ม.ร.ว.ถนัดศรี สวัสดิวัตน์ เกิดเมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2470 ณ วังเพชรบูรณ์ เป็นบุตรคนโตของหม่อมเจ้าเฉลิมศรี สวัสดิวัตน์ และหม่อมเจริญ สวัสดิวัตน์ เติบโต ณ วังสระปทุมตั้งแต่เล็กจนโตจึงย้ายมาอยู่ ณ วังศุโขทัยตลอดระยะเวลาได้เรียนรู้ ได้รับการอบรม บ่มนิสัยให้ประพฤติปฏิบัติตนตามขนบธรรมเนียมประเพณีภายในวังอย่างเคร่งครัดในทุกๆเรื่อง ทำให้ได้รับทราบเรื่องราวต่างๆโดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านศิลปะการแสดง การดนตรี พิธีกรรมต่างๆ ทุกครั้งที่มีการจัดแสดงในโอกาสต่างๆจะมีส่วนร่วมเสมอระหว่างศึกษาระดับประถมศึกษาที่โรงเรียนราชินี ในการเรียนวิชาดนตรีจะได้รับมอบหมายให้ร่วมขับร้องเพลงไทยด้วยทุกครั้ง เพราะเป็นผู้ที่ขับร้องเพลงไทยได้ดีและไพเราะ อีกทั้งยังได้เป็นลูกศิษย์ของคุณครูหลวงประดิษฐ์ไพเราะ (ศร ศิลปะบรรเลง) ด้วยม.ร.ว.ถนัดศรี สวัสดิวัตน์ ฉายแววมีผลงานตั้งแต่ยังเด็ก ด้วยใจรักการร้องเพลงเป็นอย่างยิ่ง บันทึกประวัติในช่วงอายุได้ 14 ปี เขียนไว้ว่า...ได้แอบพายเรือหนีออกจากวังสระปทุมไปประกวดร้องเพลงในงานภูเขาทอง โดยใช้นามแฝงว่า “ป.ปทุมวัน” ส่วนเพลงที่ร้องจำชื่อไม่ได้ แต่เป็นเพลงที่ดังมากในสมัยนั้นเวทีนี้...ได้รับรางวัลชนะเลิศรุ่นเล็ก มีถ้วยรางวัลและเงิน 5 บาทระหว่างศึกษาอยู่ที่โรงเรียนเตรียมปริญญามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และการเมือง ได้รวบรวมสมัครพรรคพวกจัดตั้งวงดนตรีสมัครเล่น เพื่อหาเงินช่วยค่าอาหารกลางวันแก่เพื่อนนักเรียนที่ยากจน เพลงที่ขับร้องเป็นของคุณครูล้วน ควันธรรม, ครูนารถ ถาวรบุตร จากการตั้งวงครั้งนี้ทำให้ คุณอาภรณ์ กรรณสูต (ภรรยาครูเอื้อ สุนทรสนาน) เพื่อนนักเรียนร่วมมหาวิทยาลัยเป็นผู้บริจาคเงินเป็นประจำ จนคุณชายเรียกเพื่อนรุ่นพี่คนนี้ว่า...“พี่หนู”ครูเอื้อได้ฟังเรื่องราวคุณชายจากภรรยารู้ว่า...ร้องเพลงได้ไพเราะมาก ต้องการรู้จักจึงมอบให้ครูแก้ว อัจฉริยะกุล ไปพบ ทดลองฟัง...ปรากฏว่าใช้ได้ บังเอิญว่าช่วงเวลานั้นเป็นช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 มหาวิทยาลัยปิดคุณชายเลยมีโอกาสคลุกคลีอยู่ใน “วงสุนทราภรณ์” ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาวันเวลาผ่านไปเก็บเกี่ยวประสบการณ์มากขึ้น ปี 2485 ก็ได้มีผลงานขับร้องเพลงตั้งแต่เป็นนักเรียนเตรียมมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เป็นนักร้องหลังม่านวงดนตรีสุนทราภรณ์ที่โรงหนังโอเดียนคู่กับชวลีย์ ช่วงวิทย์คุณชายขับร้องได้ไพเราะมาก และยังขยับขยายเพิ่มเติมประสบการณ์ด้วยการเดินทางไปแต่งเพลงในที่ต่างๆ เช่น ลงเรือจ้างล่องแม่น้ำเจ้าพระยา ประพันธ์คำร้องเพลง “เจ้าพระยา”คุณชายถนัดศรีมีเทคนิคการร้องดีเยี่ยม ไม่ว่าการเอื้อน...เสียงที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่คนอื่นไม่สามารถเลียนแบบได้ จนครูเพลงหลายๆท่านชื่นชม เชื่อในฝีมือการขับร้องอย่างกว้างขวาง ทั้งยังได้รับความไว้วางใจให้เป็นผู้คอยแนะนำเทคนิคการร้องเพลง การเอื้อน การออกคำ ตลอดจนการถอนหายใจแก่นักร้องรุ่นน้อง ยกตัวอย่างเช่น รวงทอง ทองลั่นธม และอีกหลายๆคนที่ประสบความสำเร็จบนเส้นทางการขับร้องเพลง ที่ต่างยกย่อง ชื่นชมคุณความดีของคุณชายหม่อมเป็นอย่างยิ่งปี 2551 ม.ร.ว.ถนัดศรี สวัสดิวัตน์ ได้รับการยกย่องเชิดชูเกียรติเป็นศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (สาขาดนตรีไทยสากล-ขับร้อง) ผลงานสร้างชื่อเสียง อาทิ ยามรัก, หวงรัก, รสตาล, สวรรค์ค้าง, อย่าเกลียดบางกอก, เพลงแห่งความหลัง ผลงานเพลงลูกกรุง...อาทิ สาวตางาม, สาวท้องนา, แล้งในอก, เว้าสาวอีสาน, คู่แล้วไม่แคล้วกัน, แสนงามแสนงอน, วนาสวาท, สีชัง, พรานเบ็ด, ทะเลระทม, ทำไมหนอบทเพลง “ยามรัก” ทำนอง ครูเอื้อ สุนทรสนาน คำร้อง ครูวังสันต์ยามเช้า...พี่ก็เฝ้าคิดถึงน้อง ยามสาย...พี่หมายจ้องเที่ยวมองหา ยามบ่าย...พี่วุ่นวายถึงกานดา ยามเย็น...ไม่เห็นหน้าผวาทรวง*ค่ำนี้...พี่จะมีใครเคียงข้าง หนาวน้ำค้าง...เหน็บจิตให้คิดห่วง พี่ก็หนาว...น้องคงหนาวนอนร้าวทรวง โอ้พุ่มพวง...อย่าให้รอถึงเช้าเลยน่าสนใจว่า...นอกจากจะประสบความสำเร็จบนเส้นทางการขับร้องเพลงที่โดดเด่นมากที่สุดแล้ว ยังมีชื่อเสียงมากในเรื่องการชิมอาหาร จัดรายการวิทยุจนมีชื่อเสียงโด่งดัง...อาจจะเรียกได้ว่าดังมากๆยิ่งกว่าเป็นนักร้องเสียอีกกว่า 50 ปีภายใต้โลโก้ “เชลล์ชวนชิม” สัญลักษณ์ที่เสมือนเป็นตรารับประกันความอร่อย คุณภาพ บริการที่ดี โดยมี ม.ร.ว.ถนัดศรี สวัสดิวัตน์ คุณชายนักชิมเป็นผู้รับรองร้านอาหารติดดาวเหล่านี้น่าจะมีกว่า 2,000 ร้าน ไล่เรียงกันตั้งแต่ร้านข้างทางไปจนถึงภัตตาคารหรู เรียกว่าร้านไหนได้ตรา “เชลล์ชวนชิม” จะขายดีเป็นเทน้ำเทท่า แต่กว่าจะได้มานั้นก็ไม่ใช่ว่าจะง่าย ใบการันตีรับรองความอร่อยนี้...