำให้การรับสารภาพของผู้ต้องหา 3 คนในทีมสังหาร พนักงานสอบสวนจึงตัดสินใจแจ้งข้อหาเพิ่มเติมดังกล่าวผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า จากการสอบปากคำกลุ่มผู้ต้องหา ทำให้พบแผนประทุษกรรมว่า เตรียมการวางแผนมาเป็นอย่างดี เริ่มตั้งแต่สวมทะเบียนรถคันก่อเหตุ เปิดเบอร์โทรศัพท์ใหม่เพื่อใช้ในภารกิจนี้ และระบุว่านายมานัสทำหน้าที่เป็นคนจัดหาทีมงาน วันที่ 2 ก.พ. ก่อนก่อเหตุ 2 วัน พ.ต.ท.บรรยินสั่งการให้นายณรงค์ศักดิ์เตรียมการหาซื้อน้ำมัน 18 ลิตร ยางรถยนต์ และลวดมาไปทิ้งไว้ในป่าบริเวณเขาใบไม้ จ.นครสวรรค์ ก่อนวางแผนเดินทางไปก่อเหตุ แต่นายณรงค์ศักดิ์สั่งให้ลูกน้องคนต่างด้าวไปซื้อน้ำมันแทน กลายเป็นพยานปากสำคัญ ส่วนวันเกิดเหตุบริเวณหน้าศาลอาญากรุงเทพใต้ ผู้ต้องหา 4 คน ใช้รถยนต์โตโยต้า สปอร์ตไรเดอร์เป็นพาหนะ อำพรางตัวด้วยหน้ากากอนามัยและหมวกแก๊ป ส่วน พ.ต.ท.บรรยินสวมเครื่องแบบตำรวจ แต่สวมหมวกกันน็อกใส่หน้ากากอนามัยปิดบังใบหน้า เป็นคนขับรถเอง หลังเกิดเหตุเดินทางไปถึงจุดเผาศพบริเวณเขาใบไม้ เวลาประมาณ 22.00 น. วันที่ 4 ก.พ. ก่อนกลับออกมาช่วงเที่ยงคืน หนึ่งในผู้ต้องหาที่ให้การรับสารภาพว่าไม่มีการหั่นศพเหยื่อ แต่เอามาเผานั่งยางแต่เหลืออวัยวะบางส่วน ช่วยกันเก็บใส่ถุงเอาโยนทิ้งแม่น้ำ แต่ยังมีหลักฐานสำคัญ อาทิ ชิ้นส่วนกระดูก เศษยางรถยนต์ และกระดุมเสื้อตกอยู่ในที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน (พฐ.) เก็บไปตรวจหาดีเอ็นเอขณะนี้คณะพนักงานสอบสวนกองปราบปราม แจ้งข้อหากลุ่มคนร้ายทั้งหมดรวม 6 ข้อหา 1.ข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน 2.ข้อหาร่วมกันหน่วงเหนี่ยวกักขังจนเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย 3.ข้อหาร่วมกันข่มขืนใจเจ้าพนักงาน 4.ข้อหาซ่องโจร 5.ข้อหาเรียกค่าไถ่ และ 6. ข้อหาหน่วงเหนี่ยวกักขังให้สูญสิ้นอิสรภาพ วันพรุ่งนี้ (25 ก.พ.) เวลา 06.00 น. พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช ผบก.ป. พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รอง ผบก.ป. พ.ต.อ.ธงชัย อยู่เกษ ผกก.1 บก.ป. และคณะพนักงานสอบสวนจะนำตัวนายณรงค์ศักดิ์ ป้อมจันทร์ นายชาติชาย เมณฑ์กุล และนายประชาวิทย์ ศรีทองสุข ไปทำแผนชี้จุดประกอบการรับสารภาพ 3 จุด ประกอบด้วย 1.บ้าน พ.ต.ท.บรรยิน หลังด่านเก็บเงินค่าทางด่วนย่านรัชดา 2.บริเวณจุดรวมพลหน้าศาลแพ่งใต้ซอยเจริญกรุง 63 และ 3.ริมถนนตลิ่งชัน-สุพรรณบุรีช่วงเช้าวันเดียวกันที่ จ.