มันเป็นขนมจีนที่อร่อยที่สุด...!!!แน่นอน...เรากำลังพูดถึง ร้านภูหลวง ลูกลม ซึ่งตั้งอยู่ในเขตตำบลนาหมื่นศรี อ.นาโยง จ.ตรังออกจากเมืองตรังไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือราว 10 กิโลเมตร จะเข้าเขตอำเภอนาโยง อำเภอที่มีจุดเด่น คือ ผืนนากว้างใหญ่หล่อเลี้ยงคนเมืองตรังกระจายตัวต่อกันเหมือนโมเสกชิ้นเล็กๆ สมัยก่อน อ.นาโยง เป็นผืนนาแปลงใหญ่มาก เรียกกันว่า นาหลวง มีตำบลเล็กๆ ที่ยังคงรักษาวัฒนธรรมข้าวของคนปักษ์ใต้ไว้อย่างเหนียวแน่นและน่าชื่นชม นั่นก็คือ...นาหมื่นศรี ร้านภูหลวง ลูกลม ตั้งชื่อตามประเพณีที่สืบทอดกันมาเกือบร้อยปี นั่นก็คือ การแข่งขันลูกลม ที่เดิมเป็นแค่ภูมิปัญญาท้องถิ่น เหมือนการทำ หุ่นไล่กา ใช้ไล่นกที่ลงมากินข้าวในแปลงนา ต่างกันแค่ ลูกลม ที่ ต.นาหมื่นศรี มีความเชื่อมโยงกับความเชื่อและการเคารพในธรรมชาติผ่านตัวแทนความศักดิ์สิทธิ์แห่งเทพธรรมชาติตามความเป็นมาในเทพนิยายโบราณ ระบุว่า ครอบครัวเล็กๆของพระพายบนสวรรค์ วันหนึ่งเป็นวันฤดูเก็บเกี่ยวข้าว ซึ่งบนสวรรค์มีฤดูเก็บเกี่ยวข้าวเหมือนกัน ลมพัดแรง เมื่อข้าวในนาเริ่มสุก มีนกลา นกไผ นกกระจาบ และนกอื่นๆออกมากินข้าว พระพายไม่มีเวลาเฝ้าทุกวัน จึงมอบให้ลูกลม ลูกของพระพายทำหน้าที่โห่นก ไล่กาแทน ลูกลมซึ่งขี้เกียจแต่มีปัญญา จึงคิดวิธีที่ไม่ต้องใช้เสียงของตัวเองในการไล่นก จึงทำลูกลม หรือกังหันลม ขึ้นมาทำหน้าที่แทนตัวเอง พระพายเห็นก็ชื่นชมและบอกเทวดาว่าควรเผยแพร่ไปยังเมืองมนุษย์ การทำลูกลมจึงแพร่หลายมาตั้งแต่นั้นและวันนี้ได้กลายมาเป็นจุดขายของนาหมื่นศรี ที่ไม่ได้ปลูกแค่ข้าวอย่างเดียว แต่คนนาหมื่นศรีกำลังปลูกเสน่ห์การท่องเที่ยวที่รอการเก็บเกี่ยวด้วย... อิ่มแปล้กับขนมจีนแกงไตปลาหร็อยแรง ก็มีแรงเดินทางต่อ จุดหมายของเรา คือ กลุ่มทอผ้าบ้านนาหมื่นศรี ซึ่งเป็นกลุ่มทอผ้าทอพื้นเมือง สืบต่อกันมาหลายชั่วอายุคน อยู่ห่างจากตัวเมืองตรังประมาณ 11 กิโลเมตร ชาวบ้านนาหมื่นศรี นอกจากจะมีอาชีพทำนา ทำสวนแล้ว ยังมีอาชีพทอผ้ามาหลายชั่วอายุ เดิมเป็นการทอผ้าใช้เองในครอบครัว ต่อมาก็เริ่มส่งออกไปจำหน่ายในหมู่บ้านใกล้เคียง ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 การทอผ้าได้หยุดชะงักลง จากภาวะขาดแคลน เส้นใยสังเคราะห์ย้อมสีสำเร็จรูปถูกนำมาทดแทนฝ้ายพื้นบ้านย้อมสีธรรมชาติที่ใช้กันมาแต่เดิม จากการเติบโตของการทอผ้าในยุโรป ที่แพร่หลายเข้ามาในประเทศไทย โดยเฉพาะการทอที่ใช้เครื่องจักร ชาวบ้านหันไปนิยมซื้อผ้าที่ทอด้วยเครื่องจักรมากกว่าผ้าทอมือ ทำให้กิจการผ้าทอบ้านนาหมื่นศรีหยุดชะงักลง กระทั่งในปี พ.