กรณีหุ้นสื่อมวลชนของนักการเมือง กลายเป็นเกมการเมืองที่ลุกลามบานปลาย มีการทยอยกล่าวหากันอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่ประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้ยื่นเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญ ตามคำร้องของ ส.ส.พรรคอนาคตใหม่ เพื่อให้ตรวจสอบคุณสมบัติของ 41 ส.ส. ตามด้วยคำร้องของเลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญ ไทยต่อ กกต. ให้ตรวจสอบคุณสมบัติ 16 ส.ส.ส.ส.ทั้ง 57 คน ถูกกล่าวหาเป็นผู้ถือครองหุ้นสื่อมวลชน ส่วนใหญ่เป็น ส.ส. จากพรรคพลังประชารัฐ ถึง 41 คน รอง ลงไปคือ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ 12 คน ข้อมูลเบื้องต้นระบุว่า ส.ส.ส่วนใหญ่ที่ถูกร้อง ไม่ได้เป็นเจ้าของหรือประกอบธุรกิจสื่อจริง เพียงแต่จดทะเบียนการค้าบริษัท ตามแบบฟอร์มของทางราชการ ที่ระบุวัตถุประสงค์ไว้มากมาย รวมทั้งกิจการสื่อข้อห้ามนักการเมืองเป็นเจ้าของ หรือถือหุ้นในกิจการสื่อ มีบัญญัติไว้ครั้งแรกในรัฐธรรมนูญ 2550 ไม่ว่าจะในนามตนเองหรือผู้อื่น และไม่ว่าจะเป็นโดยทางตรงหรือทางอ้อม รวมทั้งห้ามนักการเมืองแอบบริหารกิจการสื่อ เจตนารมณ์สำคัญเพื่อป้องกันนักการเมืองไม่ให้ใช้สื่อมวลชนเป็นกระบอกเสียง เพื่อโฆษณาความดีของตนเอง และโจมตีฝ่ายตรงข้ามการตีความกฎหมายเรื่องนี้ นอกจากจะตีความตามลายลักษณ์อักษรของรัฐธรรมนูญแล้ว ต้องตีความตามเจตนารมณ์ของกฎหมายด้วย จะต้องดูข้อเท็จจริงด้วยว่านักการเมืองที่ถูกร้อง ประกอบกิจการสื่อจริงหรือไม่ หรือเพียงแต่ทำตามแบบฟอร์ม ของการจดทะเบียนบริษัท และต้องดูด้วยว่า ส.ส.ที่ถูกร้อง ได้ใช้สื่อมวลชนก่อความเสียหายหรือไม่กรณีหุ้นสื่อมวลชนของนักการเมืองที่บานปลาย อาจมีผลกระทบทางการเมืองรุนแรง หากเดินไปถึงขั้นที่ว่าศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้ 57 ส.ส.หยุดการปฏิบัติหน้าที่ จนกว่าศาลจะมีคำวินิจฉัยแบบเดียวกับนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ที่ถูกร้องเรียนในเรื่องเดียวกัน ส.ส.ที่ถูกร้องรอบใหม่ส่วนใหญ่เป็นฝ่ายรัฐบาล บางคนไม่ได้เป็นเพียง ส.ส.แต่อาจเป็นรัฐมนตรีด้วยส.ส.ที่ถูกร้องเรื่องหุ้นรอบใหม่ เป็น ส.ส.พรรคพลังประชารัฐถึง 41 คน พรรคประชาธิปัตย์ 12 คน ล้วนแต่เป็น ส.ส.พรรครัฐบาล ถ้ารัฐบาลเสียงปริ่มน้ำที่มีเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎรเพียงไม่กี่เสียง จะต้องเสีย ส.ส.ไปอีก 53 เสียง จะกลายเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อยในสภาผู้แทนราษฎรในทันที และกระทบต่อเสถียรภาพรัฐบาล กลายเป็นรัฐบาลเป็ดง่อยถ้ารัฐบาลต้องกลายเป็นเสียงข้างน้อยในสภาผู้แทนราษฎร อาจต้องโดนเกมการเมืองหนักๆจาก 7 พรรคฝ่ายค้าน ที่จับมือกันอย่างเหนียวแน่น และมี ส.ส.เกือบถึงกึ่งหนึ่งของสภา ฝ่ายค้านอาจถือโอกาสเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ ใช้เสียงที่มากกว่าล้มรัฐบาล หรืออาจไม่ยอมผ่านกฎหมายงบประมาณรายจ่ายของรัฐบาล อาจนำไปสู่การยุบสภาเลือกตั้งใหม่.