นครสวรรค์ เจ้าหน้าที่ตำรวจน้ำ นักประดาน้ำอาสาสมัครมูลนิธิเจ้าพ่อกวนอูกู้ภัยนครสวรรค์ และนักประดาน้ำหน่วยกู้ภัยตาคลี ลงงมหาชิ้นส่วนศพนายวีรชัย และหลักฐานที่เกี่ยวข้องในแม่น้ำปิง หน้าวัดไทรใต้ ต.ปากน้ำโพ อ.เมืองนครสวรรค์ เจ้าหน้าที่นำเครื่องตรวจโลหะเข้ามาช่วยค้นหาขยายวงกว้างขึ้น ส่วนอีกจุดในแม่น้ำเจ้าพระยาพื้นที่หมู่ 3 ต.กลางแดด อ.เมืองนครสวรรค์ สำหรับการค้นหาในแม่น้ำเจ้าพระยาพบอุปสรรคพอสมควร เนื่องจากเป็นช่วงโค้งน้ำกระแสน้ำค่อนข้างขุ่น ประกอบกับการทิ้งชิ้นส่วนศพนานกว่า 20 วันแล้ว ทำให้การค้นหาค่อนข้างยาก แต่เจ้าหน้าที่ยังคงค้นหาขึ้นเหนือน้ำ 50 เมตรและทางใต้อีกกว่า 400 เมตร ต่อมา นักประดาน้ำบริเวณแม่น้ำปิง หน้าวัดไทรใต้ ต.ปากน้ำโพ อ.เมืองนครสวรรค์ ประสบความสำเร็จ งมพบโทรศัพท์มือถือของผู้ตาย โดยนักประดาน้ำหน่วยกู้ภัยตาคลีที่เป็นคนพบห่างจากจุดทิ้งศพประมาณ 5-10 เมตร เจ้าหน้าที่ พฐ.ตรวจสอบเบื้องต้นพบเป็นโทรศัพท์ยี่ห้อเอไอเอส ลาวา สีดำ ส่วนบริเวณลำน้ำเจ้าพระยา หมู่ 4 ต.กลางแดด เจ้าหน้าที่ยังคงลงดำน้ำค้นหาชิ้นส่วนมนุษย์อย่างต่อเนื่องแต่ยังไม่พบที่ห้องประชุมชั้น 12 ศาลอาญา นายสราวุธ เบญจกุล เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม และนายสุริยัณห์ หงษ์วิไล โฆษกศาลยุติธรรม แถลงกรณีตำรวจจับกุม พ.ต.ท.บรรยินร่วมกันอุ้มพี่ชายผู้พิพากษาอาวุโสในศาลอาญากรุงเทพใต้ เจ้าของ สำนวนคดีโอนหุ้นนายชูวงษ์ แซ่ตั๊ง นายสราวุธ แถลงว่า ขอบคุณตำรวจที่ทุ่มเทเรื่องนี้มา 20 วัน ติดตามดูแลความปลอดภัย น.ส.พนิดาเป็นผู้พิพากษาที่กล้าหาญรับผิดชอบการทำหน้าที่ ขอแสดงความเสียใจที่พี่ชายที่ถูกจับเป็นตัวประกันเสียชีวิต ก่อนหน้านี้ตำรวจขอศาลให้เป็นความลับ เนื่องจากห่วง ความปลอดภัยตัวประกัน ตำรวจรายงานความคืบหน้าให้ประธานศาลฎีกาทราบตลอด ตามหลักปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน คุ้มครองความเป็นอิสระ ความเป็นกลางของผู้พิพากษา รวมถึงรัฐธรรมนูญ กฎหมาย ประมวลจริยธรรมข้าราชการตุลาการ น.ส.พนิดาทำได้ถูกต้องครบถ้วนสมบูรณ์แบบนายสราวุธ ตอบข้อถามเกี่ยวกับพฤติกรรมคนร้ายที่มาก่อเหตุหน้าศาลว่า ปกติพี่ชาย น.ส.พนิดามารับกลับบ้านที่หน้าศาล ช่วงเกิดเหตุคนร้ายนำตัวพี่ชายขึ้นรถไป จากนั้นใช้โทรศัพท์ของพี่ชายโทร.มาข่มขู่ต่อรองคดี พฤติกรรมการข่มขู่เท่าที่ทราบก่อนหน้านี้คุกคามเรื่อยมา ตั้งแต่เริ่มรับคดีปี 2561 ไม่เคยเปลี่ยนตัวผู้พิพากษา มีการรายงานให้ศาลทราบ ส่วนคนร้ายประสงค์ร้ายต่อตัวผู้พิพากษาโดยตรงหรือไม่ ต้องถามผู้ต้องหา ขณะที่เรื่องสำนวนคดี ผบ.