ศ.2514 นางนาง ช่วยรอด อายุ 78 ปี ได้คิดที่จะริเริ่มการทอผ้าซึ่งเป็นภูมิปัญญาของคนนาหมื่นศรีให้กลับมาอีกครั้ง จึงได้รวบรวมคนที่มีอายุรุ่นราวคราวเดียวกันได้ 3 คน และนำเอากี่ทอผ้าในสมัยก่อนออกมาซ่อม และเริ่มทอผ้ากันอีกครั้ง ทำให้ภาพในอดีต ที่ลานใต้ถุนเรือนไม้ของชาวบ้านนาหมื่นศรีทุกหลังจะมี โหด หรือกี่พื้นบ้าน ตั้งอยู่และมีอุปกรณ์ทอผ้าแขวนไว้บนเพดานใต้ถุน เริ่มกลับมามีชีวิตชีวา พร้อมๆกับศิลปะการทอผ้า ภูมิปัญญาที่ได้รับการสืบทอดต่อกันมารุ่นแล้วรุ่นเล่านานกว่าร้อยปีลักษณะพิเศษของผ้าทอนาหมื่นศรี อยู่ที่โครงสร้างของผืนผ้า ลวดลาย และสี เนื่องจากผู้ทอเป็นช่างที่มีฝีมือ สามารถนำลวดลายต่างๆมารวมไว้บนผืนผ้า เช่น ลายลูกแก้วใหญ่ ลายดอกจัน ลายแก้วชิงดวง ซึ่งถือว่าเป็นลายเอกลักษณ์ของที่นี่ ลักษณะลายเป็นวงกลมหรือรูปไข่เกี่ยวร้อยทับกันภายในช่องที่เป็นใจกลางมีลูกแก้วฝูง 4 เม็ด ส่วนช่องที่เกี่ยวทับกัน 4 ช่อง ใน 1 วง จะมีลูกแก้วฝูง ช่องละ 2 เม็ด ซึ่งจะอยู่ในเขตของวงกลม 2 วง เหมือนแก้ว 2 ดวง แย่งชิงกันอยู่ จึงเรียกว่า แก้วชิงดวง เอกลักษณ์ที่โดดเด่นของผ้าทอที่นี่ก็คือ สี นิยมใช้ด้ายยืนสีแดง ยกดอกสีเหลืองเป็นหลัก ผ้าที่ทอมีทั้งผ้าห่ม ผ้าเช็ดหน้ายกดอก ผ้าถุง ผ้าโสร่ง ผ้าขาวม้า โดยเฉพาะ ผ้าขาวม้าลายราชวัตร ซึ่งมีลักษณะพิเศษไม่เหมือนใคร เป็นผ้าฝ้ายทอมือที่มีขนาดใหญ่กว่าผ้าขาวม้าทั่วไปลายผ้าเป็นเอกลักษณ์ ถือเป็นผ้าขาวม้าที่ขายดิบขายดีตลอดทั้งปี ออกจากชุมชนทอผ้านาหมื่นศรี ปิดท้ายกันที่ ถ้ำเขาช้างหาย ถ้ำเขาหินปูนเล็กๆ กลางที่ราบลุ่ม ภายในมีหินงอก หินย้อย ที่สมบูรณ์และสวยงาม ถ้ำนี้มีตำนานเล่าว่า เมื่อขบวนช้างของเจ้าเมืองนครศรีธรรมราชไปร่วมงานก่อสร้างพระบรมธาตุเจดีย์ เดินทางมาถึงบริเวณเขาลูกนี้ แม่ช้างเชือกหนึ่งเกิดเจ็บท้องจะตกลูก ขบวนจึงหยุดพักรอที่เชิงภู แม่ช้างตกลูกเป็นพลายตัวงามและวิ่งเล่นซุกซนตามประสาลูกช้าง จนแตกตื่นไปทั้งขบวน ต่อมาลูกช้างวิ่งเตลิดเข้าไปในถ้ำ หมอควาญจุดไต้เข้าไปตามหาแต่ก็ไม่พบ จึงเรียก ถ้ำเขาช้างหาย ตั้งแต่นั้นมาถ้ำเขาช้างหาย เป็นถ้ำที่เดินเที่ยวได้ง่ายมาก เพราะมีระยะทางเดินในถ้ำเพียง 400 เมตร มีโพรงถ้ำน้อยใหญ่เชื่อมต่อกันถึง 6 ห้อง แต่ละห้องมีชื่อตั้งแต่ ถ้ำเขาช้างหาย ถ้ำเพกา ถ้ำลม ถ้ำทรายทอง ถ้ำโอ่ง และ ถ้ำแม่เฒ่าคล้าย ทุกถ้ำมีหินงอกหินย้อยลดหลั่นเป็นเชิงชั้น อยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองตรังซื้อผ้าขาวม้านาหมื่นศรีติดไม้ติดมือมาหลายผืน คิดไว้ว่าจะฝากคนนั้นคนนี้ แต่เอาเข้าจริงๆ ตัดใจไม่ได้เลยเก็บไว้ใช้เองทั้งหมด...เป็นอีกช่วงดีๆของการเดินทางที่อยากจะหยุดเวลาไว้...ที่นี่ “บ้านนาหมื่นศรี” เมืองตรัง...!!