อาชีพแพทย์แผนไทยสืบทอดกันมาตั้งแต่พุทธกาล เดิมทีเรียกกันว่า “หมอพื้นบ้าน” กรรมวิธีในการรักษาผู้ป่วยมีมากมายหลายศาสตร์หลายแขนงปัจจุบันหลายพื้นที่เริ่มนำ “การเผายา” มาใช้รักษาอาการปวดเรื้อรัง โดยใช้ยาจู้หรือใบพลับพลึงย่างไฟประคบ หรือตัดใบพลับพลึงเป็นท่อนๆ แล้วเผาดินกี่ (อิฐมอญ) มาวางทับบนใบพลับพลึง เมื่อโดนความร้อนตัวยาจากใบพลับพลึงก็จะซึมลงตรงบริเวณที่ปวดโดยตรง ทำให้อาการปวดที่อักเสบเรื้อรังหายไวโรงพยาบาลแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือกพรหมพิราม ถือว่าเป็นแห่งแรกใน จ.พิษณุโลก ที่นำวิธีการเผายามาใช้อย่างจริงจัง โดยปรับปรุงตัวยาเพื่อรักษาโรคปวดตามร่างกายและโรคกระดูกทับเส้นนายสุรศักดิ์ สิงห์ชัย หัวหน้ากลุ่มงานแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กล่าวว่า โรงพยาบาลแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือกพรหมพิราม (โรงพยาบาลพรหมพิราม) จ.พิษณุโลก เปิดให้บริการรักษาโรคตามแผนโบราณ ที่เน้นสมุนไพรไทยในการรักษาโรคมีบริการทั้งนวดปกติ นวดประคบ แช่น้ำสมุนไพร อบไอน้ำสมุนไพร และการเผายารักษาโรค มีห้องบริการผู้ป่วยใน 15 ห้อง สำหรับผู้ที่ต้องนอนพักรักษาตัวการเผายารักษาโรคจะต้องนวดร่างกายเพื่อผ่อนคลายกล้ามเนื้อก่อน สำหรับสมุนไพรที่ใช้เผาจะเป็นสูตรเฉพาะของที่นี่ ปลูกเองและผลิตเองแบบครบวงจรและต้องผ่านการฟรีซให้เย็นจัดเมื่อนำไปเผาความร้อนจะค่อยๆเผาชั้นยาแบบละมุนลงไปสู่ชั้นผิวหนัง ใช้เวลาประมาณ 20 นาที ผู้ป่วยจะรู้สึกได้เลยว่า กล้ามเนื้อคลายความตึง อาการปวดเบาลง หรือลดอาการจุกเสียดแน่นท้องลงได้การเผายาไม่ต่างจากการรักษาด้วยการทำกายภาพบำบัด ช่วยบรรเทาอาการเจ็บป่วยทำให้อาการของผู้ป่วยดีขึ้น ปัจจุบันมีการดูแลผู้ป่วยแบบแพ็กเกจ 2 คืน 3 วัน ซึ่งถูกใจผู้รับบริการมาก เพราะไม่เหมือนการไปนอนโรงพยาบาลแบบทั่วไปถือเป็นฮับด้านสุขภาพอีกแห่งหนึ่ง ที่ใช้เป็นทางเลือกในการรักษาผู้ป่วย และยังเป็นการอนุรักษ์ศาสตร์การแพทย์แผนไทยให้คงอยู่สืบไป...ยุทธ์ ไกรโชค