ตร.จะให้ข้อมูล กรณีผู้พิพากษาถูกข่มขู่คุกคามจะเกิดความไม่เป็นธรรมต่อคดี ผบ.ตร.ให้ความสำคัญ เพื่อไม่ให้เกิดขึ้นอีก ผู้สื่อข่าวถามถึงการยืนยันการเสียชีวิตของพี่ชายผู้พิพากษา นายสราวุธกล่าวว่า มีหลักฐานการเผาร่างตามที่ผู้ต้องหาชี้จุดทำลายซาก ส่วนการป้องกันเหตุกับผู้พิพากษารายอื่น นายสราวุธตอบว่า ในส่วนสำนักงานศาลยุติธรรมทำเต็มที่ จัดคอร์ทมาแชลดูแลผู้พิพากษา แต่ขณะนี้กำลังไม่เพียงพอ ใช้การประสานงานกระจายตามความจำเป็นเร่งด่วน อัตรา 35 นายอยู่ส่วนกลาง ยังแบ่งประจำ 200 กว่าศาลทั่วประเทศไม่ได้ ส่งไปดูแลตามที่ร้องขอ และดูแลคดีที่มีความเสี่ยงชิงตัวผู้ต้องหาหรือจำเลย หรือเสี่ยงต่อความปลอดภัย ส่วนผู้พิพากษาที่ทำคดีฆ่านายชูวงษ์ที่ศาลอาญาพระโขนงส่งคอร์ทมาแชลไปดูแลด้วยผลัดเปลี่ยนครั้งละ 4 นาย ่สำนักงานศาลยุติธรรมมั่นใจเรื่องความปลอดภัยถามว่า เมื่อเกิดเหตุการณ์ลักษณะนี้ ขวัญและกำลังใจผู้พิพากษาทั่วประเทศเป็นอย่างไร นายสราวุธกล่าวว่า ได้ข้อมูลจากผู้พิพากษา ต้องการให้สำนักงานจัดการดูแลมาตรการต่างๆที่มองว่าเป็นภัยคุกคาม ส่วนเรื่องสภาพจิตใจผู้พิพากษาผู้เสียหายจากเหตุการณ์นี้ พร้อมดูแลไม่ว่าเรื่องการทำงานเรื่องขวัญและกำลังใจ ขอเพียงติดต่อเข้ามาว่าประสงค์ให้ดูแลอย่างไร จะระวังเรื่องการกระทบให้น้อยที่สุด เรื่องปัญหาสภาพจิตใจตรงนี้มีนโยบายคณะกรรมการตุลาการคอยดูแลผู้พิพากษาโดยเฉพาะ ส่วนการจัดเซฟเฮาส์เก็บตัวผู้พิพากษาระหว่างทำคำพิพากษาคดีผู้มีอิทธิพล นายสราวุธกล่าวว่า ที่ผ่านมาดูแลความปลอดภัยอยู่แล้ว เช่น กรณีศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีที่พักและจัดรถกันกระสุนให้ ส่วนคดีอาญาทั่วไปยังไม่เคยมี แต่ในอนาคตอาจเป็นได้ถามกรณีฝากขัง พ.ต.ท.บรรยินและกลุ่มผู้ต้องหาจะค้านประกันตัวหรือไม่ นายสราวุธกล่าวว่า การพิจารณาให้หรือไม่ให้ประกันตัวผู้ต้องหา เชื่อว่าศาลอาญาที่รับผิดชอบจะพิจารณาตามหลักความเป็นกลางเป็นธรรมปราศจากอคติ ส่วนผลกระทบต่อการเขียนคำพิพากษาคดีโอนหุ้นกำหนดอ่านวันที่ 20 มี.ค. จำเป็นต้องเปลี่ยนตัวผู้พิพากษาเจ้าของสำนวนหรือไม่ นายสราวุธตอบว่า การเขียนคำพิพากษา อยู่บนหลักความเป็นกลาง ไม่กลัวการข่มขู่ทำให้เกิดอคติ ส่วนการเปลี่ยนตัวองค์คณะผู้พิพากษาและเลื่อนอ่านคำพิพากษาหรือไม่ เป็นเรื่องของศาลอาญากรุงเทพใต้ ที่ผ่านมายังไม่มีการเปลี่ยนตัวองค์คณะ ขอให้มั่นใจการพิจารณาพิพากษาคดี ผู้พิพากษาทุกท่านยึดมั่นในหลักความเป็นอิสระ ความเป็นกลาง ปราศจากการข่มขู่และการแทรกแซงใดๆ