เพาะเลี้ยงปลาสวยงามขนาดเล็ก...ลูกไร ถือเป็นอาหารโปรดของปลา ทำให้โตเร็ว ขยายพันธุ์ได้ดีกว่าอาหารประเภทอื่นแต่การเพาะเลี้ยงลูกไรส่วนใหญ่จะทำกันในบ่อดินหรือบ่อปูน ใช้พื้นที่ค่อนข้างเยอะ...แต่เกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงปลาสวยงามใน จ.บุรีรัมย์ จึงคิดค้นวิธีเพาะพันธุ์ลูกไรในถังกะละมังแทน“เพาะปลากัด ปลาหางนกยูงเป็นอาชีพเสริม ตอนแรกให้อาหารเม็ดสลับกับไข่ต้ม เจอกับปัญหาน้ำเสียต้องเปลี่ยนถ่ายบ่อย แถมมีต้นทุนค่าอาหารเดือนละไม่ต่ำกว่า 2,000-3,000 บาท เลยคิดจะเพาะลูกไรเอง แต่ปัญหาพื้นที่มีน้อย เลยศึกษาหาข้อมูลจากทั้งผู้รู้ และสื่อโซเชียล ลองผิดลองถูก ให้เหมาะสมกับพื้นที่จำกัด ในที่สุดได้สูตรเพาะลูกไรในแบบของตัวเอง ใช้มาจนทุกวันนี้” สุมารี สวัสดี ผู้เพาะเลี้ยงปลาสวยงาม บ้านหินโคน อ.ลำปลายมาศ จ.บุรีรัมย์ เผยถึงวิธีการเพาะเลี้ยงลูกไรในแบบตัวเอง...อันดับแรกเตรียมอุปกรณ์ กระถาง อ่าง กะละมัง ถัง หรือภาชนะที่จุน้ำได้มากกว่า 20 ลิตร ปุ๋ยสูตรเสมอ, กากชูรส (อามิ),รำละเอียด, ปุ๋ยยูเรีย, หัวเชื้อน้ำเขียว (หาซื้อได้จากประมงในพื้นที่) และลูกไรเพื่อใช้เป็นพ่อแม่พันธุ์ทั้งหมดหาซื้อได้ในพื้นที่ รวมแล้วไม่เกิน 300 บาท จากนั้นนำน้ำสะอาด 20 ลิตร ใส่ถังหรือภาชนะที่เตรียมไว้ ใส่ปุ๋ยสูตรเสมอ 1 ส่วน, อามิ 2 ส่วน, รำละเอียด 2 ส่วน, ปุ๋ยยูเรีย 1 ส่วน, หัวเชื้อน้ำเขียวไม่จำกัดปริมาณ หากอยากให้ลูกไรมากก็ใส่เยอะ เพื่อลูกไรกินเป็นอาหาร ตากแดดทิ้งไว้ เข้าวันที่ 3 น้ำจะเริ่มเขียวขึ้นเมื่อครบ 1 อาทิตย์ น้ำจะเริ่มหมดกลิ่นแอมโมเนีย ให้กรองเอาไว้แต่น้ำเขียว ส่วนกากที่แยกออกมานำไปโปะโคนต้นไม้เป็นปุ๋ยชั้นยอด จากนั้นใส่ลูกไรครึ่งช้อนชา ถัดมาไม่เกิน 3 วัน จะเห็นลูกไรขยายพันธุ์จนเต็มถัง ช้อนไปให้ปลากินได้ “ทุกขั้นตอนควรทำกลางแจ้ง เพราะหัวเชื้อน้ำเขียวจะกระจายตัวได้ดี ที่สำคัญใช้ได้ทั้งน้ำบาดาลและน้ำประปา แต่ไม่ควรใช้น้ำคลอง เพราะอาจมีสัตว์อย่างอื่นติดมากินลูกไรได้ หากต้องการประหยัดเวลาไม่ต้องทำน้ำเขียวบ่อย ให้ทำวิธีการเดิม แต่เพิ่มสัดส่วนปริมาณวัตถุดิบในการเพาะ เช่น เคยใส่ 1 ช้อนชา ให้เปลี่ยนเป็น 1 กำมือ แล้วใส่หัวเชื้อน้ำเขียวเยอะๆ เพื่อให้ได้น้ำเขียวที่เข้มข้นมากๆ ทิ้งไว้กลางแจ้ง 7 วันเหมือนกัน เมื่อต้องการใช้ให้นำมาผสมกับน้ำสะอาด แล้วค่อยเติมลูกไร วิธีการนี้จะได้น้ำเขียวเข้มข้น 20 ลิตร สามารถผสมน้ำสะอาดได้ 300 ลิตร”หมั่นสังเกต หากน้ำเขียวเริ่มเปลี่ยนเป็นสีซีดคล้ายน้ำชา ลูกไรตัวอ่อนเกิดน้อยลง แสดงว่าหัวเชื้อน้ำเขียวเริ่มถูกลูกไรกินหมด ให้เปลี่ยนน้ำใหม่ นำน้ำไปรดต้นไม้กลายเป็นน้ำผสมปุ๋ยชั้นดี ทำเช่นนี้ไล่เวียนไปทุกวัน จะมีลูกไรไม่ขาด สนใจสอบถามได้ที่ 09–8167–3126. กรวัฒน์ วีนิล