ขนมเดือน 10 เป็นขนมทำบุญ แต่ละภาคมีมากมายหลายชนิด แต่เมื่อเป็นขนมเดือน 11 ชาวบ้านทุกภาคก็ทำไว้ทำบุญเหมือนกัน แม้รูปร่างหน้าตาไม่เหมือนกัน แต่เป็นขนมชนิดเดียวกันส.พลายน้อยเขียนไว้ในหนังสือขนมแม่เอ๊ย (สำนักพิมพ์สารคดี พิมพ์ครั้งที่ 9 พ.ศ.2561) ว่า ในการทำบุญออกพรรษาหรือทำบุญตักบาตรเทโว ชาวบ้านทำข้าวต้มเหมือนกันทั้งสองภาค แต่วิธีการไม่ตรงกัน ชื่อที่เรียกก็ต่างกันทางใต้เรียก “ห่อต้ม” หรือ “ห่อปัด” เท่าที่ทราบ ชาวนครศรีธรรมราชทำกันอยู่สองอย่างอย่างหนึ่งเอาข้าวเหนียวผัดกับกะทิจนเกือบจะสุก แล้วมาห่อด้วยใบกะพ้อ เป็นรูปกรวยหรือรูปสามเหลี่ยม วิธีห่อจะแนบเนียน ให้ใบพ้อสอดพันกันเอง ไม่ต้องใช้ตอกหรือเชือกมัด เมื่อเรียบร้อยก็เอาไปต้ม สุกก็ใช้ได้อีกอย่างหนึ่งใช้ข้าวเหนียวเหมือนกัน ผิดกันที่ห่อด้วยใบจากอ่อนๆ หรือใบมะพร้าวอ่อนๆ ห่อขนาดยาวราว 4-5 นิ้ว แล้วมัดด้วยเชือกเป็นเปลาะๆ เสร็จแล้วเอาไปต้ม แบบนี้เขาเรียกว่า “ปัด” บางถิ่นก็เรียก “จั้ง”ส่วนข้าวต้มทางภาคกลางจะมีพิเศษสักหน่อย ข้าวเหนียวใส่ไส้ด้วยกล้วยน้ำว้าสุกก็มี ใส่ถั่วดำก็มีอยากให้มีสีเหลืองนวลก็ใช้ใบตองอ่อนที่มีลักษณะพิเศษ ก็ห่อด้วยใบเตยหรือใบมะพร้าว ใบอ้อย ข้าวต้มแบบนี้ทำเป็นก้อน ไม่เป็นกลีบเหมือนอย่างที่ห่อด้วยใบตอง และจะเหลือใบเตย ใบอ้อย ไว้เป็นหางยาวๆเรียกข้าวต้มลูกโยน เพราะรูปร่างเหมือนลูกช่วงที่ใช้เล่นโยนกันในเทศกาลตรุษสงกรานต์เมื่อกล่าวถึงชื่อ “ข้าวต้มผัด” ก็จะมีคนสงสัย เหตุไรจึงชื่อ “ข้าวต้มผัด” น่าจะเรียก “ข้าวต้มมัด” มากกว่า เพราะว่าห่อมัดเข้าด้วยกัน แต่บางคนก็ว่า น่าจะเรียก “ข้าวต้มกลีบ” เพราะเป็นกลีบมีคนเอาไปทายเล่น “อะไรเอ่ย สองกลีบหนีบกล้วย” ครั้งแรกคิดว่า คนทายสัปดน พอเขาเฉลยว่าข้าวต้มผัดชนิดมีกล้วยอยู่ข้างใน ก็จึงเข้าใจส.พลายน้อยว่า ที่คนโบราณเรียกข้าวต้มผัดนั้นถูกต้องดีกว่าอะไรหมด เป็นชื่อที่บอกวิธีทำ คือก่อนที่จะเอาข้าวเหนียวมาห่อ เขาต้องเอาข้าวเหนียวไปแช่น้ำ ไว้จนขึ้นน้ำได้ที่ จึงเอาข้าวเหนียวลงผัดกับกะทิเมื่อผัดข้าวได้ที่แล้วจึงเอาไปห่อด้วยใบตอง วิธีห่อก็ต้องละเอียดลออ จะต้องพับทบใบตองให้แน่นเพื่อไม่ให้น้ำเข้า แล้วเอาที่ห่อไว้มาประกบ เรียกว่าสองกลีบมารวมกันเอาตอกมัดสองเปลาะเรียกว่า ข้าวต้มมัดหนึ่งสรุปเหตุที่เรียกชื่อต่างกันเพราะรู้และเห็นกันไปคนละอย่างคนรู้วิธีทำก็เรียกข้าวต้มผัด เพราะเขาผัดข้าวเหนียวก่อน คนที่เห็นเขาตอนมัดก็เรียกข้าวต้มมัดคงมีคนติงเรียกข้าวต้มผัดนั้นไม่เห็นเขาต้มเลย ยิ่งเวลานี้ก็เห็นเขาใช้วิธีนึ่ง แต่กลับไม่มีใครเรียกข้าวต้มนึ่งรู้เรื่องชื่อขนมเดือน 11 แล้ว ผมคิดถึงสำนวนตาบอดคลำช้าง... ตาบอดเจ็ดคนคลำหัว คลำหู คลำหาง ฯลฯ ก็ยืนยันลักษณะช้างไปคนละอย่างเหมือนในสภา นายกรัฐมนตรีคนเดียวกันในมุมของฝ่ายค้านไม่มีอะไรดีสักอย่างแต่ในมุมของฝ่ายรัฐบาลสารพัดจะเก่งจะดี ส.ส.บางคนอภิปรายตอนเที่ยงคืน ผมเริ่มง่วง ฟังแล้วเคลิ้มว่านายกฯเป็นเทวดา จนอยากให้เป็นนายกฯต่อไปอีกหลายๆปีแต่ก็คงเป็นไปยาก เหมือนผมเห็นวิธีมัดข้าวต้มสองกลีบเข้าด้วยกัน อยากเรียก “ข้าวต้มกลีบ” อยากสนุกกับการทาย “อะไรเอ่ย สองกลีบหนีบกล้วย”หลายคนคงเห็นเป็นคำสัปดนทั้งๆที่่ไม่มีคำสัปดนปนอยู่สักคำเดียว มนุษย์เราต่างจิตต่างใจเช่นนี้เอง.กิเลน ประลองเชิง