ไม่มีการซื้อขาย แค่คุณชายลองชิมแล้วถูกใจก็รับไปเลยมาตรฐานระดับคุณชายถนัดศรีการันตีนั้นย่อมไม่ธรรมดา คุณชายฯ กล่าวไว้ว่า...“คนชิมต้องทำอาหารเป็น ถ้าทำไม่เป็นแล้วจะไปวิจารณ์แนะนำถูกได้อย่างไร แต่ถ้าเป็นของฟรีแล้วอะไรก็อร่อยหมด”...ทุกคนกำลังบ้าหวาน เอะอะอะไรก็ใส่น้ำตาล อันที่จริงแล้วน้ำตาลเป็นแค่ตัวจับเครื่องปรุงรสเท่านั้น แต่เวลานี้ทำอาหารหวานหมด ขนาดกะทิยังใส่น้ำตาล แม้แต่เครื่องแกงก็ไม่มีใครทำเอง ทุกคนซื้อจากที่เขาทำขายหมด ถามว่าแกงเผ็ดกับแกงคั่วต่างกันอย่างไร...แน่นอนแกงคั่วต้องใส่ปลาย่าง“ถ้าจะหาร้านอาหารที่ประทับใจที่สุดคงบอกไม่ได้ เพราะแต่ละร้านย่อมมีของดี ความอร่อยเป็นเรื่องคงที่ แต่รสชาติอาหารแตกต่างกันไป ถ้าที่ไหนอร่อยก็จะตามไปหามาให้ได้ ต้องรู้ถึงวิธีการทำอย่างไร ไม่ใช่ให้การรับรองโดยไม่ได้ไปกินเอง”ตัดตอนมาจากบทสัมภาษณ์ในหนังสือพิมพ์มติชน กุมภาพันธ์ 2552 กล่าวถึงคุณชายสุดยอดนักชิมเมืองไทย ที่รู้ว่าอะไรอร่อย...ไม่อร่อยนั้น คุณชายคุยให้ฟังว่า เพราะเกิดในวังอยู่ในวังเห็นทุกสิ่งทุกอย่าง อาหารคำแรกก็อยู่ในวัง เพราะฉะนั้นจะได้ลิ้มรสอาหารไทยแท้ที่ถูกต้อง และที่สำคัญ...รู้วิธีทำด้วย“ธรรมชาติเป็นคนช่างอยากรู้ อยากเห็นและจำแม่น อย่างถ้าแกงเขียวหวานคืออะไร ต้องเข้าไปดูเลยว่าแกงเขียวหวานทำยังไง...เป็นอย่างไร ดูแล้วศึกษา พอโตมาก็อยู่ในแวดวงข้าราชสำนัก คราวที่ไปต่างประเทศก็ไปอยู่กับพวกพระญาติ เพราะฉะนั้นเมื่อไปกินอาหารต่างชาติก็กินอาหารชั้นสูงชั้นดีอีก เป็นของที่สุดยอดของเขาอยู่แล้ว...ถึงมีเงินก็เป็นอย่างนี้ไม่ได้...แต่ถ้าใครมาถามก็บอกก็สอนเคล็ดลับให้นะ”“อาหารไทย” ต้องมีรสชาติประจำตัว แล้วแต่อาหารแต่ละประเภท อย่าง...ต้มยำเดี๋ยวนี้ใส่ทั้งพริกทั้งมะนาว แล้วคนไปพูดว่าต้มยำต้องแซ่บๆ...ไม่ใช่ ใบมะกรูดต้องใส่ตอนทำเสร็จไม่ใช่เอาไปต้มตั้งแต่แรก สุกแล้วยกมาปุ๊บถึงฉีกโรยใส่เพราะเขาต้องการน้ำมันหอมระเหย...เพราะความไม่รู้ก็ไปตามอย่างกันเมื่อถามถึงอาหารโปรดของคุณชายสุดยอดนักชิม ม.ร.ว.ถนัดศรี บอกว่า เราบอกได้เพราะรู้หมด กินมาหมด และทำอาหารเป็น สมัยก่อนตอนอายุยังไม่มากขนาดนี้ ชอบกินข้าวมันไก่ที่สุดและเป็ดทุกชนิด เป็ดพะโล้ เป็ดย่าง เป็ดปักกิ่ง และสเต๊ก เครื่องในกินเป็นหม้อๆเป็นของชอบ แต่...พออายุมากหมอให้งดพวกสัตว์ปีกม.ร.ว.ถนัดศรี สวัสดิวัตน์ ชื่อนี้ยังคงเป็นสุดยอดหนึ่งในตำนาน “คุณชายนักชิม”...ที่ยังคงเป็นที่จดจำไปอีกนานเท่านาน.