ประชุมคณะรัฐมนตรีนัดแรกหลังแถลงนโยบายไปเรียบร้อย เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา เริ่มต้นด้วยการแบ่งงานช่วยกันดูแลกระทรวงต่างๆ ของท่านนายกรัฐมนตรี และรองนายกรัฐมนตรีทั้งหลายรวมทั้งมีการตั้งคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจขึ้นมาอีก 1 ชุด โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน และรองนายกรัฐมนตรีจากพรรคต่างๆ ที่เกี่ยวข้องมาเป็นรองประธาน เพื่อที่จะเดินหน้าต่อสู้กับปัญหาเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ที่สุดของโลกและของประเทศไทยในขณะนี้ก็ถือว่าเป็นการจัดทัพที่รวดเร็วทันอกทันใจไม่โอ้เอ้ พอแถลงนโยบายจบก็ลงมือทำงานกันเลยดูจากการแบ่งงานครั้งนี้ ท่านนายกฯบิ๊กตู่คงต้องทำงานหนักขึ้นอีกหลายเท่า เพราะรับไว้หมดทั้งด้านบู๊ด้านบุ๋น ตั้งแต่กลาโหม ตำรวจ ดีเอสไอ ซึ่งเป็นฝ่ายบู๊ไปจนถึง ครม.เศรษฐกิจ ซึ่งน่าจะเป็นฝ่ายบุ๋น เพราะต้องใช้สมอง ใช้สติปัญญา และความรอบรู้เป็นสำคัญยังไงๆก็หมั่นออกกำลัง ดูแลสุขภาพเอาไว้บ้างนะครับ อย่าลืมว่าอายุอานามของท่านน่ะผ่านหลัก 65 ไปเรียบร้อยแล้วถึงแม้อายุ 65 ยุคนี้จะยังถือว่าหนุ่มแน่นเมื่อเทียบกับสมัยก่อน เพราะคนเราอายุยืนขึ้น หยูกยาดีทำให้สุขภาพอนามัยดีขึ้น แต่การทำงานที่หนักเกินไป หรือเครียดเกินไป อาจจะทำให้สุขภาพเสื่อมลงเร็วที่ผมเป็นห่วงก็เพราะติดตามดูสไตล์ของท่านมาพอสมควร พอจะจับทางได้ว่าท่านเป็นคนที่ชอบลงลึกในรายละเอียดและพยายามที่จะเรียนรู้และเข้าใจในทุกเรื่อง ตั้งแต่ไม้จิ้มฟันยันเรือดำน้ำ เอ้ย! เรือรบสังเกตได้จากเวลาที่ท่านลุกขึ้นโต้ตอบในสภา ท่านจะตอบแบบลงรายละเอียดในแต่ละเรื่องและตอบแทบทุกเรื่องแสดงว่าต้องใช้เวลาในการอ่านการทำความเข้าใจมากพอสมควรซึ่งถ้าท่านยังคงใช้สไตล์นี้อยู่ในการบริหารงานที่ท่านจะต้องแบกหลังการแบ่งงานครั้งนี้ละก็ จะต้องใช้พลังเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่าถึงได้บอกว่าเป็นห่วงเรื่องสุขภาพและเสนอแนะให้ท่านหมั่นออกกำลังและดูแลตัวเองให้มากๆเข้าไว้ถ้าจะว่าไปแล้ว ผู้บริหารแต่ละท่านต่างก็มีสไตล์การบริหารที่ไม่เหมือนกัน เพราะฝึกมาคนละแบบสมัยป๋าเปรมแม้จะมีงานเยอะและท่านก็แบกไว้หลายเรื่อง รวมทั้งเป็นประธาน ครม.เศรษฐกิจเองเช่นกันแถมยังเป็นอีกหลายชุด ล้วนหนักๆทั้งสิ้น เช่น คณะกรรมการร่วมภาครัฐบาลและเอกชนเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ (กรอ.), คณะกรรมการพัฒนาชนบทแห่งชาติ, คณะกรรมการพัฒนาชายฝั่งทะเลด้านตะวันออก ฯลฯแต่ท่านก็ใช้วิธีผ่อนแรงโดยมอบความไว้วางใจให้แก่ฝ่ายเลขานุการชุดต่างๆ รวมทั้งมอบหมายให้คณะที่ปรึกษาของท่านคอยให้คำปรึกษา และทำการบ้านต่างๆให้ท่านท่านจะตัดสินใจในเรื่องใหญ่ๆเมื่อฟังความรอบด้านแล้วโชคดีว่าในยุคท่านมี ดร.เสนาะ อูนากูล เลขาธิการสภาพัฒน์ นักเศรษฐศาสตร์หมายเลข 1 ของประเทศในช่วงนั้น ช่วยเป็นเลขานุการ ครม.เศรษฐกิจ ส่งผลให้การบริหารและการแก้ปัญหาเศรษฐกิจดำเนินไปอย่างดียิ่ง ทั้งแก้ปัญหาเฉพาะหน้า และวางรากฐานสำหรับอนาคตสำหรับ ครม.เศรษฐกิจของบิ๊กตู่ฟังว่าจะมี ดร.กอบศักดิ์ ภูตระกูล รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ที่ได้รับการแต่งตั้งหมาดๆ มาเป็นเลขานุการร่วมกับเลขาธิการสภาพัฒน์ผมยังไม่เห็นคำสั่งว่าออกมาอย่างไร แต่ฟังจากถ้อยแถลงของท่านโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พอจับความได้ว่า ดร.กอบศักดิ์จะเป็นเลขานุการชุดนี้ และอนุมานได้ว่าจะทำหน้าที่คล้ายๆ ดร.เสนาะในยุคก่อนโดยมีท่านเลขาธิการสภาพัฒน์ และทีมงานสภาพัฒน์ทั้งทีมในปัจจุบันเป็นทีมสนับสนุนการทำงานถ้า ดร.กอบศักดิ์กับสภาพัฒน์เข้าขากันได้อย่างดี ก็น่าจะช่วยให้การแก้ปัญหาด้านเศรษฐกิจสำเร็จลุล่วงได้ดีเหมือนยุคป๋าเปรมผมเอาใจช่วยเต็มที่ครับ เพราะเรื่องเศรษฐกิจเนี่ย ไม่เอาใจช่วยไม่ได้เลย เนื่องจากถ้าเศรษฐกิจพัง หรือไปไม่รอดก็จะพังกันทุกคน รวมทั้งตัวผมและท่านผู้อ่านด้วย จึงต้องเอาใจช่วยไว้ก่อนแต่ก็นั่นแหละ ศึกครั้งนี้ใหญ่หลวงนัก บิ๊กตู่และทีมงานของท่านจะลุยชนะศึกเศรษฐกิจได้หรือไม่ คงต้องติดตามกันต่อไปถือว่างานนี้ท่านออกมารำดาบนำทัพเศรษฐกิจเต็มตัว เป็น “อีโคโนมิกซาร์” แทน ดร.สมคิดไปเลยนะครับเนี่ย.“ซูม”